“เจียงหนานว่าอะไรนะ? ยอมแพ้?”
“นี่ล้อเล่นกันรึไง? ตัวเต็งชนะเลิศกลับมายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันสู้แบบนี้…”
“นี่มัน…ยอมแพ้แบบที่ยังไม่ทันได้สู้กันเลย ไอ้หมอนี่มันจะปอดแหกเกินไปแล้ว!”
…
ทุกผู้คนต่างคิดว่าตัวเองคงได้เห็นการต่อสู้ที่แสนดุเดือด ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเจียงหนานคนนั้นจะยอมแพ้ตั้งแต่นาทีแรกที่ก้าวขึ้นสังเวียน เรื่องนี้มันทำให้หลายผู้คนต้องอ้าปากค้าง
ทุกคนต่างคิดว่าศึกรอบแปดคนสุดท้ายนี้มันจะต้องเป็นศึกที่สะเทือนฟ้าดินแม้แต่พระเจ้ายังต้องร่ำร้อง
ใครจะไปคิดว่ารอบแรกหนิงเทียนปิงยอมแพ้ไป ส่วนรอบที่สองเจียงหนานก็ยังมายอมแพ้อีก
มันเรื่องตลกใดกัน?
หากเป็นคนอื่นยังพอว่า แต่เจียงหนานนั้นคือตัวเต็งชนะเลิศ
แม้ว่าเซียโหหยุนนั้นจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเจียงหนานจะอ่อนแอกว่าเลย เขาอาจจะดูแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำไป
แต่ตอนนี้เจียงหนานกลับเลือกที่จะยอมแพ้ออกมาโดยที่ยังไม่ทันได้สู้เสียด้วยซ้ำ
“เจ้าสังหารเซียโหหยุนได้ แต่ข้าทำไม่ได้…มันจึงไม่มีอะไรต้องสู้กันแล้ว เจ้าแกร่งกว่าข้าแน่นอน เรื่องแบบนี้มันมีแต่จะเสียแรงเปล่า ข้าขอไม่เอาด้วยดีกว่า” เจียงหนานยกมือขึ้นมาโบกปัดและเดินลงสังเวียนไปดื้อๆ
เย่หยวนเองก็มึนงงไม่แพ้คนดู เพราะเจ้าหมอนี่มันช่างพูดอะไรหน้าไม่อายนัก
การมาถึงระดับนี้แล้ว ต่อให้รู้ว่าจะไม่มีหวังเขาก็ต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุด
แต่เจ้าหมอนี่กลับทำท่าทางเหมือนไม่ได้สนใจสิ่งใดๆ ในโลก
แต่การได้ชนะโดยไม่ต้องลงมือสู้ เย่หยวนย่อมไม่มีทางที่จะไปบ่นใดๆ ได้
ส่วนอีกด้าน โม่เฟยเองก็สามารถชนะคู่ต่อสู้มาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นั่นทำให้รอบชิงจะเป็นการต่อสู้ของเย่หยวนและโม่เฟย
ระหว่างพักโม่เฟยก็รีบมุ่งหน้าไปหาเจียงหนานด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจทันที “เจ้ายังมียางอายบ้างไหม? ถึงขั้นไปยอมแพ้ตั้งแต่เริ่มเช่นนั้น!”
เจียงหนานจึงตอบกลับมาอย่างไม่แยแส “รู้ทั้งรู้ว่าไม่ชนะ จะไปเปลืองแรงสู้ทำเพื่อ? หากเขาตัดผ่าข้าเป็นสองซีกแล้วจะทำอย่างไร? สภาพการตายนั้นมันน่าอนาถจนเกินทน ข้าขอไม่กลายเป็นอย่างเซียโหหยุนจะดีกว่า”
โม่เฟยหน้าเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขานึกถึงสภาพศพเซียโหหยุนขึ้นมาในหัว และนั่นทำให้เขาเสียวสันหลังวาบใหญ่
เจียงหนานพูดออกมาอย่างไม่แสดงท่าทาง แต่จริงๆ ตัวเขาเองก็กลัวไม่น้อย!
หากต้องปะทะกันแล้วจะอยู่หรือตายมันก็คงพูดยาก
ความแข็งแกร่งของเย่หยวนนั้น ไม่มีใครได้เห็นมันกับตา พวกเขาทั้งสองจึงไม่แน่ใจนัก
แต่ที่สำคัญคือหากเย่หยวนเป็นคนกระหายเลือดแล้ว ผลที่ตามมา…มันคงต้องถูกหั่นเป็นสองซีกแน่
คิดมาถึงตรงนี้ได้โม่เฟยเองก็ทำหน้าเหยเกและร้องขึ้นอย่างโกรธเคือง “เจียงหนาน เจ้าชั่วเอ้ย!”
เจียงหนานยักไหล่ตอบกลับไปและกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ “เจ้าต่างหากที่ว่าร้ายคนดี ข้าแค่ไม่อยากเอาตัวเองไปสังเวยก็เท่านั้น”
โม่เฟยโกรธจนควันออกหู “เจ้าไม่อยากเห็นหรือว่ามันสังหารเซียโหหยุนลงได้อย่างไร?”
เจียงหนานยิ้มตอบอย่างสบายใจ “ข้าอยากเห็นสิ แต่ข้าไม่ขอเอาชีวิตตัวเองไปเป็นหนูทดลองดีกว่า!”
โม่เฟยกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น “งั้นเจ้าก็เลือกที่จะยอมแพ้ไปและให้ข้าขึ้นไปทดสอบพลังของเขาแทน?”
เจียงหนานยิ้ม “เจ้าตัดสินใจเองสิว่าจะทดสอบเขาไหม ข้าไม่ได้บังคับเสียหน่อย”
“เจ้า!” โม่เฟยกัดฟันกรอดแต่ก็ไม่รู้ต้องตอบโต้ว่าอย่างไร
เพราะดูยังไงเจ้าหมอนี่มันก็สงสัยใคร่รู้ไม่น้อยไปกว่าเขา
เมื่อฝึกตนมาถึงระดับนี้แล้วมันย่อมเป็นการยากที่จะพบเจอคนในระดับเดียวกันได้อีก
แต่ตอนนี้กลับมีราชันพระเจ้าสามดาวสุดแกร่งปรากฏตัวออกมา กระโดดข้ามสามดาวและสังหารเซียโหหยุนลง มีหรือที่พวกเขาจะยังไม่คิดสงสัยใคร่รู้อีก?
แต่ความสงสัยมันเป็นเหตุเห็นความตาย!
บางครั้งบางทีการที่อยากรู้เรื่องใดมากจนเกินไป ผู้ที่ได้รู้ก็ต้องจ่ายด้วยชีวิต!
และมันเป็นโชคร้ายมากที่เจียงหนานได้ไปเจอเย่หยวนก่อนและขอยอมแพ้ไปอย่างหน้าไม่อาย
ตัวของเจียงหนานเองก็มองดูเย่หยวนอยู่บนสังเวียนไม่น้อยกว่าจะกว่าคำพูดนั้นออกมาได้ แค่นั้นมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าจริงๆ ตัวเขาเองก็ลังเลมากแค่ไหน
สุดท้ายปัญหานี้มันจึงถูกโยนมาให้เขารับ
แล้วเขาจะยอมแพ้ไหม?
มันเป็นปัญหาที่คิดไม่ตก!
เพราะเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้โม่เฟยด่าว่าเจียงหนานออกมาเช่นนั้น
โม่เฟยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาไม่น้อย เขาแค่อยากจะเห็นเหลือเกินว่าเย่หยวนใช้ไม้ไหนสังหารเซียโหหยุนลง
แต่ทว่าหากผลลัพธ์ที่เขาต้องเจอมันกลับกลายเป็นดั่งเซียโหหยุน มันคงขำไม่ออก
“รอบชิงเริ่มได้ เย่หยวนปะทะโม่เฟย!”
เวลานี้เสียงของกรรมการที่ดังขึ้นมันยิ่งทำให้หัวใจของโม่เฟยบีบรัดแน่น
เย่หยวนค่อยๆ เดินขึ้นมาบนสังเวียน นั่นทำให้โม่เฟยหน้าเปลี่ยนสีกลับไปกลับมา แต่ขาของเขากลับไม่ขยับไปไหน
เจียงหนานเองก็เห็นว่าเขาไม่ยอมขยับตัวเสียที จึงบอกออกมา “นี่ ตาเจ้าแล้ว”
ตอนนี้โม่เฟยกำลังสับสนอยู่ในใจจนรู้สึกราวกับว่าเท้าของเขานั้นมีรากงอกออกมา
ตอนนี้สายตาของทุกผู้คนต่างจ้องมองมายังโม่เฟย
ภายใต้สายตาเหล่านั้น ในที่สุดโม่เฟยก็ขยับตัวและค่อยๆ ก้าวขาไปอย่างหนักหน่วง
เมื่อมาถึงสังเวียนและสบตาเข้ากับเย่หยวน โม่เฟยก็รู้สึกราวกับตัวเองได้ฝันไป
เพราะในสังเวียนร้อยศึกครั้งนี้ เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าคู่ต่อสู้ในรอบชิงของเขาจะกลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเช่นนี้
เขาคิดมาตลอดว่าศัตรูสุดท้ายของเขาจะเป็นเซียโหหยุนหรือไม่ก็เจียงหนาน เขาคิดเผื่อไว้บ้างว่าอาจจะเป็นราชันพระเจ้าห้าดาวสุดแกร่งสักคน
แต่ราชันพระเจ้าสามดาวตรงหน้านี้ เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยจริงๆ
แรงกดดันที่ราชันพระเจ้าสามดาวคนนี้ปล่อยออกมามันเหนือล้ำกว่าสิ่งใดๆ
จะลองดาบนั้นด้วยชีวิตของตนหรือไม่?
“โม่เฟยเป็นอะไรไป? เมื่อกี้ยังไม่เป็นอย่างนี้เลย!”
“เรอะ? ปกติคลื่นพลังของเขากดทับผู้คนตลอดบนสังเวียน ใครจะรับไหว? แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
“มันคงไม่ได้คิดจะยอมแพ้ไปเฉยๆ เหมือนเจียงหนานหรอกใช่ไหม?”
…
บนที่นั่งผู้ชมเหล่าคนทั้งหลายนั้นยังไม่รู้ความจริง
เพราะแม้แต่ในศึกก่อนหน้านี้ โม่เฟยก็ยังมีคลื่นพลังและท่าทางของยอดฝีมือ เย็นชาและดุร้าย
แต่ตอนนี้ท่าทางของเขากลับเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้ผู้คนมากมายต้องมองดูภาพนั้นอย่างมึนงง
เย่หยวนเองก็มองดูโม่เฟยอย่างมึนๆ ไม่แพ้กัน
การสู้กับตัวเขามันเป็นภาระที่หนักหนาขนาดนั้นเลย?
สู้ได้ก็ชนะ สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้ มีอะไรให้ต้องคิดมากมาย!
เย่หยวนไม่ได้รู้เลยว่าการที่เขาสังหารเซียโหหยุนลงด้วยดาบเดียวนั้นมันส่งผลกระทบทางจิตใจแก่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ มากมายแค่ไหน
โดยปกติแล้วเย่หยวนเองก็ไม่ฆ่าสังหารใครลงง่ายๆ เช่นนั้น
แต่ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้มีเรื่องใดกันมาก่อน แต่เซียโหหยุนกลับคิดอยากสังหารเขาลงในสังเวียน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ทน
และเอาจริงๆ การสังหารเซียโหหยุนนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกับเย่หยวนเลย
ท่าทางสบายๆ ของเขามันแค่เป็นสิ่งที่คนภายนอกเห็น
ตอนนั้นเองโม่เฟยก็ทำหน้าเหมือนตัดสินใจได้ครั้งใหญ่และหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันมาบอกเย่หยวน “เย่หยวน ข้าอยากเห็นกระบวนท่าที่เจ้าใช้สังหารเซียโหหยุน!”
เย่หยวนขมวดคิ้วทันที ก่อนจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้และพยักหน้ารับ “ได้!”
ที่ด้านล่างเมื่อเจียงหนานได้ยินคำของโม่เฟยเขาก็เผยรอยยิ้มแสนชั่วร้ายออกมาเหมือนว่าแผนการที่ตัวเองว่าไว้มันสำเร็จผล
บนสังเวยน โม่เฟยตั้งท่าเตรียมพร้อมรับการต่อสู้อย่างเต็มที่
เย่หยวนค่อยๆ ดึงดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าออกมาก่อนที่คลื่นพลังรอบๆ ตัวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างดุร้ายและรุนแรง
เหมือนคราก่อน ดาบของเย่หยวนจางหายไป!
เมื่อโม่เฟยและเจียงหนานได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“แนวคิดแห่งดาบผสานกับแนวคิดแห่งห้วงมิติ!” เจียงหนานพูดออกมาด้วยความตื่นตกใจ
การที่จะผสานแนวคิดขั้นสูงเข้าด้วยกันนั้นมันยากเสียยิ่งกว่าเดินขึ้นสวรรค์
ตอนนี้เอง พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเซียโหหยุนถึงตายลง
ดาบนี้ จะมีใครบ้างที่ป้องกันได้?
เมื่อรู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างเต็มหัวใจ โม่เฟยก็พยายามจะเปิดปากพูดยอมแพ้ออกมา
แต่ว่ามันสายไปแล้ว
ตอนนี้เย่หยวนเริ่มก้าวเดินออกมาแล้ว
คำพูดของโม่เฟยมันติดอยู่ที่ลำคอ
ฟุบ!
ร่างของเย่หยวนจางหายไป!
…………………………