ตอนที่ 1708 ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งนัก?
“หึ่ม! เจ้าคิดว่าจะข่มขู่ข้าได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำนั้นเรอะ?” เจียนปิงนั้นพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี
ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่ที่เย่หยวนพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขากลับรู้สึกคันที่ตาขึ้น ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความคิดไปเองของเขาหรือเปล่า
เย่หยวนจึงแค่ยิ้มตอบไป “เจ้าไม่รู้รึว่าคนที่เจ้าไม่ควรท้าทายด้วยมากที่สุดนั้นคือนักหลอมโอสถ? ข้ารักษาเจ้าได้ แต่ก็ส่งเจ้าลงนรกได้เช่นกัน”
ที่ด้านข้าง เจียนหยู่จึงพูดขึ้นอย่างกังวลใจ “ท่านพี่ จางห่าวเทียนนั้นถูกพิษหมาป่าพิษราบเข้าจริงๆ และข้าก็เห็นด้วยว่าขาของมันกลับมาดีแล้ว! เรื่องนี้…เรื่องนี้มันอาจจะเป็นจริงได้!”
เจียนปิงหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน ตอนนี้ยิ่งได้รู้ดวงตาของเขาก็ยิ่งคันยิกมากขึ้น จนอดไม่ได้ต้องยกมือขึ้นมาขยี้ไปหลายที
เย่หยวนยิ้มออกมาเมื่อเห็นสภาพนั้นก่อนจะบอก “เอาล่ะ เราจะมาตกลงกันได้หรือยัง?”
เจียนปิงหน้าเสียและถาม “เจ้าอยากได้อะไร?”
เย่หยวนตอบสั้นๆ “พาข้าไปหาผู้อาวุโสเจียน!”
เจียนปิงนั้นมีสีหน้าที่ไม่อยากยอมอย่างถึงที่สุด มันซีดจนเหมือนไก่ต้ม เด็กคนนี้มันทำให้คนแทบคลั่งได้จริงๆ
ทั้งๆ ที่ดูยังไงก็จนมุมแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายคนล้อมที่ถูกกัดเจียนตายแทน
สุดท้ายกลับเป็นเขาที่ต้องตกไปอยู่ในกำมือของเย่หยวนแทน!
การโต้กลับนี้มันทำให้ผู้คนปวดใจอย่างถึงที่สุด!
แต่เขานั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนรับมันไว้
พิษจากหมาป่าพิษราบนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นพิษกัดกระดูก มันจะทำให้ผู้ติดพิษนี้ป่วยเป็นโรคแทรกซ้อนต่างๆ มากมาย เป็นพิษที่ทำให้ผู้คนทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด และยังยากต่อการรักษาด้วย
ตอนนี้ดวงตาของเขาต้องพิษนี้ไปแล้ว ในวันข้างหน้ามันจึงมีโอกาสสูงมากที่เขาจะเกิดตาบอดลงอีกครั้ง!
เรื่องที่เย่หยวนขจัดพิษนี้ได้นั้น เขาไม่คิดที่จะสงสัยมันแม้แต่นิด
เพราะเขารักษาอาการสะท้อนจากยอดเต๋าได้ มีหรือที่พิษระดับนี้จะเป็นปัญหาไปได้
แต่การพาเขาไปหาเจียนเจิ้นเทานั้นมันเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากยอมรับมากที่สุดแล้ว
มันช่างเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดเสียจริงๆ!
สุดท้ายเจียนปิงก็กัดฟันแน่นและบอก “จำเรื่องนี้ไว้ให้ดีล่ะ!”
…
เจียนปิงนั้นนำทางเย่หยวนมายังบ้านหลังเล็กแห่งหนึ่งและบอก “ที่นี่แหละ!”
เย่หยวนมองดูบ้านน้อยๆ นั้นด้วยความรู้สึกมึนงงไม่น้อย
ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว สำหรับเมืองจักรพรรดิแล้วคนระดับนี้เรียกได้ว่าสูงส่ง
แต่ทว่า เจียนเจิ้นเทานั้นกลับได้มาอยู่ในบ้านเล็กๆ เช่นนี้ มันช่างทรุดโทรมจนเกินกว่าจะบรรยายได้!
ดูท่าหลายปีที่ผ่านๆ มาเจียนเจิ้นเทาจะได้เจอเรื่องราวมามากมายแน่
เย่หยวนเดินไปจนถึงหน้าประตูและเร่งปราณเทวะของตนก่อนจะตะโกนเข้าไป “ข้าน้อยเย่หยวนมาขอพบท่านผู้อาวุโสเจียนเจิ้นเทา”
ไม่นานนักก็มีเสียงชายแก่ดังขึ้นมาจากด้านใน “หึๆ ก็นึกว่าใคร ที่แท้เป็นสหายหนุ่มเย่หยวนนี่เอง เข้ามาก่อนสิ!”
ดูท่าแล้วเจียนเจิ้นเทาเองก็คงใช้เวลานึกไม่น้อยกว่าจะจำเย่หยวนขึ้นมาได้
แต่สิ่งที่ทำให้เย่หยวนตื่นตกใจมากที่สุดก็คือเจียนเจิ้นเทาไม่ได้มีท่าทางโกรธแค้นปนออกมาในน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย มันเป็นน้ำเสียงที่เหมือนเขาใช้พูดกับสหายสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
เพราะยังไงเสียการที่เจียนเจิ้นเทาตาบอดลงมันก็เป็นเพราะว่าเย่หยวน
แม้ว่าเย่หยวนจะไม่ได้ทำอะไรจริงๆ แต่จะมีสักกี่คนในโลกที่มองมันได้ตามจริงและปล่อยไปแบบนั้น?
หากเป็นคนอื่น พวกเขาคงโทษเย่หยวนไปแล้วไม่มากก็น้อย
เย่หยวนไม่คิดเลยว่าเจียนเจิ้นเทาจะมีความคิดที่เปิดกว้างได้ขนาดนี้
“เอาล่ะ ทีนี้เจ้าจะเอายาถอนพิษมาให้ข้าได้รึยัง?” เจียนปิงถาม
เย่หยวนโยนขวดโอสถออกไปให้และบอก “เอาไปกินเสีย”
เจียนปิงที่ได้รับโอสถไปแล้วก็กล่าวขึ้น “แล้วข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”
เย่หยวนตอบ “เจ้าคิดว่าคนบนโลกหล้านั้นหน้าไม่อายเช่นเจ้ากันหมดรึ? หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปหาคนที่เก่งกาจกว่านี้ดูเอาเองเถอะ”
พูดจบเย่หยวนก็หันหน้ากลับไปเปิดประตู
ตอนนั้นเองที่เจียนปิงก็เปลี่ยนท่าทีและลงมือโจมตีทีเผลอออกมา!
เป็นการโจมตีทีเผลออีกครั้ง!
ฝ่ามือนั้นรวดเร็วปานสายฟ้า เทียนปิงใช้พลังออกมาเต็มที่หวังสังหารเย่หยวนลงด้วยการโจมตีเดียวนี้
“ตรานิพพาน!”
แต่สิ่งที่รอรับเขาอยู่กลับเป็นตราที่แสนทรงพลัง!
แผ่นหลังของเย่หยวนนั้นเหมือนมีตางอกออกมาและปล่อยตรากระแทกกลับออกมา
ตู้ม!
แรงสั่นสะเทือนสะท้านไปทั่วทิศ ส่งร่างของเจียนปิงคนนั้นลอยปลิวไปไกลพร้อมเลือดที่กระอักไหลออกมาเต็มปาก
เขามองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึง
แค่วรยุทธตราประทับจากนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวมันจะทำให้ร่างของเขาลอยกระเด็นได้อย่างไร?
หลังจากเวลาผ่านไปได้หลายต่อหลายปี แน่นอนว่าเย่หยวนต้องกินโอสถเข้าไปอย่างมากมายเช่นกันจนสามารถผลักดันตัวเองขึ้นมาสู่อาณาจักรวายุพระเจ้าสองดาวได้
ตอนนี้เขาสามารถปะทะกับยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวได้อย่างไม่มีเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเย่หยวนในตอนนี้ใช้ตรานิพพานออกมา มันจะยังมีใครต้านทานได้!
เจียนปิงนั้นไม่ยอมรับอยู่ในใจ แล้วมีหรือที่เย่หยวนจะมองไม่ออก เขาจึงเตรียมตัวรับมือเจียนปิงมานานแสนนานแล้ว
ตรานิพพานปะทะฝ่ามือธรรมดาๆ ของเจียนปิง ผลคงไม่ต้องคาดเดากันให้ยาก
“บ้าน่า! เจ้า…ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งนัก?” เจียนปิงบอกอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เย่หยวนมองดูที่เจียนปิงและบอก “ข้าก็บอกแล้ว หากเจ้าไม่ใช่คนของศาลามายาล้ำเจ้าคงตายไปนานแล้ว! คิดว่าข้ามีความอดทนมากพอจะมาเล่นกับขยะอย่างเจ้ารึ? ไปให้พ้นหน้าข้า!”
เจียนปิงลากร่างของตัวเองเดินจากไปด้วยความโกรธแค้นที่ยิ่งสุมเต็มอก ก่อนจะหันมามองเย่หยวนและบอก “เด็กน้อย เจ้ารอก่อนเถอะ! กล้าต่อต้านข้า เจียนปิงผู้นี้ เจ้าจะได้รู้ถึงผลของมัน!”
พูดจบเจียนปิงก็กุมแผลและวิ่งจากไป
เมื่อเห็นสภาพนั้นเย่หยวนก็ขมวดคิ้วแน่น
หนิงเทียนปิงเองก็เช่นกัน “นายใหญ่ ดูท่าเจ้าเจียนปิงนี้คงมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ข้าเกรงว่า…”
มีหรือที่เย่หยวนจะยังไม่รู้ว่าเจียนปิงคนนี้มีเบื้องหลังไม่น้อย? ไม่เช่นนั้นคนแบบนี้คงไม่พ้นตายลงด้วยน้ำมือของเย่หยวนไปนานแล้ว
แต่การเดินทางครั้งนี้พวกเขามาเพื่อขอความช่วยเหลือจากศาลามายาล้ำ หากไม่จนมุมจริงๆ ก็ไม่อยากจะไปสร้างความขัดแย้งที่เกินจำเป็นกับอีกฝ่าย
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ทหารมาก็ให้นายพลไปหยุด เมื่อน้ำขึ้นก็ต้องใช้ดินอุด เข้าไปกันก่อนเถอะ”
เมื่อเปิดประตูเข้ามา เขาก็ได้เห็นว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่นัก มันให้ความรู้สึกเหมือนเย่หยวนได้เดินเข้ามาในโรงนาเล็กๆ
ในโรงนานี้มีดอกไม้และพืชพรรณไม่น้อยถูกปลูกไปทั่ว ให้ความรู้สึกสดชื่นและสวยงามไม่น้อย
และมีชายแก่คนนี้กำลังถอนหญ้าให้พวกมันอยู่
ในสภาพความทรุดโทรมแบบนี้ ชายแก่คนนี้กลับมีท่าทางแสนสุขสบายเหมือนเป็นเมฆที่ล่องลอยอย่างไม่รู้ทุกข์
แน่นอนว่าเขาคนนี้คือเจียนเจิ้นเทานั่นเอง
“ไม่ได้เจอกันมากว่าสองร้อยปี สหายหนุ่มเย่หยวนคงสบายดี?” เจียนเจิ้นเทาวางจอบลงและหันมาทักทายเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม
ติดแค่ว่าดวงตาทั้งสองข้างของเขานั้นมันปิดแน่น
จริงๆ แล้วตัวเขาเองก็ตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย เพราะคนหนึ่งเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวแน่ๆ แต่อีกคน…เขากลับไม่สามารถมองออกได้
ราวกับว่า…ชายคนนี้เป็นแค่เพียงม่านหมอกที่ล่องลอย
ปราณเทวะที่ปล่อยออกมาด้านนอกเมื่อสักครู่นั้นเขาเองก็สัมผัสได้เช่นกัน
นั่นมันคือการปะทะของสองราชันพระเจ้าห้าดาวแน่ๆ ไม่ว่าเย่หยวนจะมีความสามารถที่สูงส่งพรสวรรค์ที่เหนือล้นแค่ไหน เขาก็คงไม่มีทางเป็นราชันพระเจ้าห้าดาวที่ปะทะกันเมื่อสักครู่แน่
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจมันมากมาย
เย่หยวนยิ้มขึ้นถาม “ข้าน้อยไม่ค่อยสบายใจนัก ข้าจึงได้มาหาความช่วยเหลือจากท่านผู้อาวุโสนี่แหละ”
เจียนเจิ้นเทานั้นตื่นตกใจเล็กน้อย “โอ้? เรื่องอะไรรึ?”
เย่หยวนยิ้ม “เรื่องของข้ามันไม่ได้เร่งรีบนักหรอก แต่ชีวิตแสนสบายไม่สนโลกของท่านนี่ต่างหากที่ทำให้เย่หยวนคนนี้ตกใจไม่น้อย!”
เจียนเจิ้นเทานั้นยกมือขึ้นมาลูบหนวดยาวๆ นั้น “เจ้าคิดว่าเฒ่าคนนี้ต้องหมดแรงใจอยู่ในสภาพสุดน่าสมเพชได้แต่รอความตายรึ?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “หึๆ เป็นเย่หยวนคนนี้เองที่คิดมองท่านผิดไป! ท่านผู้อาวุโสมีจิตใจกว้างขวาง ความคิดเปิดกว้าง เย่หยวนเลื่อมใสนัก!”
เจียนเจิ้นเทายิ้มตอบ “ที่เจ้าว่ามามันก็ไม่ผิดหรอก! ตาทั้งสองนี้มันมีความหมายมากต่อตระกูลเจียนเรา หากเสียมันไปก็เท่ากับว่าเสียอนาคตไปด้วย แต่จากนั้นมาเฒ่าคนนี้ก็ได้เริ่มคิดถึงเรื่องราวต่างๆ มากมายและลงท้ายด้วยการใช้ชีวิตสบายๆ เช่นนี้ ตอนนี้ข้าจึงเริ่มเข้าใจบางอย่างขึ้นมาแล้ว”
เย่หยวนขมวดคิ้วทันทีและกล่าวขึ้นอย่างตื่นตกใจ “ท่านผู้อาวุโสหรือว่า…ท่านแตะฐานของอาณาจักรนภาสวรรค์ได้แล้ว!”
เจียนเจิ้นเทานั้นพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “หลายปีมานี้ข้าได้รับรู้ถึงเรื่องราวมากมายในชีวิต แต่หากพูดถึงเรื่องการบรรลุมันคงยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย”