Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1740 ย่นเวลา

ไม่ไกลออกไปพวกเขาทั้งหลายก็พบเข้ากับพืชต้นหนึ่งที่มีความสูงประมาณเอว

บนต้นนั้นมันมีผลไม้สีขาวอมฟ้าอยู่เจ็ดถึงแปดลูก และแน่นอนว่ามันคือผลภูติดินปีกเงิน

พวกด้วนเผิงนั้นรีบเก็บผลภูติดินปีกเงินเข้ากระเป๋าอย่างไม่รอช้า

จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปลึกในถ้ำต่อและได้พบกับแหล่งที่มีดอกเครือเขียวตาข่ายหยกขึ้นจริงๆ

ด้วนเผิงกล่าวออกมาอย่างซาบซึ้ง “น้องเย่ผู้นี้ช่างมากความสามารถ รู้จักที่อยู่ของพืชสมุรไพรใดๆ ราวกับมันขึ้นอยู่บนฝ่ามือ!”

หยูจิงบอก “เขารักษาได้แม้แต่พิษแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิง เรื่องแค่นี้จะยังเป็นปัญหาใด?”

ด้วนเผิงพยักหน้ารับ “ทุกคนเตรียมตัว! ระวังพวกค้างคาวพิษรัตติกาลลอบโจมตีด้วย!”

ทุกผู้คนพยักหน้ารับและเตรียมผงที่เย่หยวนมอบให้มา

ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างเชื่อมั่นใจพลังฝีมือและความสามารถของเย่หยวนจนหมดใจ

หากเย่หยวนบอกมาว่าผงนี้มีประโยชน์ มันย่อมมีประโยชน์อย่างแน่นอน

ไม่เช่นนั้นด้วยพลังของค้างคาวพิษรัตติกาลที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าวานรอสูรตาม่วง พวกเขาจะกล้าเดินเข้ามาดุ่มๆ เช่นนี้หรือ?

เมื่อทำการเตรียมผงเสร็จเรียบร้อยพวกเขาทั้งหลายก็มุ่งหน้าเข้ามาเก็บดอกเครือเขียวตาข่ายหยก

เป็นเวลานั้นเองที่เกิดเสียงกระพือปีกดังขึ้นมาจากด้านในถ้ำลึก

จากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้เห็นฝูงค้างคาวบินเข้ามาหาคนทั้งสี่อย่างดุดัน

ค้างคาวพวกนี้มีขนาดตัวพอๆ กับหัวมนุษย์ หน้าตาน่ากลัวและน่าสยดสยองอย่างถึงที่สุด

“ถอย!”

ด้วนเผิงตะโกนบอกพร้อมๆ กับโปรยผงที่เย่หยวนให้มาออกไป คนทั้งสามเองก็ทำตาม

“จี้! จี้!”

จู่ๆ เหล่าค้างคาวพิษรัตติกาลอันแสนดุดันก็ส่งเสียงร้องอันทรมานออกมา

เหล่าค้างคาวดิ้นไปมากลางอากาศอยู่นิดหน่อยก่อนที่จะตกลงมาพร้อมเลือดไหลเป็นสาย

เหล่าค้างคาวพิษรัตติกาลที่เหลือก็เหมือนได้เจอกับศัตรูคู่แค้น ได้แต่บินวนไปมาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้แม้แต่น้อย

คนทั้งหลายได้เห็นเช่นนี้พวกเขาก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างงงงัน

“ผงนี่มันช่างแรงเสียจริงๆ สัตว์อสูรระดับสี่อย่างค้างคาวพิษรัตติกาลตายลงไปง่ายๆ ในพริบตาเลย!”

“เจ้านี่ดูอย่างไรมันก็เหมือนผงสลายศพชัดๆ แต่พลังของมันนั้นเหนือล้ำกว่าไม่รู้กี่เท่า!”

ด้วนเผิงนั้นยังตื่นตัวและตะโกนบอก “รีบลงมือ!”

คนทั้งหลายไม่กล้าชักช้า รีบเก็บดอกเครือเขียวตาข่ายหยกไปอย่างเร่งรีบ

พวกค้างคาวพิษรัตติกาลได้แต่มองดูภาพตรงหน้าโดยที่ไม่กล้าจะขยับตัวเข้ามาใกล้แม้แต่น้อย

เพราะผงที่กระจายอยู่ในอากาศตอนนี้มันคือพิษร้ายสำหรับพวกมัน

ด้วนเผิงและพวกเก็บดอกเครือเขียวตาข่ายหยกมาอย่างเร่งรีบและถอยออกมาอย่างรีบร้อน

เมื่อคนทั้งสี่กำลังจะออกจากปากถ้ำพวกเขาก็พบว่ามีคลื่นพลังแสนรุนแรงกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาจากระยะไกลพร้อมเสียงกู่ร้อง

ด้วนเผิงหน้าถอดสีตะโกนออกมา “ไม่ดีเลว วานรอสูรตาม่วง! หรือว่า…”

น้ำตาของหยูจิงไหลย้อยลงมาพร้อมส่ายหัวอย่างไม่มีหยุด “ไม่! น้องเย่ไม่ตายแน่!”

ด้วนเผิงบอก “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาแล้ว หากถูกวานรอสูรตาม่วงจับได้พวกเขาคงตายแน่! รีบวิ่ง!”

แล้วจะยังมีใครกล้าอยู่ต่อ? พวกเขาใช้แรงทั้งหมดที่มีวิ่งหนีอย่างสุดตัว คิดอยากที่จะหนีให้พ้นระยะของวานรอสูรตาม่วง

“โฮ่ก!”

“โฮ่ก!”

วานรอสูรตาม่วงเองก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่เหนือล้ำ

ด้วนเผิงหันหน้าไปมองจนหัวใจต้องตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ตอนนี้เจ้าวานรอสูรตาม่วงที่กำลังคลั่งอยู่นั้นมีแสงสีม่วงสว่างขึ้นมาที่ดวงตา แสงที่เหมือนจะกลืนกินวิญญาณผู้คนนี้มันคือเครื่องหมายแสดงว่าวานรอสูรตาม่วงกำลังคลั่งอย่างถึงที่สุดแล้ว

วานรอสูรตาม่วงในสภาพนี้ มันย่อมมีพลังที่สุดน่าสะพรึง!

เพราะแม้แต่เย่หยวนยังหนีจากวานรอสูรตาม่วงไม่พ้น คนพวกนี้ย่อมไม่มีทางหนีได้

ในคนทั้งสี่นั้นหยูจิงเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม และความเร็วของนางเองก็นับว่าช้าที่สุด

ไม่กี่อึดใจเจ้าวานรอสูรตาม่วงก็ตามมาถึง

จู่ๆ หยูจิงก็หยุดเท้าลงและหันไปมองวานรอสูรตาม่วงอย่างโกรธแค้น “เจ้าสัตว์ร้าย เจ้ากล้าสังหารน้องเย่ ข้าจะสู้กับเจ้าให้รู้ดำรู้แดงเอง!”

พูดจบนางก็ใช้แรงที่เหลือทั้งหมดพุ่งตัวเข้าใส่วานรอสูรตาม่วงด้วยดาบในมือ

หยูจิงนั้นรู้ว่านี่คือการฆ่าตัวตาย แต่นางนั้นไม่อยากที่จะหนีอีกต่อไปแล้ว

เมื่อพวกด้วนเผิงเห็นภาพตรงหน้าพวกเขาก็ได้แต่ตกใจจนหน้าซีด

แต่ด้วนเผิงก็แสดงสีหน้าแน่วแน่ออกมาและกัดฟันแน่น “ให้ตายสิ พ่อเจ้าจะสู้กับเจ้าด้วย! ทุกคนโมตีพร้อมกัน แก้แค้นให้น้องเย่!”

พูดจบร่างของเขาก็พุ่งออกไปถึงก่อนแม้จะออกทีหลัง ปะทะกับร่างวานรอสูรตาม่วงเข้าอย่างแรง

แต่ว่าเจ้าวานรอสูรตาม่วงในสภาพที่โกรธจนตาม่วงนี้มันมีพลังที่รุนแรงจนน่าใจหาย

ก่อนจะไปถึงได้คนทั้งสี่ก็รู้สึกได้ถึงความกดดันมหาศาล ราวกับว่าฝีมือของพวกเขามันยกไม่ขึ้นจากพื้น

“โฮ่ก!”

วานรอสูรตาม่วงแกว่งแขนออกมาพร้อมกับฝ่ามืออันทรงพลัง!

ฝ่ามือนี้มันแฝงมาด้วยพลังลมและพัดส่งคนทั้งสี่ลอยจากขวาไปซ้าย

มันไม่ใช่การต่อสู้ในระดับเดียวกันเลย!

วานรอสูรตาม่วงตบออกมาอย่างรวดเร็ว พริบตาฝ่ามือนั้นก็มาถึงหน้าคนทั้งสี่แล้ว

เมื่อฝ่ามือนี้ตกลงมา พวกเขาทั้งสี่ย่อมตายลงอย่างแน่นอน!

ในจังหวะเวลานั้นเองก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าและแทงตรงเข้าไปยังดวงตาของวานรอสูรตาม่วง

มันเกิดขึ้นเร็วมาก มากจนแม้แต่วานรอสูรตาม่วงก็ตั้งรับไม่ทัน

แต่เจ้าวานรอสูรตาม่วงนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองที่เหนือล้ำมันจึงใช้มือเหล็กตบเข้าที่ร่างนั้นอย่างแรง

“อ่อก!”

“โฮ่ก!”

พวกด้วนเผิงทั้งสี่คนถูกตบกระเด็นไป และเย่หยวนที่ออกมาจากความว่างเปล่านั้นเองก็ถูกส่งลอยลิ่วตามไป

แต่ว่าเจ้าวานรอสูรตาม่วงนั้นบาดเจ็บจากการโจมตีของเย่หยวน มันเจ็บปวดจนได้แต่กู่ร้องอย่างทรมาน

“รีบไปซ่อน!”

เย่หยวนกระอักเลือดพร้อมๆ กับสั่งคำสั่งนั้นออกมา

ได้เห็นว่าเย่หยวนยังไม่ตายเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายก็อดที่จะดีใจไม่ได้

ได้ยินคำสั่งของเย่หยวนพวกเขาจึงสะดุ้งและรีบหลบไปหาที่ซ่อนทันที

เย่หยวนพยายามกดเครื่องในที่บาดเจ็บไว้อีกครั้งและวางดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าลง

เย่หยวนใช้โอกาสที่วานรอสูรตาม่วงกำลังร้องอย่างเจ็บปวดอยู่นี้กางยันต์แปดทิศออกมาในมือ!

ไม่ไกลออกมาพวกด้วนเผิงที่ได้เห็นนั้นต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

“นี่มัน…การหลอมด้วยยอดเต๋าในตำนาน! พระเจ้า!” ด้วนเผิงร้อง

หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นว่ามีโอสถค่อยๆ ก่อตัวขึ้นที่กลางยันต์แปดทิศนั้น

เดิมทีเจ้าวานรอสูรตาม่วงนั้นตามเย่หยวนออกไปจนเกือบจับเขาได้ แต่จู่ๆ มันกลับหันหน้าหนีและวิ่งกลับไปยังถ้ำทันที

เมื่อเย่หยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็หน้าซีดเผือดลงทันที เป็นเวลานั้นเองที่เขาได้รู้ว่าเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้มันฉลาดและเข้าใจได้ว่านี่คือแผนล่อเสือออกจากถ้ำ

เย่หยวนได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจเพราะด้วยความเร็วของมันตอนนี้ พวกเขาคงไม่มีทางใดเลยที่จะหนีมันไปได้

เขารู้ดีว่าการต่อสู้นั้นคงไม่มีทางเลี่ยงได้แล้ว

เดิมทีเขาคิดว่าการล่อศัตรูออกจากฐานมันจะได้ผล แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าวานรอสูรตาม่วงจะฉลาดกว่าที่เขาคาดเดาไว้มาก

ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ มันไม่พอที่จะปะทะกับวานรอสูรตาม่วงเลย

ในเวลาแสนเร่งรีบนั้นเย่หยวนจึงเข้าศิลาจารึกบัลลังก์พิภพไปและสั่งให้หนิงเทียนปิงขับโถงบัลลังก์ม่วงมุ่งหน้ามาทางถ้ำอย่างเต็มความเร็ว

ในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้นเย่หยวนได้ใช้ดอกสุคนธรสดำยมโลกที่เพิ่งจะเก็บมาได้เริ่มทำการหลอมโอสถทันที

เดิมทีเขานั้นบอกให้หนิงเทียนปิงรอในโถงบัลลังก์ม่วงมาตลอดและคอยตามพวกหยูจิงไป เพื่อรอเวลาให้เย่หยวนทำการหลอมได้สำเร็จ

ใครจะไปคิดว่าในตอนนั้นหยูจิงกลับกระโดดเข้าไปหาวานรอสูรตาม่วงแทน

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นใดเย่หยวนจึงต้องหยุดทำการหลอมไว้ก่อนและออกมาลอบโจมตีวานรอสูรตาม่วงในเวลาเสี้ยววินาทีเช่นนั้น

แต่ว่าการหลอมที่ถูกหยุดไว้ หากเขาหลอมมันได้ไม่เสร็จสุดท้ายเขาก็คงตายอยู่ดี

อาการบาดเจ็บแค่นี้มันไม่มีทางทำให้วานรอสูรตาม่วงถึงตายได้!

เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงเลือกที่จะเริ่มหลอมโอสถด้วยยอดเต๋าในหม้อหลอมมณีเหลืองพิสุทธิ์เมื่อมีโอกาส!

เพราะเวลาที่ย่นไปในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพทำให้ตอนนี้เย่หยวนหลอมไปได้จนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว

ไม่นานนักเย่หยวนก็ตะโกนคำว่า ‘หลอม’ ออกมาและเปลี่ยนให้โอสถตรงหน้ากลายเป็นโอสถที่เสร็จสมบูรณ์!

…………………………

Unrivaled Medicine God

Unrivaled Medicine God

Type: Author: ,
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง…. กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก… ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า! A Pill Emperor of his generation was set up by a traitor. Since then, the world lost a Qingyun Zi and gained an invincible silkpants. Once again, walking the Great Dao of Alchemy. How can I defy the heavens . . . with the medicine in my hands!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset