ตอนที่ 1699 ไม้เด็ดแห่งอินทรีสวรรค์
ห่างออกไปพลังอันรุนแรงสะท้านมิติสวรรค์กำลังปะทะกันอย่างรุนแรง
ตอนนี้ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์จากเมืองจักรพรรดิยอดสันติได้ทำการกดดันฝ่ายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างเต็มตัว
เพราะยังไงพวกเขานั้นก็เป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์มานาน ไม่ว่าจะเรื่องปราณเทวะหรือพลังโลกพวกเขาย่อมเหนือกว่าฝ่ายพวกเล่งหยูที่เพิ่งจะบรรลุไปมาก
แรกๆ ความต่างนี้มันอาจจะยังไม่ส่งผล แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไป ความแตกต่างทั้งหลายมันก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น
ตอนนี้แม้แต่โซชูเจียเองก็ทำท่าจะแพ้แล้วเหมือนกัน
“เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่! ท่านเจ้าเมืองแทบสู้ไม่ไหวแล้ว!”
“ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ของเมืองจักรพรรดิยอดสันติมันแข็งแกร่งเกินไป ไม่ว่าฝ่ายเราจะเก่งกาจแค่ไหนแต่การที่เพิ่งบรรลุมาแบบนี้ พวกเขาไม่มีเวลาเตรียมตัวมากพอ!”
“เอายังไงดี? หรือว่า…วรยุทธสายอินทรีสวรรค์จะต้องจบสิ้นลงเพียงเท่านี้แล้ว?”
…
ไกลออกมาเหล่านักยุทธในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างแสดงท่าทางสีหน้าเป็นกังวล
ความดีใจที่ได้สองยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เพิ่มมาของพวกเขานั้นหายลับไปหมดแล้ว
“ฮ่าๆ โซชูเจีย มีสี่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์แล้วมันทำไม? ด้วยพลังฝีมือเท่านี้มีหรือที่จะมาเทียบเคียงข้าได้?”
เฉียวอันชานหัวเราะลั่นพร้อมปล่อยท่าจู่โจมออกมาไม่พัก ยังคงรักษาความได้เปรียบไว้อย่างเหนียวแน่น
โซชูเจียเองก็ค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่อยๆ จนเริ่มเสียพลังไปหลายส่วน
คนอื่นๆ เองก็เจอสภาพที่ไม่ต่างกันนัก
เหวินอี้หลินหัวเราะร่า “ข้าบอกว่ายังไงล่ะ? มดปลวกมันก็เป็นได้แค่มดปลวก! เจ้าคิดว่าช่องว่างความห่างหนึ่งแสนปีมันจะมาทดแทนได้ง่ายๆ ด้วยการบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์รึ? ฮ่าๆ ตายไปเถอะ!”
ผู้ตรวจการหันมายิ้มใส่เย่หยวน “นี่ไง เจ้ายังไม่คิดว่าข้าต้องช่วยชีวิตเจ้าอีกรึ?”
การแลกโอสถกับการช่วยชีวิตเย่หยวนและการให้เย่หยวนช่วยหลอมโอสถให้นั้นมันต่างกันสิ้นเชิง
การให้เย่หยวนช่วยหลอมโอสถให้เฉยๆ นั้นมันเท่ากับการที่เขาต้องติดหนี้บุญคุณเย่หยวน
สำหรับนักยุทธ มันไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าการติดหนี้บุญคุณแล้ว
เพราะหากบุญคุณนั้นไม่ได้ตอบแทน เมื่อทำการบรรลุมันก็จะทำให้เกิดมารจิตขึ้น ผลที่ตามมามันจะหนักหนาอย่างสาหัสมาก
เพราะฉะนั้นสำหรับนักยุทธ พวกเขาจึงเลือกที่จะแลกเปลี่ยนและไม่ยอมติดหนี้ใครง่ายๆ
สำหรับเย่หวนเองก็เช่นกัน
ผู้ตรวจการคนนี้นั้นมีตำแหน่งที่สูงส่ง หากทำให้เขาติดหนี้บุญคุณได้มันก็เท่ากับว่าเขามีประกันเรื่องความปลอดภัยในสิบเมืองสันเขาใต้ไปแล้ว
การแลกเปลี่ยนเช่นนี้ หากไม่คิดทำเขาย่อมเป็นคนโง่!
ใบหน้าของเย่หยวนนั้นไม่มีท่าทีกังวลใดๆ และตอบไป “ใช่ ไม่จำเป็นหรอกท่าน”
ผู้ตรวจการได้แต่ส่ายหัวออกมา รู้สึกว่าเย่หยวนนั้นเป็นคนประเภทที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
แต่เขาก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรจึงตอบมาด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้าเปล่าๆ นะ อีกไม่นานเจ้าคงได้มาก้มหัวขอร้องข้าแน่!”
เย่หยวนยิ้ม “หากข้ารับคำไปตอนนี้ อีกไม่นานท่านผู้ตรวจการคงได้เสียหน้าแย่”
ผู้ตรวจการหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินเย่หยวนพูดแบบนั้น “เจ้าเด็กคนนี้น่าสนใจจริงๆ ข้าล่ะอยากเห็นเหลือเกินว่ามันจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริงๆ ไหม”
เย่หยวนตอบ “ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ แต่เป็นกำลังต่างหาก!”
ผู้ตรวจการได้แต่ส่ายหัวไปมาและหัวเราะกับตัวเอง เขาไม่คิดที่จะเถียงไปมากับเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว
ที่บนท้องฟ้านั้น สภาพของโซชูเจียที่ใกล้แพ้ยิ่งปรากฏเด่นชัดขึ้น
เฉียวอันชานนั้นแสดงสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจก่อนจะตะโกนลั่นออกมาพร้อมขวานยักษ์ในมือ “โซชูเจีย ขวานนี้จะส่งเจ้าไปโลกหน้าเอง! ขวานจอมมารผ่าสวรรค์ ตายเสียเถอะ!”
ขวานยักษ์นี้เป็นสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ มันเป็นขวานที่ให้พลังราวกับจะผ่าฟ้าดินได้
ดูท่านี่คงเป็นท่าสังหารที่แท้จริงของเฉียวอันชานแล้ว
เสียงร้องดังขึ้นมาจากนักยุทธทั้งหลาย พวกเขาหลายคนถึงขั้นเลือกที่จะหลับตาลงเพราะไม่สามารถทนดูร่างของเจ้าเมืองตัวเองอย่างโซชูเจียถูกหั่นแยกออกจากกันได้
ตู้ม!
เกิดเสียงดังสนั่นฟ้าขึ้น แต่ร่างของโซชูเจียกลับไม่ได้แยกออกจากกัน
กลับกัน เป็นเฉียวอันชานแทนที่ถูกซัดกระเด็นกลับไปหลายร้อยเมตร
เฉียวอันชานหน้าเปลี่ยนสีทันที “เขาหน่วงเทพบรรพกาล! บ้าน่า! เจ้า…เจ้าหลอมเขาหน่วงเทพบรรพกาลได้แล้ว? ไม่สิ นี่มันมิใช่เขาหน่วงเทพบรรพกาลของเจ้านี่!”
ท่าทางของโซชูเจียตอนนี้ดูไม่ค่อยดีนัก แต่เขากลับยืนถือเขาสีดำสนิทไว้ในมือ
เขานี้มันปล่อยคลื่นพลังอันรุนแรงออกมาจากมือของโซชูเจีย
ได้ยินแบบนั้นโซชูเจียก็บอก “ไม่นึกใช่ไหมล่ะ? เย่หยวนนั้นทำการหลอมเขาหน่วงเทพบรรพกาลได้สมบูรณ์แล้ว เจ้าอยากได้มันนักไม่ใช่รึ? งั้นก็มาลองชิมพลังของมันหน่อย!”
พูดจบโซชูเจียก็ยื่นมือออกมา ปล่อยเขาหน่วงเทพบรรพกาลออกไปราวกับเป็นเงาสีดำสนิท พุ่งปะทะเฉียวอันชานอย่างแรง!
ความเร็วนั้นมันเหนือล้ำ เฉียวอันชานไม่มีทางหนีทันได้จึงต้องยกขวานยักษ์ขึ้นมาป้องกันแทน
ปัง!
เฉียวอันชานกระเด็นลอยไปอีกไกล พร้อมๆ กับเลือดที่กระเซ็นซ่านไปทั่วทิศ
เขามีสีหน้าที่เหมือนได้เห็นผี ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง “บ้าน่า! มันได้มาแค่กี่ปีกัน? ทำไมมัน แค่เด็กอาณาจักรราชันพระเจ้าคนหนึ่ง ถึงได้มีปัญญาที่จะหลอมเขาหน่วงเทพบรรพกาลจนสำเร็จได้?”
โซชูเจียหัวเราะออกมา “หากเจ้ารอดก็ลองไปถามเย่หยวนดูเอาเองแล้วกัน แต่ตอนนี้…หึๆ”
โซชูเจียควบคุมเขาหน่วงเทพบรรพกาลไว้ให้มันกระแทกกับร่างของเฉียวอันชานอีกครา
เขาหน่วงเทพบรรพกาลนี้เมื่อมาอยู่ในมือของโซชูเจียมันก็แสดงพลังออกมาได้อย่างมากล้นเหนือเวลาที่เย่หยวนใช้มาก
เฉียวอันชานนั้นมีขวานที่สุดแสนจะทรงพลัง แต่ตราบเท่าที่มันปะทะเข้ากับเขาหน่วงเทพบรรพกาล ร่างของเฉียวอันชานก็จะปลิวไปไกลทันที
การต่อสู้แบบนี้มันคงเรียกว่าการต่อสู้ไม่ได้แล้ว
พลังของสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์มันเหนือล้ำกว่าสิ่งใดๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
หากเขาหน่วงเทพบรรพกาลนี้ไม่ถูกหลอมจนสมบูรณ์ มันก็จะไม่สามารถปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาได้
เย่หยวนนั้นยังใช้มันทุบทำลายผู้คนได้ แต่การใช้มันกับยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่สมบูรณ์พร้อมนั้นมันยังเป็นเรื่องยาก
แต่เมื่อเย่หยวนหลอมมันได้จนสมบูรณ์ ต่อให้เขาจะใช้มันเองไม่ได้เพราะพลังบ่มเพาะของเขายังต่ำ แต่เมื่อให้มันแก่โซชูเจียได้ยืมใช้ พลังที่ออกมามันก็แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
เพราะฉะนั้นเฉียวอันชานจึงตื่นตกใจมากที่ได้เห็นเขาหน่วงเทพบรรพกาลในสนามประลองแบบนี้
เขาหน่วงเทพบรรพกาลนั้นเป็นสิ่งที่หลอมจับได้ยาก เฉียวอันชานไม่คิดว่ามันจะใช้ประโยชน์ใดๆ ได้เลยในเวลาแค่นี้
ไม่เช่นนั้นต่อให้เขาไปกินยาบ้าที่ไหนมา เขาก็ไม่มีทางจะส่งตราดาบทองคำออกมาแน่!
การที่เย่หยวนหลอมเขาหน่วงเทพบรรพกาลได้เร็วปานนี้ย่อมเป็นเพราะเขาได้ฟ้าหน่วงหยวนฉือช่วย
เย่หยวนนั้นมีความเข้าใจในแนวคิดแห่งแรงโน้มถ่วงสูงมาก พวกกับความเข้ากันได้ของฟ้าหน่วงหยวนฉือต่อเขาหน่วงเทพบรรพกาลมันจึงทำให้เย่หยวนสามารถหลอมเขาหน่วงเทพบรรพกาลได้เร็วกว่าคนอื่นๆ หลายเท่าตัว
เฉียวอันชานในตอนนี้แทบอยากจะกระอักเลือดออกมา ด้วยสภาพที่พลังบ่มเพาะไม่ได้ต่างกันมากมาย ความกดดันจากเขาหน่วงเทพบรรพกาลมันสูงมากจนเกินไป
เมื่อเขาหน่วงเทพบรรพกาลถูกปล่อยออกมา การต่อสู้ก็เปลี่ยนไปในทันที
ที่ด้านข้างนั้นเหอชงเองก็ได้นำเชือกมันเซียนออกมา ทำให้คู่ต่อสู้ของเขาถูกจับได้อย่างไม่ทันตั้งตัว
เหอชงเองก็เป็นหนึ่งในคนที่บรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มานานมากแล้ว ความแตกต่างของทั้งสองคนมันจึงไม่ได้ยิ่งใหญ่ใดๆ เลย
ตอนนี้เมื่อถูกพลังจากสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำมาอีกชิ้น มันจึงทำให้เขาได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดต่อคู่ต่อสู้
เมื่ออีกฝังเห็นเชือกมัดเซียนนั้นเขาก็แทบจะต้องกระอักเลือดออกมา
เพราะนี่เดิมทีมันคือสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำของเมืองจักรพรรดิยอดสันติ แต่ตอนนี้กลับเป็นเหอชงที่นำมันมาทำร้ายเขา!
แต่คนที่สะดุดตาที่สุดก็ยังเป็นเล่งหยู
เพราะเขาไม่ได้เอาสมบัติใดๆ ออกมาเลย แต่ร่างของเขากลับดูเบลอ ไปหน้าไปหลังในชั่วพริบตา
แนวคิดแห่งห้วงมิติ!
“แนวคิดแห่งห้วงมิติ! ท่านบรรพบุรุษเล่งหยู ท่าน…ท่านสำเร็จแนวคิดแห่งห้วงมิติหนึ่งดาวแล้ว!”
“เข้าใจล่ะ! ก็ว่าสิว่าทำไมถึงได้อยากไปบรรลุที่หอยุทธ! ที่แท้ก็ไปเพื่อศึกษาแนวคิดแห่งห้วงมิติเพิ่มนี่เอง!”
“เวลากว่าแสนปีมานี้ไม่ได้สูญเปล่าเลย! ด้วยแนวคิดแห่งห้วงมิตินี้ต่อให้มันจะเป็นแค่ระดับหนึ่งดาวมันก็คงช่วยเพิ่มพลังให้ผู้ใช้ได้มากโข!”
…
เมื่อเห็นภาพเหล่านั้น นักยุทธแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็ตะโกนร้องออกมาตามๆ กันด้วยความตื่นเต้น