ตอนที่ 1702 เมืองจักรพรรดิเลิศประกาย
ในตอนนี้มันเป็นเวลาหลายปีแล้วนับจากสัญญาห้าร้อยปีผ่านไป
แต่ไม่ว่าจะรอเท่าไหร่ก็ไม่มีข่าวคราวของลี่เอ๋อ ลู่เอ๋อหรืออิ้งหมัวหู่เลย
หลายปีมานีเย่หยวนจึงไม่สามารถที่จะตั้งใจบ่มเพาะได้อย่างเต็มที่ ได้แต่นั่งรอข่าวคราวของพวกเขาทุกวี่วัน
เมื่อเวลายิ่งผ่านไป เย่หยวนก็ยิ่งอดรนทนรอไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะจริงๆ ตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้วที่เจียงยู่ถังได้เชิญเย่หยวนไปที่เมืองหลวงจักรพรรดิ แต่เย่หยวนนั้นยังมีสัญญาห้าร้อยปีให้ต้องรอจึงได้แต่ปฏิเสธไป
และตอนนี้เขายิ่งไปไม่ได้หนักกว่าเก่า
เจียงยู่ถังนั้นมองดูใบหน้าของเย่หยวนและบอก “วางใจเถอะ เหล่าน้องสะใภ้ต้องปลอดภัยได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์แน่!”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “พี่เจียง คำพูดเหล่านั้น แม้แต่ตัวท่านเองก็ยังไม่เชื่อมันเลยใช่ไหม?”
เจียงยู่ถังได้แต่หัวเราะแห้งๆ ตอบกลับมาหลังถูกดักคอแบบนั้น
มหาพิภพถงเทียนนั้นมันแสนจะยิ่งใหญ่ มีความอันตรายรอคอยอยู่ทุกที่ แถมเหล่าคนที่ออกไปนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากมายใดๆ จะเกิดอะไรขึ้นด้านนอกมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
ตอนนั้นเมื่อเห็นพวกลี่เอ๋อจากไป เรื่องที่เย่หยวนกังวลที่สุดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้นี่เอง แต่เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าสุดท้ายมันจะมาเกิดขึ้นจนได้
เหตุผลที่เขาตั้งสัญญาไว้ที่ห้าร้อยปีก็เพื่อไม่อยากให้พวกเขาทั้งหลายไปไหนกันไกลมากนัก
เมื่อได้มาเห็นสภาพในตอนนี้ เย่หยวนก็ได้รู้ว่าสุดท้ายเรื่องราวต่างๆ มันก็ไม่เห็นดั่งหวังอยู่ดี
เจียงยู่ถังเห็นเย่หยวนกำลังลำบากเช่นนั้นเลยกล่าว “อย่าได้โทษตัวเองมากไปเลย มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดฝันให้เกิดขึ้น หากมีอะไรให้โทษก็ต้องโทษที่ความเก่งกาจเกินไปของเจ้านั่นแหละ! การได้อยู่เคียงข้างเจ้านั้นมันคงเป็นภาระที่หนักหน่วงไม่น้อยเลยทีเดียว!”
เย่หยวนมองดูเจียงยู่ถังและอดไม่ได้ที่จะต้องหันหน้าหนี
แต่ทว่าสิ่งที่เจียงยู่ถังบอกมามันเป็นสิ่งที่เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ ในหัวใจไม่ใช่คำพูดประจบใดๆ
แม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนการประจบแค่ไหนก็ตามแต่
ผ่านมาหลายปีนี้ เจียงยู่ถังและเย่หยวนก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น และเขาก็ย่อมรับรู้ถึงพรสวรรค์ที่เหนือล้ำของเย่หยวนด้วยเช่นกัน
ยอดอัจฉริยะแบบนี้ คนธรรมดาที่ได้อยู่เคียงข้างคงรู้สึกกดดันไม่น้อยเลยทีเดียว
และนี่เองก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกลี่เอ๋อจากไป
เจียงยู่ถังบอกต่อ “เจ้าต้องลองมองด้านดีๆ บ้างนะ เจ้าลองคิดดูสิ ตอนนี้พวกเขานั้นออกไปฝึกตัวข้างนอก บางทีอาจจะมีโชคดีได้ไปเจอหรือได้รับอะไรที่เหนือคาดมาก็ได้นะ?”
เย่หยวนคิดไปหน่อยและพยักหน้า “คงคิดได้แค่นั้นเรื่องจริงๆ”
เจียงยู่ถังบอก “งั้นต่อไปเจ้าคิดจะทำอย่างไร?”
เย่หยวนตอบ “อีกไม่กี่ปีข้างหน้าหากยังไม่มีข่าวคราว ข้าวางแผนไว้ว่าจะไปที่เมืองจักรพรรดิเลิศประกาย!”
เจียงยู่ถังหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยิน “เมืองจักรพรรดิเลิศประกาย! นั่นมันเขตแดนของตระกูลเจียนนี่!”
ในมหาพิภพถงเทียนนี้มีเมืองจักพรรดิอยู่มากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาเหล่านั้นทำการปกครองหล้าโดยที่ไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้ผู้คนภายนอกรับรู้มากมายนัก
แต่เมืองจักรพรรดิบางเมืองนั้นก็จะมีชื่อเสียงที่แสนโด่งดังทะลุฟ้า จนทุกผู้คนในมหาพิภพถงเทียนได้รับรู้ถึงชื่อนั้น
หนึ่งในนั้นคือเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย
เหตุผลที่มันโด่งดังก็เป็นเพราะว่านี่คือเมืองในเขตแดนของตระกูลเจียน
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นมีลูกหลานกระจายตัวอยู่ทั่วมหาพิภพถงเทียนไปหมด แต่หนึ่งในตระกูลลูกหลานที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั้นก็คือตระกูลเจียน
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! ศาสตร์การดูคลื่นพลังของตระกูลเจียนนั้นหาใครเทียบไม่ติด ข้าเองจึงอยากจะขอเชิญให้พวกเขาได้ลงมือช่วยเหลือ อย่างน้อยๆ ข้าก็อยากแน่ใจว่าพวกลี่เอ๋อยังไม่ตาย”
เจียงยู่ถังหน้าถอดสีทันที “ตระกูลเจียนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ทะนงตน แค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวไปขอเช่นนี้เจ้าคิดหรือว่าจะมีใครมาสนใจเจ้า?”
เย่หยวนบอก “ครั้งก่อนที่ข้าออกเดินทางฝึกฝนตัว ข้าได้ไปรู้จักกับคนจากตระกูลเจียนคนหนึ่ง ข้าจะไปถามขอร้องให้เขาช่วย เพราะสุดท้ายหากไม่ได้รับข่าวของพวกเขาทั้งหลายอย่างนี้ต่อไปข้าเองก็คงบ่มเพาะใดๆ ไม่ได้เช่นกัน”
เจียงยู่ถังนั้นตื่นตะลึงในหัวใจ เขาไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะมีสายสัมพันธ์กับคนตระกูลเจียนแบบนี้!
เพราะคนตระกูลเจียนนั้นชื่อเสียงในเรื่องการดูคลื่นพลัง คนที่พวกเขาทั้งหลายคิดจะคบค้าสมาคมด้วยจึงต้องเป็นยอดคนมากพรสวรรค์เท่านั้น
คนธรรมดาๆ ไม่มีทางเข้าตาพวกเขาได้
แม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อย่างตัวเจียงยู่ถังเอง หากเขาไม่มีความสามารถพรสวรรค์มากพอ เหล่าตระกูลเจียงเองก็คงไม่คิดจะสนใจหันมามองเขาเหมือนกัน
แต่พอลองคิดดู เจียงยู่ถังก็โล่งใจ
เพราะด้วยความสามารถพรสวรรค์ของเย่หยวนนั้นมันไม่แปลกหรอกที่ตระกูลเจียนจะมองประเมินเขาไว้สูง
หากเจียงยู่ถังได้รู้ว่าตอนนั้นเจียนเจิ้นเทาหันมองเย่หยวนแล้วแทบตาบอดเองแบบนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะทำหน้าแบบไหนออกมา
เจียงยู่ถังหยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ก็อาจจะดี เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นแข็งแกร่ง หากเจ้าได้ไปทำความรู้จักกับคนตระกูลเจียนไว้มันก็จะต้องเป็นประโยชน์กับเจ้าได้มากแน่ๆ!”
จู่ๆ เย่หยวนก็หยิบไหใบใหญ่ออกมาและบอก “พี่เจียง หลังจากข้าออกไปแล้วคงต้องให้ท่านช่วยดูแลเรื่องราวในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ นี่คือไหเหล้านางฟ้าร้อยดอกไม้ ท่านจงเอามันไปค่อยๆ จิบดื่มเถอะ”
เจียงยู่ถังหรี่ตาลงทันทีและมองไปยังเย่หยวนด้วยความโกรธ “เด็กน้อย บ่นกับข้าว่าจะหมดๆ แล้ว ทั้งๆ ที่เจ้ากลับเก็บซ่อนมันไว้มากมายขนาดนี้!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ข้านั้นทำมันไว้ทั้งหมดสามไห และนี่คือไหสุดท้ายที่ข้ามีแล้ว สมุนไพรที่ใช้ทำเหล้านางฟ้าร้อยดอกไม้นั้นมันหายากแค่ไหนท่านก็ทราบดี หลังดื่มไหนี้หมดไม่รู้ต้องรออีกนานเพียงใดที่จะได้ดื่มกินมันอีกครั้ง!”
เมื่อเจียงยู่ถังได้ยิน เขาก็ใจเย็นลงทันทีก่อนจะกล่าวมาด้วยรอยยิ้มแฝงนัย “เด็กน้อย เจ้าจะใช้ไหเหล้านี้ติดสินบนข้ารึ?”
เย่หยวนยิ้ม “แล้วท่านจะรับสินบนนี้ไว้ไหมล่ะ?”
เจียงยู่ถังยิ้มกว้างทันทีพร้อมโผเข้ากอดไหเหล้านั้น “รับแน่นอนสิ! เหล้าที่หอมอร่อยขนาดนี้ไม่ดื่มก็โง่แล้ว! เจ้าไปเถอะ เรื่องในเมืองนี้ต่อให้เจ้าไม่ว่าอะไรข้าก็ไม่มีทางจะนั่งนอนดูเฉยได้อยู่แล้ว เพียงแค่ว่าตอนนี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นสุดจะแข็งแกร่งจนข้าไม่ต้องทำการยุ่มย่ามใดๆ เลยก็เท่านั้น”
เย่หยวนยิ้ม “ที่แห่งนี้คือฐานใหญ่ข้า หากไม่ดูแลมันให้ดีข้าคงออกไปอย่างสบายใจไม่ได้”
เจียงยู่ถังนั้นเป็นผู้ตรวจการของสิบเมืองสันเขาใต้ พลังอำนาจที่เขามีนั้นเรียกได้ว่าเหนือล้ำใครๆ
เขานั้นมีอำนาจมากพอจะล้อเล่นกับชีวิตใครก็ได้
แต่เจียงยู่ถังนั้นมิใช่คนที่จะทำเรื่องชั่วช้าตามใจอยาก หากไม่เป็นเช่นนี้มีหรือที่สิบเมืองสันเขาใต้จะได้อยู่เป็นสุขกันขนาดนี้
ตราบเท่าที่เจียงยู่ถังคิดอยาก เขาก็ถึงขั้นสามารถจะปลดเจ้าเมืองใดๆ ออกก็ได้ตามต้องการ
เพราะฉะนั้นเมื่อมีเจียงยู่ถังอยู่ด้วย เย่หยวนจึงวางใจไปได้มาก
ตราบเท่าที่เจียงยู่ถังไม่คิดนิ่งนอนใจ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็จะไม่มีทางเกิดเรื่องร้ายใดๆ ขึ้นแน่
…
“นี่หรือคือเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย? ช่างยิ่งใหญ่เสียจริง!”
หลังจากผ่านไปอีกกว่าสิบปี ในที่สุดเย่หยวนก็ต้องมายังเมืองจักรพรรดิเลิศประกายจนได้
เพราะหลังจากรอไปอีกสิบปีที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เย่หยวนจึงไม่สามารถที่จะอดทนรอได้อีกต่อไป
เพราะฉะนั้นเขาจึงจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่มีเจียงยู่ถังคอยดูแลมาพร้อมๆ กับหนิงเทียนปิง เพื่อเดินทางมายังเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย
เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นเป็นประกายสมชื่อเมือง แสงอาทิตย์สาดส่องรอบฟ้าในเมืองนั้นมันสวยงามราบกับริบบิ้น เป็นภาพที่น่าตื่นตามาก
เป็นเมืองจักรพรรดิเช่นเดียวกัน แต่หากเอาเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มาเทียบแล้วมันคงไม่มีทางเทียบเมืองจักรพรรดิเลิศประกายติดเลย
นั่นคือความเป็นจริงที่หลีกหนีไม่ได้
เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์หวนเจิ้น เป็นคนละคนกับที่ปกครองเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
ที่ๆ จักรพรรดิเทพสวรรค์หวนเจิ้นอยู่นั้นจึงมีพลังวิญญาณที่ปกคลุมหนาแน่นกว่า
เทียบกับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นมีพลังวิญญาณที่หนาแน่นกว่าไม่รู้กี่เท่า!
ให้เทียบเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงเป็นได้แค่เมืองบ้านนอกแห่งหนึ่ง
“สมชื่อว่าเป็นเมืองของตระกูลเจียนจริงๆ บรรยากาศเช่นนี้ คงมีแต่ตระกูลเทียนเท่านั้นที่ทำได้ใช่ไหม?” หนิงเทียนปิงพูดขึ้นอย่างตื่นตา
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ศาสตร์การดูรัศมีนั้นช่างยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือจริงๆ”
หนิงเทียนปิงถาม “นายใหญ่ แล้วเราจะไปหาผู้อาวุโสเจียนได้จากที่ไหนกัน?”
เย่หยวนบอก “คราวก่อนเขาบอกข้าไว้ว่าให้ไปหาเขาที่ศาลามายาล้ำ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ที่ใด มีแต่ต้องลองเข้าเมืองไปดูก่อนล่ะ”
พูดจบคนทั้งสองก็จ่ายค่าผ่านทางและเข้าเมืองจักรพรรดิเลิศประกายไป