หลังจากเย่หยวนจากไป ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องของเจียนหงเซียว
เมื่อได้เห็นสภาพของเจียนหงเซียว ชายวัยกลางคนคนนั้นก็หน้าถอดสีทันทีและรีบวิ่งเข้ามาดูอาการ
หากเย่หยวนยังอยู่เขาคงจำได้ทันทีว่านี่คือใคร เพราะชายวัยกลางคนคนนี้คือยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่ออกไปปรากฏตัวในวันนั้น
เขามีนามว่าเจียนเฉิน เป็นศิษย์ที่เจียนหงเซียวไว้วางใจมากที่สุด
“อาจารย์ ท-ท่านไหวไหม?” เจียนเฉินถามด้วยความเป็นห่วง
เจียนหงเซียวโบกมือปัด “ข้า ไอ้เฒ่าคนนี้ยังไม่ตายหรอก แต่ไม่นึกเลยว่าแรงสะท้อนจากยอดเต๋าในครานี้มันจะรุนแรงได้ถึงขั้นนี้!”
เจียนเฉินนั้นมีท่าทางไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ “อาจารย์ ทำแบบนี้มันคุ้มจริงๆ หรือ?”
เจียนหงเซียวหัวไปมองศิษย์ด้วยรอยยิ้ม “หลังจากอาจารย์ของเจ้าผู้ทำใจได้ ข้าก็คิดและหวังที่จะใช้ที่แห่งนี้เป็นหลุมฝังศพ ใครจะไปคิดว่าก่อนจะจัดสังเวียนร้อยศึกครานี้ เฒ่าคนนี้ได้ลองทำนายชะตาดูและพบว่าเรื่องราวมันกำลังจะสามารถพลิกกลับได้”
นั่นทำให้เจียนเฉินหน้าเปลี่ยนสีไป “หรือจุดพลิกกลับที่ท่านว่านี้คือเด็กคนนั้น?”
เจียนหงเซียวยิ้ม “แม้ว่าเฒ่าคนนี้จะไม่มีปัญญาดูดวงชะตาของเย่หยวนตรงๆ แต่ข้าก็ยังพอมีปัญญาทำนายชะตาตัวเอง และการทำนายนั้นมันบอกว่าเฒ่าคนนี้จะได้เจอจุดพลิกผัน แต่พออยากลองมองให้ลึกลงไปมันกลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ถูกปิดบังไว้โดยความลับสวรรค์ หากเอาทั้งสองเรื่องมาเชื่อมโยงกัน มันจะยังมีเรื่องอะไรไปเสียอีกนอกจากเย่หยวน?”
เจียนเฉินมองดูอาจารย์ของตนอย่างตื่นตะลึงและไม่อยากเชื่อ “ท่านอาจารย์ เด็กคนนั้นมันยังเป็นแค่ราชันพระเจ้าชั้นต้นอยู่เลย ท่านต้องรอไปอีกกี่ปีกี่เดือนกัน? ที่สำคัญด้วยพลังชีวิตที่เสียหายอย่างหนักของท่านในตอนนี้ สูญเสียอายุขัยไปมากมายแล้ว ท่าน…ท่านจะอยู่ได้ถึงวันนั้นหรือ?”
เพราะเจียนหงเซียวนั้นเดิมทีก็มีอาการบาดเจ็บจากแรงสะท้อนยอดเต๋าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แค่ก่อนหน้านี้เขาก็มีอายุขัยที่ไม่ยั้งยืนมากแล้ว พลังฝีมือการบ่มเพาะตกลงอย่างมากมาย
ครานี้เพื่อเย่หยวนเขากลับต้องรับบาดเจ็บหนักไปอีกครั้ง พลังชีวิตเสียหายอย่างรุนแรง อายุขัยลดสั้นลงอย่างหนัก
ตอนนี้เจียนเฉินนั้นห่วงว่าอาจารย์ของเขาจะไม่มีชีวิตอยู่ไปจนถึงวันนั้น
เจียนหงเซียวยิ้มตอบ “หึๆ เจ้าและข้าต่างก็เป็นลูกหลายท่านบรรพบุรุษ เราจะไปสงสัยในชะตาของตนได้อย่างไร? คนเสนอ สวรรค์สนอง ข้าคงได้แต่พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วที่เหลือมันก็ขึ้นอยู่กับสวรรค์”
เจียนเฉินเงียบลงไปทันที เขาไม่คิดที่จะเถียงกับอาจารย์ของตัวเองอีกแล้ว
เพราะในฐานะคนตระกูลเจียน เขาย่อมต้องทำตัวตามกระแสสวรรค์
หากเมื่อเขาเห็นจุดพลิกผันแล้ว เขาก็ต้องพยายามเข้าไปหามันให้ได้
ดูท่าการฝึกฝนและจิตใจของอาจารย์เขาจะยังลึกล้ำกว่าที่เขามีมาก!
เจียนเฉินเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะบอก “ท่านอาจารย์ ศิษย์มีข่าวด่วนมาบอก เซียโหเหวินเจียนจากเมืองจักรพรรดิสงบอุดรได้นำยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สามคนมุ่งหน้ามายังเมืองจักรพรรดิเลิศประกายเราแล้ว เมืองจักรพรรดิสงบอุดรนั้นเป็นเมืองจักรพรรดิระดับสูงมีกำลังไม่น้อย! เรา…ควรทำอย่างไรดี?”
เจียนหงเซียวไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตกใจใดๆ และตอบ “เจ้าออกไปจัดการ แค่เมืองจักรพรรดิสงบอุดรหากมีเรื่องก็มีไป เหตุใดต้องคิดมาก”
เจียนหงเซียวบอกกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับว่าไม่เห็นเมืองจักรพรรดิสงบอุดรอยู่ในสายตา
…
เย่หยวนบอกลาเจียนเจิ้นเทาและพาหนิงเทียนปิงรีบออกเดินทางจากเมืองจักรพรรดิเลิศประกายทันทีด้วยความเร็วราวพายุมุ่งหน้าสู่อาณาจักรเทพอสูร
อาณาจักรเทพอสูรนั้นเป็นดินแดนที่แสนกว้างใหญ่ ต้องเดินทางผ่านเทือกเขาเทพอสูรไปและเป็นแหล่งรวมตัวของเผ่าอสูรด้วย
นั่นคือดินแดนที่ถูกเรียกว่าอาณาจักรเทพอสูร
อาณาจักรเทพอสูรนั้นเป็นดินแดนที่แสนวุ่นวาย ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลาเล็กได้แต่เป็นอาหารให้ปลาใหญ่
บางทีอาจจเพราะว่าอิ้งหมัวหู่ต้องการฝึกฝนตัวเองจึงได้เดินทางไปยังอาณาจักรเทพอสูรเช่นนี้
แต่เขาแค่ไม่คิดว่าอิ้งหมัวหู่จะพาตัวเองเข้าไปเจอภัยแบบนี้
เย่หยวนได้แต่ภาวนาอยู่ในใจหวังว่าอิ้งหมัวหู่จะยังไม่เป็นอะไรไปก่อน
เพราะเวลาที่เดินทางด้วยกันมาหลายต่อหลายปีนี้ อิ้งหมัวหู่นั้นก็เปรียบเสมือนน้องชายเขาไปแล้ว
หากพูดถึงความรู้สึกผูกพัน เขาผูกพันกับอิ้งหมัวหู่ไม่แพ้เยวี่ยเมิ่งลี่เลย
“นายใหญ่ท่านอย่าได้กังวลมากไปเลย น้องอิ้งหมัวหู่นั้นดวงแข็งคงไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก” หนิงเทียนปิงพยายามปลอบ
เย่หยวนก็ได้แต่พยักหน้าและกล่าวออกไป “การเดินทางครั้งนี้แค่เวลาที่ใช้เดินทางมันก็คงกินเวลาหลายสิบปีแล้ว! ด้วยพลังของอิ้งหมัวหู่ในตอนนั้นเขาคงต้องใช้เวลาเหาะไปอย่างน้อยๆ สามร้อยปีและไม่มีทางเลยที่เขาจะกลับมาเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้ในเวลาห้าร้อยปี เด็กคนนี้มันไม่ได้สนใจสัญญาห้าร้อยปีของเราเลย ทำข้าเจ็บแค้นใจเสียจริงๆ”
หนิงเทียนปิงยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “นายใหญ่ท่านจะไปว่าน้องอิ้งหมัวหู่มากก็คงไม่ได้หรอก ท่านไม่รู้หรอกว่าการอยู่เคียงข้างท่านมันกดดันผู้คนได้มากแค่ไหน ดูอย่างข้าสิ ตอนนั้นข้าบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวมาได้ในคราเดียว ข้ามีพลังต่อสู้ที่เหนือล้ำกว่าท่าน แต่กี่ปีผ่านไปท่านกลับสามารถจัดการข้าได้ด้วยกระบวนท่าเดียวเสียแล้ว! แม้ว่าข้าจะเชื่อเสมอว่านายใหญ่ท่านจะต้องไปเป็นรองใคร แต่ข้าก็ไม่คิดเหมือนกันว่าวันนั้นมันจะมาถึงรวดเร็วปานนี้!”
เมื่อก่อนนั้นหนิงเทียนปิงยังไม่ค่อยเข้าใจถึงความคิดในหัวของพวกอิ้งหมัวหู่
แต่ตอนนี้เขาได้เข้าใจมันอย่างสุดซึ้งแล้ว
นายใหญ่ของเขานี่มันสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง!
หากวันหนึ่งมาถึงที่เราทำได้แค่เพียงคอยช่วยชงน้ำชาให้นั้น มันคงเรียกได้ว่าสุดเกินกว่าที่จะทนทานไหวแล้ว
แม้ว่าตัวเย่หยวนจะไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ เลยก็ตาม
ปัง!
จู่ๆ โถงบัลลังก์ม่วงก็สั่นสะท้านไปหมดจนทำให้ทั้งเย่หยวนและหนิงเทียนปิงรู้สึกแน่นอกราวกับถูกของแข็งใดกระแทกเข้าจนต้องกระอักเลือดออกมา
“เด็กนรก เจ้าออกมารับความตายเสีย! ไม่เช่นนั้นข้าผู้นี้จะเขย่าเจ้าจนกว่าจะตายเอง!”
เสียงดังสะท้านดังขึ้นมาจากด้านนอก
เย่หยวนและหนิงเทียนปิงหันมองหน้ากันด้วยความตื่นตกใจ “ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์!”
ที่สำคัญมันยังไม่ใช่อาณาจักรนภาสวรรค์ทั่วๆ ไปด้วย!
เย่หยวนเก็บโถงบัลลังก์ม่วงไปและปรากฏกายออกมา
ที่ด้านนอกมีคนสี่คนกำลังปิดทางอยู่
“ลุงเซียโห ไอ้นี่แหละ! ไอ้นี่แหละที่มันสังหารพี่หยุน! ลุงเซียโห พี่หยุนตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของมัน! ท่านต้องจัดการแก้แค้นนะ!”
คนที่พูดอยู่นี้ย่อมเป็นเจียงเมิ่งชิง
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็เข้าใจเรื่องราวในทันทีว่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ตรงหน้านี้มาจากไหน
เซียโหเหวินเจียนมองดูเย่หยวนอย่างเย็นชาราวกับเขาเป็นแค่ซากศพซากหนึ่ง
“เด็กนรก สู้กันในสังเวียนแล้วแต่เจ้ากลับกล้าสังหารลูกชายข้า! วันนี้ข้าผู้นี้จะเอาวิญญาณเจ้าออกมาเซ่นต่อหน้าหลุมศพหยุนเอ๋อ!” เซียโหเหวินเจียนตะโกนลั่น
เย่หยวนมองดูใบหน้านั้นและตอบกลับไป “สู้กันในสังเวียนเป็นตายย่อมเป็นเรื่องของชะตา! ที่สำคัญเซียโหหยุนผู้นั้นเองก็เชื่อผู้คนคิดที่จะทำร้ายสังหารข้า มันสมควรตายแล้ว!”
“หุบปาก!”
เซียโหเหวินเจียนตะโกนลั่นฟ้า เสียงของเขานี้ผสานมาด้วยพลังโลกอันหนักแน่น
“อ่อก!”
“อ่อก!”
เย่หยวนและหนิงเทียนปิงนั้นราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางหัว กระอักเลือดออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
แค่เสียงนี้มันก็ทำให้พวกเขาไม่มีแรงใดๆ ไปสู้ขัดขืนแล้ว
แข็งแกร่ง!
เซียโหเหวินเจียนคนนี้ต้องอยู่ในอาณาจักรนภาสวรรค์ชั้นกลางขึ้นไปแน่
ยอดฝีมือระดับนี้ย่อมมีพลังที่เหนือล้ำจินตนาการ
เซียโหเหวินเจียนยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “เด็กนรก เจ้าจะเอาชีวิตไร้ค่าของเจ้ามาเทียบกับลูกชายข้าได้อย่างไร? หากเขาอยากสังหารเจ้า หน้าที่ของเจ้าก็ย่อมต้องเป็นการยื่นคอออกมาให้เขาตัดสิถึงจะถูก!”
ในสายตาของเซียโหเหวินเจียนนั้นชีวิตของลูกชายเขามีค่าเหนือกว่าสวรรค์
เซียโหหยุนนั้นมีพรสวรรค์ที่มากล้น มากพอที่จะสืบต่อตำแหน่งของเขาได้
เขาคิดว่าแค่จะให้เซียโหหยุนได้ออกไปสร้างชื่อที่เมืองจักรพรรดิเลิศประกาย
ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายลูกของเขาจะจากไปตลอดกาล
เจียงเมิ่งชิงเองก็มีใบหน้าที่โกรธแค้นไม่น้อย “ไอ้ชั่วทั้งสอง! เจ้าคิดเอาชีวิตของตัวเองมาเทียบค่ากับพี่หยุนได้อย่างไร? วันนี้แหละข้าจะแก้แค้นให้พี่หยุน!”
พูดจบเจียงเมิ่งชิงก็ชักดาบยาวออกมาพุ่งเข้าใส่เย่หยวน
แล้วมีหรือที่เย่หยวนจะยอมง่ายๆ? เขากำลังเตรียมที่จะสวนกลับไปแต่จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังโลกที่กดดันลงมาอย่างมหาศาลทำให้เขาแทบจะขยับตัวไม่ได้!
เย่หยวนหน้าแดงก่ำ แสงสีทองค่อยๆ เปล่งออกมาจากร่างของเขาพร้อมด้วยลายสีฟ้าที่ร่ายรำอย่างรุนแรง
เคร้ง!
ดาบของเจียงเมิ่งชิงเหมือนแทงถูกเหล็กเข้า ทำให้แขนของนางต้องชาไปทั้งท่อน
“พี่เซียโห เย่หยวนนั้นเป็นแขกคนสำคัญของเมืองจักรพรรดิเลิศประกายเรา ท่านจะช่วยรามือและแสดงความเมตตาปล่อยเขาไปได้หรือไม่”
ตอนนั้นเองที่มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาพูดกับเซียโหเหวินเจียน
…………………………