ด้วนเผิงเก็บซากของตะขาบเพลิงคลั่งไปและนำพากลุ่มออกเดินทางอีกครั้ง
หยูจิงนั้นมีสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ “เจ้าเด็กคนนี้จะบ้าบิ่นเกินไปแล้วนะ! รู้ไหมว่าเมื่อพี่เป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหนกัน!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “แค่ตะขาบเพลิงคลั่งเอง มันทำอะไรข้าไม่ได้หรอก แต่พี่จิง ข้าขอถามหน่อยได้ไหม? ดูเหมือนท่านจะ…เป็นห่วงข้าเหลือเกินนะ?”
เพราะทีแรกเย่หยวนคิดแค่ว่านางเป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้เย่หยวนเริ่มรู้สึกได้ถึงความห่วงใยอย่างแท้จริงจากหยูจิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ลัวยองยุให้เขาออกไปจัดการตะขาบเพลิงคลั่งเมื่อสักครู่นี้
หยูจิงถอนหายใจยาว “ที่พี่จิงคนนี้ห่วงเจ้าก็เพราะว่าเจ้ามันทำให้พี่นึกถึงน้องชายผู้โชคร้ายของพี่ เมื่อก่อนเขานั้นเป็นคนหนุ่มที่ใจร้อน คิดอยากท้าทายเทือกเขาเทพอสูรนี้และเดินทางออกมา แต่ว่า…”
พูดถึงตรงนี้หยูจิงก็เงียบไป
เย่หยวนได้รู้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงกล่าวออกมาด้วยท่าทางเสียใจอย่างสุดซึ้ง “ขออภัย ข้าต้องเสียใจด้วยกับเรื่องน้องชายท่าน”
หยูจิงหัวเราะออกมาและหันมองเย่หยวน “เด็กน้อย เจ้ามาแช่งให้น้องข้าตายเสียแล้ว? เขายังไม่ตายเสียหน่อย!”
เย่หยวนนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินและเข้าใจว่าตัวเองคิดผิดไป
แต่คำที่หยูจิงใช้พูดมานั้น ร้อยทั้งร้อยก็ต้องว่าตาย!
เมื่อได้เห็นเย่หยวนทำหน้าเหยเกเช่นนั้นหยูจิงจึงหัวเราะบอกออกมา “เอาล่ะๆ พี่สาวคนนี้ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนเอง พี่ไม่โทษเจ้าหรอก!”
ท่าทางของทั้งสองในตอนนี้มันดูกะหนุงกะหนิงอย่างมาก
เมื่อภาพนั้นมันไปเข้าตาลัวยองที่อยู่ไม่ไกลเข้า สำหรับเขาแล้วมันยังจะเห็นเป็นอะไรไปได้นอกจากคู่รักจู๋จี๋กัน?
“เด็กน้อย ก่อนออกมาพ่อเจ้าไม่ได้บอกรึว่าอย่าได้ไปหาเรื่องกับคนที่ไม่ควร! กล้ามาข้ามหัวข้า เจ้าจะได้ตายอย่างไม่ทันรู้ตัว!”
ลัวยองนั้นคิดฆ่าเย่หยวนแล้วในใจ
ตราบเท่าที่มีโอกาส เขาก็คิดที่จะสังหารเย่หยวนลงให้ได้!
เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่ครั้งแรกของเขาด้วย
และหลังจากหยูจิงเล่าออกมาจากปากแล้วเย่หยวนถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายนาง
กลายเป็นว่าหยูจิงนั้นไม่ได้เป็นคนเมืองจักรพรรดิแนบอสูร แต่เพราะว่าน้องชายของนางอยากจะฝึกฝนตัวเองจึงได้ออกเดินทางมายังเทือกเขาเทพอสูรนี้โดยไม่บอกกล่าวใคร
เมื่อหยูจิงรู้เรื่องว่าน้องชายหายตัวไปจากบ้าน นางก็คาดเดาว่าเขาคงมาที่นี่และรีบออกเดินทางมายังเมืองจักรพรรดิแนบอสูรทันที
หลังจากถามหาข้อมูลอยู่นานในที่สุดนางก็ได้รู้ว่าน้องชายมาที่นี่จริงๆ และยังขึ้นเขาไปแล้วด้วย
แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ได้พบว่าน้องชายของตนถูกพิษแปลกๆ เข้า
หยูจิงพยายามตามหาหมอเทวดาทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิแนบอสูรนี้แต่ก็ไม่มีใครจะรักษาพิษให้น้องชายนางได้ นางได้แต่ใช้วิธีพิเศษในการพยุงอาการของน้องชายตัวเองเรื่อยมา
นางนั้นไม่กล้าที่จะเดินทางออกจากเมืองจักรพรรดิแนบอสูรนี้เพราะด้วยความกลัวที่ว่าน้องชายจะทนรับการเดินทางไกลไม่ไหว
ฉะนั้นนางจึงเลือกที่จะออกมาเป็นนักล่าและเดินทางเข้าออกเทือกเขาเทพอสูรเพื่อหาเลี้ยงน้องชายที่ป่วย
ตอนนี้พิษมันยิ่งกำเริบหนักขึ้นและหนักขึ้นจนดูท่าเขาคงมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็เข้าใจทันทีว่าทำไมหยูจิงจึงได้ทำหน้าเศร้าอยู่บ่อยๆ
ได้ยินแบบนี้เย่หยวนเองก็ได้แต่ถอนหายใจ
หยูจิง ผู้หญิงตัวคนเดียว กลับต้องใช้เวลาหลายปีคอยดูแลรักษาน้องชายและทำงานในเมืองจักรพรรดิแนบอสูรไปด้วย มันคงไม่ง่ายเลย
เมืองจักรพรรดิแนบอสูรนั้นมันต่างจากเมืองจักรพรรดิอื่นๆ มาก ที่นี่กฎที่ว่าปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้นรุนแรงกว่าที่อื่นมาก
หากไม่มีกำลัง ก็ไม่มีทางจะพัฒนาไปไหนได้เลย
เหมือนที่ก่อนหน้านี้ตอนที่ลัวยองบอกให้เขาไปสู้กับตะขาบเพลิงคลั่ง นอกจากหยูจิงแล้วมันก็ไม่มีใครคิดที่จะห้าม
เพราะหากเขาเก่งและสังหารตะขาบเพลิงคลั่งได้ก็แล้วไป
แต่หากเขาอ่อนแอและถูกมันสังหารแทนล่ะ?
ถึงตอนนั้นมันคงไม่มีใครคิดที่จะเสียใจด้วยซ้ำ พวกเขาคงต่อว่าเขาแทนว่าไร้ฝีมือ
คนเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นจริง
พวกเขาเดินด้วยกันเพราะผลประโยชน์และสังหารกันก็เพื่อผลประโยชน์
เย่หยวนบอก “พี่จิงวางใจเถอะ เรื่องพิษที่น้องชายท่านโดนข้าจะช่วยหาทางรักษาให้! ถึงตอนนั้นท่านพี่น้องคงได้กลับเมืองของตนแล้ว!”
หยูจิงตื่นเต้นดีใจชั่วขณะเมื่อได้ยิน แต่สุดท้ายก็ยิ้มแห้งๆ ออกมา “เด็กน้อยงี่เง่า เจ้านั้นหวังดี พี่สาวคนนี้เข้าใจ”
“ไม่รู้จักประเมินตน! น้องชายของน้องจิงนั้นแม้แต่อาจารย์ซ่งหยูยังรักษาไม่ได้ ไอ้เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเจ้าจะเอาอะไรมาเทียบ?” ลัวยองยิ้มเยาะ
ด้วนเผิงเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน “ไม่นึกเลยว่าน้องเย่จะเป็นนักหลอมโอสถด้วย แต่อาจารย์ซ่งหยูท่านนั้นเป็นถึงจอมเทพโอสถห้าดาว แม้แต่เขาก็ยังหมดปัญญา เจ้าเองก็คงทำอะไรไม่ได้มากมายหรอก”
เมื่อได้ไปทั้งผลโลหิตจับและซากตะขาบเพลิงคลั่ง ด้วนเผิงจึงมีท่าทีอ่อนโยนต่อเย่หยวนกว่าเก่ามาก
แต่ในเรื่องนี้เขาก็ยังคิดว่าเย่หยวนอวดโม้ตัวเองจนเกินไป
หยูจิงยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ข้าเองก็ใช้เส้นสายที่พอมีจนไปได้ความช่วยเหลือจากอาจารย์ซ่งหยู แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าแม้แต่เขาเองก็ยังจนปัญญา”
เมืองจักรพรรดิแนบอสูรนี้เป็นเมืองที่ติดกับเทือกเขาเทพอสูร มีนักยุทธบาดเจ็บและล้มตายมากมายทุกวี่วัน
ในสถานที่เช่นนี้ศาสตร์แห่งการรักษาย่อมพัฒนาล้ำ การจะมีจอมเทพโอสถห้าดาวมันก็มิใช่เรื่องแปลก
เย่หยวนเดินเข้าไปใกล้หยูจิงและสูดดมร่างของนาง
หยูจิงตกใจและคิดว่าเย่หยวนจะลวนลามตนจึงรีบหลบและตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “เย่หยวน เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้า!”
เย่หยวนไม่สนใจนางและหลับตาพริ้ม ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้น “ธูปไม้เหล็ก ผงลมโชยล่าเมฆา หญ้ามินต์ไม้แดง…อืม…ดูเหมือนเวลาที่พิษในร่างน้องท่านกำเริบมันคงจะแปรผันร้อนเย็น ร่างชักกระตุก และหากให้ข้าเดาเขาน่าจะมีฟองไหลออกปาก สีหน้าเปลี่ยนแปร กระอักเลือด และอีกหลายอาการร่วม หากให้สรุปแล้วน้องชายของท่านคงโดนพิษแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงมาใช่หรือไม่?”
เย่หยวนหลับตาอยู่อย่างนั้นและกล่าวออกมาในคราเดียว
ลัวยองที่เห็นหยูจิงทำท่าโกรธออกมาก็โกรธขึ้นมาตามในหัวใจ
แต่เขาก็หัวเราะเยาะในใจและคิดว่านี่คือโอกาสแล้ว!
เขาร้องออกมา “เด็กน้อยเจ้าถือโอกาสลวนลามน้องจิงแถมยังพูดจาไร้สาระอีก! พ่อเจ้าจะกำจัดเจ้าลงเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
พูดจบเขาก็ปล่อยคลื่นพลังและหมัดออกมาใส่เย่หยวน
แต่เขาไม่ได้ดูเลยว่ายิ่งเย่หยวนพูด หยูจิงก็ยิ่งเบิกตากว่าด้วยความไม่อยากเชื่อ
จู่ๆ นางก็จับแขนเย่หยวนไว้และบอก “เจ้า…เจ้าสุดยอดจริงๆ!”
ลัวยองต้องหยุดมือลงทันที เพราะตอนนี้ร่างของเย่หยวนนั้นถูกหยูจิงบังไว้มิด หากเขาต่อยออกไปแล้วมันคงไปโดนนางเข้าแทน
“เจ้า…เจ้าคงไม่ได้คิดว่ามันเป็นพิษแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงเพราะการดมเมื่อกี้หรอกใช่ไหม?”
หยูจิงนั้นตะลึง!
นางแค่บอกเย่หยวนไปว่าน้องชายของนางถูกพิษประหลาดเข้า และไม่ได้บอกเลยแม้แต่นิดว่ามันเป็นพิษจากอะไร
แต่เย่หยวนกลับดมครั้งเดียวและบอกชื่อสมุนไพรพวกนั้นออกมาได้อย่างแม่นยำ!
นี่มันจะน่าเหลือเชื่อจนเกินไปแล้ว!
ที่สำคัญเรื่องที่เย่หยวนพูดออกมามันยังตรงกับที่อาจารย์ซ่งหยูบอกไม่มีผิด!
แต่ว่าอาจารย์ซ่งหยูนั้นต้องไปตรวจร่างน้องของนางถึงที่ ส่วนเย่หยวนนั้นไม่เคยพบเจอน้องชายของนางแต่กลับสามารถคาดเดาถึงมันได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
พลังฝีมือนี้มันไม่มีทางที่จะคิดคาดได้เลย
เมื่อด้วนเผิงได้เห็นท่าทางนั้นของหยูจิง เขาเองก็ตื่นตกใจไปไม่น้อย “หยูจิง เจ้าหมายความว่า…น้องชายของเจ้าถูกพิษแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงเข้าจริงๆ?”
หยูจิงพยักหน้ารับ “ใช่! เรื่องที่เย่หยวนพูดมามันตรงกับที่อาจารย์ซ่งหยูบอกเลย มันเป็นแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิง! ที่สำคัญอาการที่เย่หยวนบอกมานั้นล้วนแล้วแต่ถูกต้องไม่มีผิดพลาด ราวกับว่าเขาได้ไปเห็นมันมาด้วยตัวเอง!”
คนที่เหลือต่างมองดูเย่หยวนราวกับได้เห็นผี
ไอ้หมอนี่มันเป็นสัตว์ประหลาดมาจากที่ใด?
แค่ดมกลิ่นสมุนไพรจากร่างหยูจิงครั้งเดียวแต่กลับสามารถวิเคราะห์ผลออกมาได้อย่างแม่นยำ
ทักษะนี้มันแม่นยำจนน่าขำเลยทีเดียว!
…………………………