ในสนามประลองสังเวียนขนาดใหญ่นั้นมันเต็มไปด้วยผู้คน
เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นได้สร้างสนามประลองขนาดใหญ่ไว้เพื่อรองรับงานสังเวียนร้อยศึกทุกๆ สามร้อยปี
ที่กลางสนามนั้นจะมีสังเวียนแยกออกเป็นแปดสังเวียนขนาดใหญ่
และในสังเวียนทั้งแปดก็จะมีแยกเป็นเวียนย่อยลงไปอีกสี่สังเวียน ตอนนี้เหล่าผู้เข้าร่วมต่างพร้อมจะทำการต่อสู้อย่างเต็มที่รอบๆ สังเวียนที่ว่านี้
คนที่เข้าสมัครร่วมสังเวียนร้อยศึกในครั้งนี้มีจำนวนมากกว่าสามพันหกร้อยคน
แบ่งออกเป็นแปดกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะมีการแข่งขันของตัวเองไปแยกจากกัน
เย่หยวนนั้นอยู่กลุ่มหก ส่วนหนิงเทียนปิงนั้นอยู่กลุ่มแปด
เมื่อเย่หยวนเข้ามาถึงสนาม เขาก็เรียกเสียงเยาะเย้ยจากผู้คนได้ในทันที
“นี่ตาข้าฝาดไปเรอะ? เป็นแค่ราชันพระเจ้าสองดาวแต่กลับกล้ามาร่วมงานสังเวียนร้อยศึกด้วย?”
“ฮ่าๆ! มันคงเป็นอัจฉริยะแหละ! อัจฉริยะที่อยากให้ท่านเจ้าศาลายอมรับในตัวมัน”
“ช่างประเมินตัวเองสูงเกินไปแท้ๆ! ชิๆ หากข้าได้เจอมันในรอบแรก มันจะดีแค่ไหนกันนะ?”
…
ในสายตาของทุกผู้คนตอนนี้เย่หยวนเป็นได้แค่เหยื่ออันโอชะ
เพราะเรื่องที่ว่าพวกเขาจะผ่านเข้ารอบต่อไปหรือไม่นั้นมันก็ล้วนแล้วแต่ว่าพวกเขามีดวงพอจะไปเจอคนอ่อนๆ อย่างเย่หยวนหรือไม่
ในหมู่ยอดอัจฉริยะที่สมัครเข้ามาร่วมนั้นส่วนมากจะเป็นราชันพระเจ้าสามดาวไปจนถึงราชันพระเจ้าห้าดาว ราชันพระเจ้าสองดาวและหกดาวนั้นนับว่าหาได้ยากมาก
การได้เจอนักยุทธที่มีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวเช่นนี้มันก็เทียบเท่าได้กับว่าพวกเขาได้ตั๋วเข้ารอบต่อไปฟรีๆ
แน่นอนว่าคนที่คิดแบบนี้ส่วนมากแล้วเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวและสี่ดาว
พวกที่สามารถขึ้นไปอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวได้นั้นไม่ชอบที่จะต้องกินหมูทำอะไรง่ายๆ ให้เสียชื่อตัวเองเช่นนั้น
“ไอ้เจ้าพวกนี้มันโง่เง่าตาไม่มีแววจริงๆ!” หนิงเทียนปิงยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก
เย่หยวนจึงยิ้มตอบ “หึๆ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก คนเหล่านี้ล้วนเป็นได้แค่ตัวประกอบฉากเท่านั้น เจ้าไปเถอะ พยายามและคว้าที่หนึ่งมาให้ได้ล่ะ”
หนิงเทียนปิงนั้นมีโชคดีกว่าคนอื่น เพราะในกลุ่มที่เขาอยู่มันไม่มียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวอยู่
หากหนิงเทียนปิงแสดงพลังฝีมือออกมาได้อย่างดีพอ เขาก็อาจจะขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งและกลายเป็นผู้ชนะของกลุ่มได้
เพราะยังไงเสียหนิงเทียนปิงก็ได้รับสืบทอดวิชาจากเทพถ่องแท้ ส่วนพวกอัจฉริยะคนอื่นๆ นั้นส่วนมากมันไม่มีใครจะไปได้รับสืบทอดใดๆ จากเทพถ่องแท้
หนิงเทียนปิงหัวเราะ “โดนนายใหญ่สั่งสอนมาทุกวี่วัน ข้าพ่ายแพ้จนแทบลืมความหมายของชีวิตไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าครานี้ข้าจะสามารถต่อสู้ได้ถึงขนาดไหน”
เวลาหลายปีมานี้ คู่ต่อสู้เดียวที่หนิงเทียนปิงมีก็คือเย่หยวน
การต่อสู้กับเย่หยวนนั้นมันเป็นประสบการณ์ที่แสนขมขื่นสำหรับเขา
เพราะชายคนนี้คือตัวตนที่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ทำอย่างไรก็ไม่มีทางชนะได้เลย!
แต่มันก็เป็นเพราะว่าการฝึกกับเย่หยวนเช่นกันที่ทำให้หนิงเทียนปิงสามารถลงมืออย่างสุดกำลังได้ในทุกๆ ครั้งที่ประลอง
เรื่องนั่นมันทำให้เขาพัฒนาวิชายุทธและความเข้าใจแนวคิดไปได้อย่างมากมายจนน่าเหลือเชื่อ
ถึงขนาดที่ว่าตัวโม่ลี่เฟยยังต้องตื่นตกใจกับความเร็วการพัฒนาของศิษย์คนนี้
แต่ว่าเรื่องนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาได้รับรู้ถึงพลังที่แท้จริงของเย่หยวนเข้าไปใหญ่
ไม่แปลกใจเลยที่เย่หยวนจะดูถูกสมบัติของเขา
ไม่นาน การต่อสู้รอบแรกก็เริ่มขึ้น
การต่อสู้ในรอบแรกนั้นส่วนใหญ่ผู้เข้าสมัครจะมีพลังฝีมือที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้ผลการต่อสู้มักจะออกมาได้อย่างรวดเร็ว
ในกลุ่มของเย่หยวนนั้นมีคนกว่าสี่ร้อยคน นั่นหมายความว่าจะมีการต่อสู้กว่าสองร้อยคู่
แต่มันกลับดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
บ้างก็ขึ้นไปได้ไม่ถึงอึดใจก็ถูกซัดร่วงลงมา
“ต่อไป เย่หยวนปะทะหลี่คุน!” กรรมการประกาศ
เมื่อเย่หยวนได้ยินชื่อตัวเองเขาก็กระโดดขึ้นไปบนสังเวียนทันที
“นั่นมันเจ้าราชันพระเจ้าสองดาวนี่นา! หลี่คุน เจ้ามันโชคดีเสียจริงๆ! ได้นอนเข้ารอบสองไปง่ายๆ เช่นนี้!”
“ไอ้หมาโชคดีเอ้ย! ทำไมข้าไม่โชคดีเหมือนมันบ้าง?”
“เมื่อคนเราโชคดี ต่อให้เป็นเซียนที่ไหนมาก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้! หลี่คุนในสายตาของข้าแล้วโชคชะตาของเจ้าคงกำลังเบ่งบาน!”
…
เหล่าผู้สมัครที่อยู่รอบๆ ต่างมองดูหลี่คุนด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความริษยา
หลี่คุนระเบิดเสียงหัวเราะขึ้น “ขอบคุณที่ให้ทาง! ขอบคุณจริงๆ ที่ให้ทางข้า!”
พูดจบเขาก็กระโดดขึ้นสังเวียนตามไป
หลี่คุนมองดูเย่หยวนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อยเจ้านั้นมีพรสวรรค์ไม่เลว แต่…เจ้ามาเร็วเกินไป รอมาสังเวียนร้อยศึกรอบหน้าเถอะ ถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะพอมีหวังบ้าง ตอนนี้ยอมแพ้เสีย เพราะหากข้าลงมือแล้วเจ้าคงเจ็บตัวไม่น้อย”
เย่หยวนนั้นช้ากว่าคนอื่นไปสามร้อยปี นั่นทำให้ความเร็วที่เขาบรรลุอาณาจักรวายุพระเจ้ามันตามหลังคนอื่นๆ ไปไม่น้อย
ตอนนี้หากมองด้วยตาเปล่าพลังบ่มเพาะของเขาคงดีกว่าคนธรรมดาหน่อย แต่ก็ไม่ได้นับว่าสุดยอดใดๆ
ในหมู่ยอดอัจฉริยะแล้วมันไม่มีค่าใดๆ เลยเสียด้วยซ้ำ
หลี่คุนนั้นเป็นนักยุทธที่อยู่บนยอดอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาว อีกแค่ก้าวเดียวเขาก็จะสามารถขึ้นไปเป็นราชันพระเจ้าสี่ดาวได้แล้ว
แน่นอนว่าพลังของเขาเมื่อเทียบกับราชันพระเจ้าสองดาว มันคงเทียบกันไม่ติด
เย่หยวนยิ้ม “ไม่เคยลองสู้กันจะรู้ได้อย่างไร?”
หลี่คุนหัวเราะ “ดูเหมือนเจ้ามันเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ! ช่างเถอะ งั้นนายน้อยผู้นี้จะช่วยส่งเจ้าลงไปเอง! ดาบวายุเงาสนั่น!”
หลี่คุนใช้ดาบโจมตีอย่างรวดเร็วปานสายลม ทั้งร่างของเขาเหลือเพียงแค่ภาพติดตาพุ่งตัวเข้าหาเย่หยวนอย่างรวดเร็ว
“ช่างเร็วแท้!”
เสียงชื่นชมดังขึ้นจากด้านล่างสังเวียน ดูท่าพวกเขาทั้งหลายเองก็คงตื่นตะลึงกับความเร็วของหลี่คุนไม่น้อย
ที่ข้างสังเวียน เซียโหหยุนเองก็กำลังยืนดูด้วยมือไขว้หลังอยู่ด้วยท่าทางสบายๆ แต่สายตาของเขานั้นไม่เคยละจากตัวเย่หยวนเลย
เพราะเรื่องที่เจียนปิงเล่ามา เขานั้นไม่ค่อยอยากเชื่อนัก
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวจะมีปัญญาสู้ข้ามสามดาวได้หรือ?
เพราะแต่ละดาวในอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นก็ไม่ใช่ขยะสด จะมาข้ามกันได้ง่ายๆ อย่างไร
ที่สำคัญเขายังถูกแบ่งด้วยชั้นกลางและชั้นต้นด้วย!
แม้แต่ตัวเขาเองตอนที่ยังเป็นราชันพระเจ้าสองดาว อย่างมากสุดเขาก็แค่สู้กับราชันพระเจ้าสามดาวได้
ฟุบ!
ดาบนั้นพุ่งทะลุอกไป!
เสียงร้องดังขั้นรอบๆ ทันที แค่รอบแรกก็ตายกันเสียแล้วหรือ?
เย่หยวนคนนี้มันจะไม่อ่อนแอเกินไปหน่อยหรือ?
หลี่คุนเองก็ตื่นตกใจไม่แพ้กัน แต่ตอนที่ร่างของเขายังไม่ทันตั้งหลักดีเขาก็พบว่ามีมือของใครบางคนมาผลักเขาจากด้านหลัง
“ลงไป!”
หลี่คุนนั้นอยากจะตั้งหลักกลับมาอย่างสุดตัว แต่การผลักนั้นมันไม่ใช่การผลักธรรมดาๆ มันทำให้พลังในร่างของเขาหดหายไปทำให้ไม่มีแรงจะลุกขึ้นตั้งหลักเลยแม้แต่น้อย
ตุบ!
จากนั้นร่างของหลี่คุนก็ปลิวล่องลอยลงมาจากสังเวียนทันทีพร้อมกระแทกพื้นอย่างแรง
เซียโหหยุนหรี่ตาลงทันที “แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”
แม้ว่ามันจะเป็นเวลาแค่ชั่วพริบตา แต่ประสาทสัมผัสของเขามันเหนือกว่าคนอื่นๆ มากและทันไปเห็นเข้าพอดี
“โอ้ย! เอวข้า!”
หลี่คุนเอามือประคองเอวและพยายามดันตัวลุก ก่อนจะพยายามตั้งใจมองดูเย่หยวนอีกครั้ง เย่หยวนผู้ที่ยังยืนอยู่บนสีงเวียนอย่างไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ
เขาแพ้โดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแพ้อย่างไร!
เขาแทงเย่หยวนไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไมคนที่ถูกดีดออกมากลับเป็นตัวเขาเอง?
กรรมการบอก “เย่หยวนชนะ หลี่คุนแพ้! เย่หยวนเข้ารอบสอง!”
เมื่อผลถูกประกาศออกมามันก็สร้างความโกลาหลไม่น้อย
“เกิดอะไรขึ้นกัน? ข้าเห็นหลี่คุนแทงเย่หยวนไปแท้ๆ ทำไมกลายเป็นเขาที่แพ้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้?”
“ไม่รู้สิ ข้าก็มองอะไรไม่ทันเหมือนกัน!”
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวคนหนึ่งหัวเราะขึ้น “แนวคิดแห่งห้วงมิติ! เย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติหลบดาบของหลี่คุนและผลักเขาออกมานอกสังเวียน ฮ่าๆ น่าสนใจจริงๆ”
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว แน่นอนว่าทั้งพลังกายและพลังสายตาพวกเขาย่อมเหนือกว่าใครๆ และพอมองออกว่าเย่หยวนลงมือยังไงบ้าง
แต่เขาก็ไม่ได้กังวล
เพราะเขานั้นมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเย่หยวนสามดาว ต่อให้เย่หยวนจะใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติมันก็คงเปลี่ยนผลลัพธ์ไปได้ไม่มาก
ตอนนี้พวกเขาแค่ไม่มองว่าเย่หยวนเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้ว
…………………………