หู่ชิงร่างสั่นสะท้านและพุ่งตัวออกไปพร้อมเสียงระเบิดสนั่น
การบรรลุขึ้นระดับสี่ขั้นปลายมานั้นมันทำให้หู่ชิงมีความเร็วที่เพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัว มาถึงหน้าของเย่หยวนในเวลาแค่ชั่วพริบตาและยังรับตัวเย่หยวนก่อนจะวิ่งหนีออกไปได้ด้วย
แม้จะโดนการโจมตีแค่ครั้งเดียวนี้ เครื่องในของเย่หยวนกลับปั่นป่วนจนได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
แต่เวลานั้นเอง ฝั่งหนิงเทียนปิงกลับถูกกำลังล้อมอยู่อย่างหนักหน่วงและไม่สามารถที่จะหาทางหนีออกมาได้
เย่หยวนพยายามกดความเจ็บปวดอาการบาดเจ็บของตนไว้และปล่อยดาบแสงออกไปหลายครั้ง แทงทิ่มร่างของสัตว์อสูรที่ล้อมรอบหนิงเทียนปิงอยู่
“ไป!”
เย่หยวนตะโกนบอกพาหนิงเทียนปิงขึ้นมานั่งอยู่บนหลังหู่ชิงด้วยกัน
มารด้านหลังกลุ่มของสัตว์อสูรยังคงตามเขามาอย่างไม่พัก
โชคยังดีที่หู่ชิงนั้นมีความเร็วที่เหนือล้ำ ตอนนี้เหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายไม่มีตัวไหนที่สามารถตามติดมาได้ทันเลย
“นายใหญ่ท่านเป็นอะไรมากไหม?” หนิงเทียนปิงถามด้วยความเป็นห่วง
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้ายังไม่ตายหรอก! ตอนนี้ขอรักษาตัวก่อน!”
พูดไปเย่หยวนก็ลืมโอสถลงท้องและเริ่มทำการรักษาอาการบาดเจ็บไปบนหลังของหู่ชิงทันที
การโจมตีนั้นของเจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้ามันแสนที่จะรุนแรง หากเป็นราชันพระเจ้าทั่วๆ ไปแล้วคงตายลงอย่างไม่มีทางฟื้นคืนกลับแน่
“ลายสักยอดเต๋านี้มันช่างแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นต่อให้ข้ามีกายทองคำขั้นเก้าก็คงไม่สามารถที่จะรอดออกมาได้แน่” เย่หยวนพูดขึ้นด้วยอารมณ์ที่มากล้นในหัวใจ
ตั้งแต่เข้าไปในหมอกของเขาแห่งถงเทียนครานั้นได้และลายสักนี้มา เขาก็ได้รับประโยชน์จากมันอย่างมหาศาลมาหลายต่อหลายครั้ง
ไม่นานนักเย่หยวนก็เริ่มมีสีหน้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“นายท่านเจ้าพวกนั้นมันตามติดมาราวบ้าคลั่ง ตามเรามาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย!” หู่ชิงบอก
เย่หยวนทำหน้าเครียดออกมา “เหมือนว่าเจ้าสัตว์อสูรพวกนี้มันคิดจะต้อนเราไปยังที่บางแห่ง! ข้าคิดว่าพวกมันน่าจะกำลังถูกอะไรบางอย่างควบคุมอยู่เป็นแน่”
เพราะตั้งแต่แรกที่เย่หยวนได้เห็นสภาพของเหล่าสัตว์อสูรเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ปกติ
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมา หู่ชิงและหนิงเทียนปิงก็หน้าถอดสีลงทันที
“นี่มัน… เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดี?” หนิงเทียนปิงถามขึ้นอย่างกังวล
เย่หยวนอมยิ้มออกมาด้วยสายตาที่หนักแน่น “หากมีคนอยากพบเจอเรา ก็ไปหามันหน่อย”
หนิงเทียนปิงและหู่ชิงนั้นกังวลมาก แต่เมื่อเย่หยวนตัดสินใจไปแล้วพวกเขาก็ได้แต่ต้องรับคำเท่านั้น
เย่หยวนย่อมไม่คิดอยากจะเดินทางเข้าหาอันตราย แต่หากอิ้งหมัวหู่เองก็ได้เจอสภาพเช่นนี้ เขาเองก็คงได้เจออันตรายที่ไม่แตกต่างกัน
หากเป็นเช่นนั้น เขาก็พร้อมที่จะเสี่ยงตามความอันตรายนี้ไป
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังวิ่งไป พวกเขาก็พบว่าด้านหน้ามันมีถ้ำที่ดูผิดแปลกตั้งอยู่
ก่อนจะไปถึงพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงลมเย็นหยินที่พัดออกมาอย่างรุนแรง ทำให้คนทั้งสามต้องหนาวจนจับขั้วหัวใจ
“นายใหญ่ มันช่างเป็นลมเย็นหยินที่รุนแรง ข้าว่าด้านในต้องมีอะไรบางอย่างที่แสนทรงพลังอาศัยอยู่เป็นแน่!” หนิงเทียนปิงบอก
เย่หยวนตอบกลับมา “เข้าไป!”
หู่ชิงไม่คิดที่จะลังเลและกระโดดเข้าไปในทันที
“นายท่าน สัตว์อสูรพวกนั้น… มันไม่ตามเรามาแล้ว!” หู่ชิงบอก
เย่หยวนพยักหน้า “ดูเหมือนว่าจะมีใครต้องการให้เราเข้ามายังที่แห่งนี้! มา เข้าไปกัน ข้าอยากรู้เสียจริงว่าที่แห่งนี้มันคืออะไรกันแน่”
…
หลังจากพวกเย่หยวนเข้าไปแล้วก็ปรากฏเงาร่างสี่ถึงห้าเงาตามมายังหน้าทางเข้าถ้ำ
คนทั้งหลายนี้ต่างมีสัตว์ขี่เป็นพาหนะ
“หึ เจ้าผีร้ายระดับห้าที่ด้านในนั้นมันช่างยุ่งยากเกินกว่าจะจัดการได้ ไม่นึกเลยว่าเราจะโชคดีมาเจอเจ้าขยะสองคนนี้เดินผ่านมาพอดี” ชายชุดเทาคนหนึ่งพูดขึ้น
ชายชุดเทานั้นขี่เสือขาว คลื่นพลังที่ปล่อยออกมาจากตัวนั้นมันแสนที่จะแข็งแกร่ง
“เป็นพี่ใหญ่ท่านที่ฉลาดหลักแหลม! เจ้าผีร้ายนั้นมันชอบสิงร่างมนุษย์นัก หากมันเข้าสิงร่างเจ้าสองคนนั้นแล้วมันก็คงมีสภาพอ่อนแอไปพักใหญ่ ถึงตอนนั้นเราก็จะสามารถตักตวงผลประโยชน์ได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง ศิลาวิญญาณหยินและหญ้ากินหยินเก้าวิญญาณในถ้ำวิญญาณดำนี้จะตกกลายเป็นของเรา!” หญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงข้างๆ ชายชุดเทาพูดขึ้น
“ฮ่าๆ ตราบเท่าที่เราได้ของสองสิ่งนี้มา นิกายคุมวิญญาณของเราต้องสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบนี้ได้แน่” อีกคนพูดตาม
ชายชุดเทาบอกต่อ “จะว่าไปเจ้านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวคนนั้นมันช่างแข็งแกร่งนัก! ทั้งที่ถูกฝูงสัตว์อสูรจำนวนมากมายล้อมเช่นนั้นมันกลับสามารถถอยหนีออกมาได้ หากมันมีการบ่มเพาะที่สูงกว่านี้หน่อย เราคงไม่มีทางเป็นคู่มือของมันได้แน่”
พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทุกผู้คนก็แสดงสีหน้าท่าทางวิตกขึ้น
แท้จริงแล้วการลงมือทุกสิ่งอย่างของพวกเย่หยวนนั้นมันถูกจับตามองไว้สิ้น
เพียงแค่ว่าพลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมามันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาทั้งหลายจะคาดคิด
ราชันพระเจ้าห้าดาวกลับสามารถถอยกลับมาได้ทั้งๆ ที่ต้องเจอการล้อมของฝูงสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลาย
แถมหนึ่งในสัตว์อสูรที่ไปล้อมนั้นมันยังมียอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายอยู่ด้วย
ตอนแรกพวกเขานั้นคิดแค่ที่จะขับไล่ให้เย่หยวนกลัวหนีไป
เรื่องชีวิตของหู่ชิงนั้นไม่อยู่ในสายตาของคนพวกนี้เลย
แต่ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายเย่หยวนเลือกที่จะไม่ถอยหนีและยังมุ่งหน้าเข้าไปกลางวงล้อมของสัตว์อสูรแทน
โชคยังดีที่เจ้าสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายเหล่านี้มันมีพลังที่แข็งแกร่งและพอที่จะกดดันเย่หยวนไว้ได้
ไม่เช่นนั้นคงเป็นพวกเขาเองที่ต้องลำบาก
ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยังตื่นตะลึงในฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมา
ใบหน้าของหญิงสาวชุดแดงนั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจและบอก “การบ่มเพาะของเจ้าหมอนั่นมันต่างจากพวกเราทั้งหลายนัก ดูท่าคงเป็นคนจากมหาพิภพถงเทียน หรือว่า… นักยุทธในมหาพิภพถงเทียนจะแข็งแกร่งปานนั้นกันหมด?”
ชายชุดเทาส่ายหัวออกมา “ไม่มีทาง! เจ้าเด็กคนนี้มันต้องเป็นยอดอัจฉริยะแม้แต่บนมหาพิภพถงเทียนแน่ๆ การผสานแนวคิดแห่งดาบและแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้าด้วยกันเช่นนี้มันเป็นพรสวรรค์ที่ยากตัวจับยาก ต่อให้เป็นมหาพิภพถงเทียนมันก็น่าจะเป็นคนมีชื่อเสียงไม่เบา น่าจะเป็นยอดศิษย์จากค่ายสำนักใหญ่ แต่ว่าเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับพวกเราทั้งหลาย ยังไงมันก็คงตายแน่แล้ว ไปกันเถอะ ข้าว่าปานนี้เจ้าเด็กคนนั้นมันคงโดนสิงแล้ว ปล่อยไปนานกว่านี้เดี๋ยวจะลำบากเราเปล่าๆ”
พูดจบคนทั้งหลายก็เดินเข้าไปในถ้ำด้วยกัน
ถ้ำนี้มีลักษณะคล้ายถ้ำลมหยินที่เย่หยวนเคยเข้าไป แต่วิญญาณร้ายภายในนี้มันมีพลังที่เหนือล้ำเกินกว่าจะเอาไปเทียบกับถ้ำลมหยินได้
แต่ว่าพลังของนิกายคุมวิญญาณนั้นมันก็แข็งแกร่งไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชุดเทาคนนั้น ตัวเขานั้นขึ้นไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวแล้ว เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนที่มา
วิญญาณร้ายทั่วๆ ไปคงทำอะไรเขาไม่ได้เลย
ยิ่งกลุ่มคนเดินเข้าไปลึก พวกเขาทั้งหลายก็ยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น
จู่ๆ พวกเขาก็เห็นสองเงาร่างอยู่ด้านหน้า ชายชุดเทาหรี่ตามองดูและอีกฝ่ายจะเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวนและหนิงเทียนปิง?
ชายชุดเทาหันไปมองรอบๆ ถ้ำและพบว่าตอนนี้มันไม่มีวิญญาณร้ายระดับห้าใดๆ อีกแล้ว จึงตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที
“ฮ่าๆๆ ไอ้พวกโง่ มันเข้าสิงมนุษย์สองคนนี้จริงๆ! ข้าจะส่งพวกเจ้าไปตามทางที่ถูกต้องเอง! ศิลาวิญญาณหยินและหญ้ากินหยินเก้าวิญญาณนี้ตกเป็นของเรานิกายคุมวิญญาณแล้ว!” ชายชุดเทาหัวเราะลั่น
ตอนนั้นเองที่คลื่นพลังอันเย็นเฉียบถูกปล่อยออกมาจากร่างของเย่หยวน
เขาเปิดปากพูดขึ้นพร้อมจ้องมองดูชายชุดเทา “เจ้าสมควรตาย!”
ชายชุดเทานั้นตอบกลับไปอย่างไม่คิดสนใจ “ข้าสมควรตาย? ฮ่าๆๆ หากเป็นเจ้าตอนสมบูรณ์พร้อมข้าคงยังกลัวอยู่บ้าง แต่สภาพของเจ้าตอนนี้มีหรือที่จะยังกล่าวข่มขู่ผู้คนได้อีก?!”
เย่หยวนนั้นมีสายตาที่แสนเย็นยา ร่างกายของเขาปล่อยคลื่นพลังอันเย็นเหยียบออกมา
จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งลอยออกมาจากตัวเย่หยวน
ชายชุดเทาหน้าถอดสีและกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? เจ้า… เจ้าไม่ได้ถูกสิง?”
เย่หยวนหัวเราะเย้ย “ชอบการสิงนักหรือ? งั้นข้าให้เจ้าแล้วกัน!”
…………………………