“ขุดหลุมฝังตัวเอง? หากท่านมีปัญญาก็ลองมาฝังข้าดูสิ”
เย่หยวนจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่มุมปากนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความเย้ยหยัน
อีกด้านนั้นเป็นแค่เสี้ยวความรู้ ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน
“หึ! เจ้าหนุ่มอวดดี หากเจ้าคิดจะรนหาที่ตายอย่างเต็มที่แล้วผู้เฒ่าก็ย่อมสนองให้ได้!”
เสียงของโอสถบรรพกาลตอบกลับมาด้วยอารมณ์ไม่พอใจ
ตุบ!
หมากสีขาววางลง เปลี่ยนสถานการณ์ของเกมทั้งกระดานไป!
ตอนนี้หมากสีขาวตัวนั้นได้เปลี่ยนกลายเป็นนักยุทธนับร้อยนับพันวิ่งพุ่งตรงลงมา
ด้านเย่หยวน หมากสีดำเองก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นนักยุทธชุดสีดำจำนวนมากมายเช่นกัน
ทั้งสองฝั่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
เว้นเสียแต่ว่าฝั่งโอสถบรรพกาลนั้นจะทำได้สมชื่อโอสถบรรพกาล หมากสีขาวของเขากำลังค่อยๆ ได้เปรียบขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อหมากตัวนี้ถูกวางลงมันก็ลงมาล้อมจุดศูนย์กลางของเย่หยวนในทันที เปลี่ยนสถานการณ์ให้กลับมาสู่ความชนะได้ในเวลาไม่มากนัก
ตุบ!
เย่หยวนวางหมากลงอีกตัวหนึ่งอย่างไม่คิดลังเล ราวกับว่าเขาไม่ได้คิดอะไรเลยก่อนที่จะวางมันลง
แต่หมากตัวนี้กลับไม่ได้อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางกระดาน มันวางอยู่ห่างจากกลางกระดานไกลแสนไกล
มันเป็นการวางหมากที่ไม่เกี่ยวใดๆ กับจุดศูนย์กลางเลย
“อวดดี! ที่นี้เจ้าคงรู้แล้วสินะว่าการวางหมากแรกของเจ้ามันโง่เง่าแค่ไหน? ต่อให้เจ้ามีโอสถชะล้างความเสียใจ แต่เมื่อหมากมันวางลงแล้วตาเดินก็ไม่มีทางหวนกลับได้!”
โอสถบรรพกาลพูดออกมาด้วยท่าทางดูถูกเย้ยหยันอย่างเต็มที่
ระหว่างพูดไป หมากอีกตัวก็ถูกวาง
นักยุทธชุดขาวเริ่มได้เปรียบขึ้นอย่างมากและทำการต่อสู้อย่างดุเดือดอีกครั้ง กระจายตัวไปทั่วฟ้าดิน ตอนนี้ทั้งกระดานมันเต็มไปด้วยหมากตัวสีขาว ความเร็วของหมากเหล่านี้มันเหนือเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด
ตุบ!
เย่หยวนวางหมากลงอีกตัวด้วยรอยยิ้ม “ในชีวิตของข้าไม่มีคำว่า ‘เสียใจภายหลัง!’ รอให้ชนะก่อนเถอะท่านค่อยมาโอ้อวด!”
…
บนท้องฟ้าคนทั้งสองกำลังเล่นกันไป
ยิ่งเล่นไป หมากฝั่งสีขาวก็ยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้น ส่วนหมากฝั่งสีดำก็ยิ่งเสียเปรียบลงไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มันถูกหมากสีขาวล้อมไว้แทบจะสิ้นแล้ว
เมื่อเหล่านักบวชเห็นภาพนี้พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางดูถูกออกมา
“เย่หยวนคนนี้มันจะอ่อนหัดเกินไปแล้ว! ปัญญาของมันไม่มีทางเทียบเคียงใดๆ กับโอสถบรรพกาลได้เลย!”
“อืม นี่สินะคือการประเมินตัวเองจนสูงเกินไป? โอสถบรรพกาลนั้นคือใคร? ขนาดมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ยังไม่มีปัญญาชนะ ไอ้คนเช่นนี่มันจะไปเอาอะไรมาสู้!”
โอสถบรรพกาลนั้นแม้แต่ในเผ่าอสูรก็มีชื่อเสียงว่าเป็นยอดคนผู้ปกครองโลกหล้า
คนที่จะท้าทายเขาคนนั้นได้มันต้องมีระดับประมาณมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลขึ้นไปเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นได้แค่มดปลวกในสายตาของเขา
เกมกระดานนี้ความแข็งแกร่งทางร่างกายมันไม่ได้ช่วยอะไร มีเพียงความรู้เท่านั้นที่ช่วย
แต่ในโลกใบนี้จะยังมีใครที่เข้าใจศาสตร์โอสถได้เทียบเคียงกับโอสถบรรพกาลอีก?
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงประเมินตัวเองไว้สูงเกินไป
นิคุนมอบดูหมากสีดำที่กำลังแพ้พ่ายด้วยรอยยิ้มแสนเย็นชา “นี่คือการปะทะของเต๋า ยิ่งเสียหมากมาก มันก็จะยิ่งโดนพลังความรู้ของโอสถบรรพกาลรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น จากกระแสเกมในตอนนี้มันคงเรียกได้ว่าเป็นการชนะอย่างราบคาบ! ไอ้เด็กคนนี้ได้ตายแน่!”
“ไม่รนหาที่ก็คงไม่ตาย! กระดานหมากที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลสร้างไว้นั้นมันจะยังมีใครทำได้ดีกว่าท่าน? ทั้งอย่างนั้นมันกลับทำอะไรไม่เข้าเรื่อง ฝืนจะขึ้นไปเล่นกับโอสถบรรพกาลด้วยตัวเอง เรื่องนี้ดูยังไงมันก็รนหาที่ตายเอง เจ้าดูการเดินหมากของมันสิ ไม่ใช่แค่มันมองอะไรไม่ออก แต่มันเป็นการเดินที่ไม่มีแผนการใดๆ เลยด้วยซ้ำ ดูยังไงก็แค่วางมั่วๆ” ผู้อาวุโสหลี่พูดขึ้นด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
นิคุนยิ้มตอบ “เหล่าอัจฉริยะนั้นล้วนโอหัง แต่มันคนนี้กลับไม่ประเมินเลยว่าศัตรูเป็นใคร!”
บนกระดานหมากเย่หยวนวางหมากของเขาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลย
ดำปะทะขาว การวางหมากแต่ละตัวมันต้องระวังและคิดให้รอบคอบ
ตอนนั้นที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้เล่นกับโอสถบรรพกาล พวกเขาใช้เวลาเล่นไปถึงหนึ่งร้อยปี
จนหมากตาสุดท้ายมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ต้องหยุดนิ่งคิดอยู่ถึงแสนปี!
เวลานี้มันยาวนานกว่าช่วงชีวิตของผู้คนธรรมดาๆ มากนัก
ซิ่วมองดูหมากกระดานตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง “เด็กคนนี้มันอวดดีเกินไป ไม่ยอมที่จะตกเป็นหมากเบี้ยของผู้คน หักได้แต่ไม่ยอมงอ!”
ซิ่วนั้นมากด้วยประสบการณ์ชีวิต แม้ว่าจะเห็นแค่กระดานหมากของเย่หยวนเขาก็พอมองอะไรออกได้หลายๆ อย่าง
เย่หยวนไม่ยอมเป็นหมากให้ใคร เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะขึ้นมาควบคุมกระดานเอง
ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญกับโอสถบรรพกาล ตัวตนที่สูงส่งล้ำโลกเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะยังต่อต้านไม่พ่ายแพ้ไปได้?
ตุบ!
ตอนนั้นเองที่เย่หยวนวางหมากลงอีกตัว!
ร่างของซิ่วต้องสั่นสะท้านทันที ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“หืม? นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกัน? หมากจุดศูนย์กลางนั้นมัน… มัน… กลับมามีชีวิตแล้ว!”
ซิ่วมองดูกระดานหมากนี้ด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อภาพตรงกำลังเกิดขึ้น
ตอนนี้เขาได้เห็นเลยว่าหมากอ่อนหัดตาแรกของเย่หยวนนั้นมันกำลังทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมทั้งกระดานเข้าด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้!
การเดินอันแสนอ่อนหัดตาแรกของเย่หยวนกลับกลายมาเป็นตัวพลิกเกมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้
หลังจากผ่านไปหลายต่อหลายรอบ โอสถบรรพกาลก็ได้ล้อมเย่หยวนจนเรียกได้ว่าไม่มีที่ให้หายใจ เป็นสภาพที่แสนสับสน
บนกระดานนั้น หมากสีดำกำลังอยู่ในจุดตายไปทั่วกระดาน
แต่เมื่อเย่หยวนวางหมากตานี้ลง
ทุกสิ่งอย่างมันกลับมามีชีวิต!
หลังจากวางหมากตายมาหลายต่อหลายตา ในที่สุดมันก็ครอบจุดศูนย์กลางกระดานไว้ได้และเชื่อมต่อกันออกไปราวมหาสมุทรกว้างใหญ่
มันเปลี่ยนสถานการณ์ไปในทันที!
มือของโอสถบรรพกาลหยุดชะงัก!
นิ้วของโอสถบรรพกาลนั้นยังหยิบหมากไว้อยู่ แต่มันกลับไม่ได้ถูกวางลงเสียที
“หืม? เกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมโอสถบรรพกาลถึงได้หยุดมือไป?”
“แค่อีกไม่กี่ตาเดินก็น่าจะจัดการเย่หยวนได้เด็ดขาดแล้วใช่ไหม?”
“หมากขาวกำลังได้เปรียบอย่างถึงที่สุด มันคงไม่มีอะไรให้ต้องคิดมากแล้วใช่ไหม?”
…
ตอนนี้นักบวชและนักบวชฝึกหัดจำนวนมากกำลังมองดูเกมกระดานนี้อยู่ แต่พวกเขานั้นขาดความรู้มากพอที่จะมองสภาพเกมที่แท้จริงออก
แต่ดี๋เชียวและเหล่าผู้อาวุโสนั้นต่างมองดูภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด ตอนนี้สายตาที่มองดูหมากสีดำบนกระดานนั้นมันเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง
ตอนนี้หมากสีดำตรงกลางกระดานนั้นมันเปรียบได้เสมอพระอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้าท่ามกลางความมือของอวกาศ เป็นความสว่างที่ไม่อาจเทียบเคียงได้
ไม่มีใครคาดคิดว่าการเดินหมากห่วยๆ แรกของเย่หยวนมันจะกลับมาส่องสว่างได้อย่างเจิดจ้าเช่นนี้!
นิคุนหน้าซีดจนขาวสนิท “เขา… ทำได้อย่างไรกัน?”
ทุกคนต่างมีคำถามนี้เกิดขึ้นมาในจิตใจ เย่หยวนทำเช่นนี้ได้อย่างไร?
…
“เจ้า… เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
บนกระดานนั้นโอสถบรรพกาลได้เป็นคนถามออกมาแทนทุกผู้คน
จากน้ำเสียงของโอสถบรรพกาลแล้ว ความตื่นตกใจที่เขามีมันย่อมไม่น้อยไปกว่าผู้คนที่มองดูการปะทะครั้งนี้อยู่เลย
เขานั้นมีความรู้ที่เหนือล้ำ แต่ละตานั้นมันแฝงไปด้วยความรู้จากเต๋า
แม้จะด้วยความสำเร็จที่เขามี เขากลับตกลงหลุมพรางของเย่หยวนอย่างไม่ทันรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
วิธีการเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะยังทำใจเย็นอยู่ได้?
นี่คือเกมหมากล้อม แต่มันก็ยังเป็นการประชันความรู้ด้วย
นักเล่นหมากล้อมเข้าใจกฎของสวรรค์และแผ่นดิน พัฒนาไปสู่ยอดเต๋า
แต่ละก้าวเดินที่พวกเขาวางมันแฝงไปด้วยความลับแห่งสวรรค์
เขานั้นคือโอสถบรรพกาล การจะทำเช่นนี้ได้มันย่อมไม่แปลกประหลาดใดๆ
แต่เย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กน้อยอาณาจักรราชันพระเจ้า ต่างไกลจากคำว่ายอดเต๋าอย่างลิบลับ
เขาจะเอาปัญญาที่ไหนมาทำการเล่นเช่นนี้ได้?
แต่ดูแล้วตอนนี้ความเข้าใจในเต๋าของเย่หยวนมันกลับจะดูลึกล้ำกว่าของตัวเขาเสียอีก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าก่อนเย่หยวนจะวางหมากตาแรก เขาคงสามารถอ่านกระดานนี้ออกได้อย่างเด็ดขาดไปแล้ว
เพราะเช่นนั้นเขาจึงกล้าวางหมากลงกลางกระดานอย่างไม่คิดลังเล
เพราะหมากจุดกลางนี้เองที่มันทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปและทำให้ความพยายามทั้งหมดของเขาทั้งสูญเปล่า!
หมากตานี้มันสุดยอดจนเกินไป!
จากการเดินหมากที่แสนอ่อนหัดกลับกลายเป็นหมากพลิกกระดาน การวางจุดศูนย์กลางนี้มันเปลี่ยนแปลงไปราวกับผีเสื้อที่ออกจากรังไหม
เขาได้แต่ต้องยอมทำใจ!
เพราะเย่หยวนนั้นมองเห็นสีที่เขามองไม่เห็น!
เย่หยวนมองดูโอสถบรรพกาลและกล่าวออกมา “นี่คือการปะทะของความรู้ การที่ข้าทำได้มันย่อมหมายความว่าข้ายืนอยู่เหนือท่าน และมองเห็นได้ไกลกว่าท่าน! ให้พูดตรงๆ ตอนนี้คือข้าผิดหวังไม่น้อยเลย!”
…………………………