คำพูดของไป่หลี่ชิงหยานมันทำให้จงฮันหลินมึนงงอย่างมาก
ทำไมคำพูดพวกนี้มันถึงได้ฟังดูเหมือนการงอนง้อของคู่รักจริง?
จงฮันหลินนั้นยิ่งอิจฉาและปล่อยจิตสังหารที่มีต่อเย่หยวนออกมามากกว่าเก่าหลายเท่าตัว
เย่หยวนได้แต่ยืนนิ่งก่อนจะหันไปบอกจงฮันหลิน “งั้นเจ้าลงมือเถอะ”
ต้องให้เขาไปขอร้องไป่หลี่ชิงหยาน เรื่องเช่นนั้นมันคงไม่มีทางเป็นไปได้
ผู้ชายมันต้องมีหลักยืน
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นตื่นตะลึงและพูดขึ้นมาอย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อ “เจ้าหมอนี่คิดอยากจะรักษาหน้าจนไม่ลืมหูลืมตา พลังฝีมือของจงฮันหลินมันมิใช่อะไรที่เจ้าจะสามารถคาดเดาได้หรอกนะ!”
นางคิดแค่ว่าตัวเองจะได้ทำให้เย่หยวนเป็นฝ่ายยอมก้มหัวบ้าง ไม่นึกว่าเย่หยวนกลับยอมตายเสียดีกว่าต้องก้มหัวให้นาง การกระทำเช่นนี้มันมีแต่ยิ่งทำให้นางเสียหน้าหนักกว่าเก่า
แต่เย่หยวนกลับตอบกลับไปโดยไม่คิดสนใจ “เรอะ? บางทีมันอาจจะไม่ได้เก่งกาจอย่างที่คิดก็ได้นะ”
คนทั้งสองนี้หนึ่งคนงอนหนึ่งคนพยายามตามให้มาง้อ มันทำให้จงฮันหลินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวเกินที่ไม่มีใครสน
เรื่องนี้มันจึงยิ่งทำให้เขาโกรธแค้นขึ้นอย่างมาก
“ไอ้เจ้าโง่เง่าตาบอด ไปตายเสียเถอะ!”
จงฮันหลินนั้นตะโกนร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกระแทกฝ่ามือออกมา
พลังโลกของราชันพระเจ้าเก้าดาวนั้นมันพุ่งทะลายมายังจุดที่เย่หยวนยืนอยู่จากรอบด้าน
“ฝ่ามือตะวันเจิดฤกษ์!”
ปัง!
จุดที่เย่หยวนยืนอยู่เรียบกลายเป็นหน้ากลอง
จงฮันหลินมองดูภาพตรงหน้าด้วยความเหยียดหยาม “แค่กระบวนท่าเดียวก็ไม่มีปัญญารับ!”
ความโศกเศร้าน้อยๆ ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของไป่หลี่ชิงหยาน นางเอกก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมตนเองจึงได้รู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาเสียเฉยๆ อย่างนี้
“นี่หรือคือพลังของเจ้า? ไม่เห็นจะเท่าไหร่นี่”
เย่หยวนค่อยๆ เดินออกมาจากความว่างเปล่าด้วยร่างกายที่ไร้ซึ่งบาดแผล
จงฮันหลินนั้นหันไปมองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เย่หยวนตอบกลับมา “ข้าก็บอกแล้ว ว่าจริงๆ เจ้าอาจจะไม่ได้เก่งกาจอย่างที่ตัวคิด”
จงฮันหลินตอบกลับมาอย่างโกรธแค้น “ไอ้เด็กเวรนี่ อย่าเพิ่งได้ใจไปเมื่อสักครู่นี้ข้าแค่ยังไม่ได้ลงมือเต็มที่เท่านั้น! ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสพลังฝีมือที่แท้จริงของข้าเอง!”
พูดจบจงฮันหลินก็หยิบหอกยาวของตัวเองออกมา มันเป็นถึงสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ
คลื่นพลังจากร่างของเขาพุ่งทะยาน ร่างกายพุ่งออกมาพร้อมๆ กับหอกยาวนั้นด้วยความเร็วที่แสนน่ากลัว
เย่หยวนหรี่ตาลงมองด้วยความตื่นตกใจไม่น้อย
เจ้าจงฮันหลินคนนี้มีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
แค่เห็นถึงการโจมตีจากหอกนี้แล้ว เย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตรงหน้าทันที
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เย่หยวนยังไม่สามารถรับมือกับจงฮันหลินได้
แต่เย่หยวนไม่ได้กังวลเลย
เจ้าผีร้ายที่หวู่เฉินจับไว้ได้นั้นไม่กลัวแม้แต่ตัวตนอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาว แค่จงฮันหลินคนนี้ย่อมไม่มีทางเทียบเคียงกับมันได้
ตอนที่เย่หยวนกำลังจะปล่อยเจ้าผีร้ายออกมาไป่หลี่ชิงหยานก็กลับลงมือเสียก่อน
“หอกเทวะเมฆาอ่อน!”
พูดจบพลังหอกอันรุนแรงของจงฮันหลินก็ถูกปล่อยออกมา
“ดาบหมอกคลื่นไร้เงา!”
คลื่นดาบของไป่หลี่ชิงหยานนั้นแสนจะรุนแรงมันวิ่งผ่านอากาศแทงเข้าใส่หอกสังหารนั้นของจงฮันหลินในทันที
เคร้ง!
ตอนนี้สองยอดอัจฉริยะกำลังเข้าปะทะกันอยู่
ปราณเทวะอันรุนแรงของพวกเขาทั้งสองมันทำให้ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในระยะการปะทะหายไปจนสิ้น
จงฮันหลินและไป่หลี่ชิงหยานต่างถอยกลับไปคนละราวสิบก้าวก่อนจะกลับมาตั้งหลักยืนมั่นได้อีกครั้ง
ส่วนคนที่ดูอยู่ใกล้ๆ อย่างเย่หยวนเขาย่อมสามารถแยกแยะพลังฝีมือของคนทั้งสองออกได้
ต่อให้เมื่อสักครู่นี้คนทั้งสองดูเหมือนจะมีพลังฝีมือเท่ากัน แต่จงฮันหลินนั้นใช้หอกอันทรงพลังของตนออกมาแล้วแต่ก็ยังทำได้แค่เสมอกับไป่หลี่ชิงหยาน เรื่องนี้มันทำให้เขาด้อยกว่านางไปแล้ว
จงฮันหลินไม่คิดไม่ฝันว่าไป่หลี่ชิงหยานจะเข้ามาขัดขวางเช่นนี้ ตอนนี้เขาจึงมีสีหน้าที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก “น้องชิงหยานกลับกล้าต่อสู้กับข้าเพื่อเจ้าขยะนี้?”
ไป่หลี่ชิงหยานบอก “เจ้าไปเสีย! ตอนนี้เขาเป็นสมาชิกกลุ่มของข้า ข้าไม่ยอมให้เจ้ามาสังหารเขาต่อหน้าแน่”
จงฮันหลินหน้าเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้ยิน “หรือว่าเจ้าจะคิดสนใจไอ้เด็กคนนี้มันจริงๆ?”
ไป่หลี่ชิงหยานตอบกลับไปด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา “เรื่องนั้นย่อมไม่เกี่ยวใดๆ กับเจ้า! หากยังไม่ไปอย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
จงฮันหลินนั้นโกรธจนต้องกระทืบเท้าออกมา เขาเดินยกหอกยาวของตนและหันมาชี้หน้าเย่หยวนที่ยืนอยู่หลังไป่หลี่ชิงหยาน “ไอ้เด็กเวร หากเจ้าเป็นชายก็จงเข้ามาประลองกับข้าอย่างเปิดเผย! เป็นผู้ชายประสาอะไรไปหลบอยู่หลังกระโปรงหญิงเช่นนี้?”
เย่หยวนไขว้มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง “เจ้าต้องขอบคุณแม่นางไป่หลี่ต่างหาก ไม่เช่นนั้นตอนนี้เจ้าคงได้ตายไปแล้ว”
เมื่อไป่หลี่ชิงหยานได้ยินคำพูดนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามอง
ทำไมคำพูดที่เจ้าหมอนี่พูดมันถึงได้มีแต่ฟังไม่เข้าหู?
ตอนนี้ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ?
ไม่ขอบคุณไม่ว่า แต่ขออยากมาวางท่าเพิ่มอีกได้ไหม
แม้ว่านางจะตกตะลึงที่เย่หยวนหลบฝ่ามือของจงฮันหลินได้แต่นางก็ยังไม่คิดว่าเย่หยวนจะมีปัญญาใดๆ ไปตอบโต้กับจงฮันหลินได้ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องสังหารเลย
หากจะอวดอ้างใดๆ ย่อมต้องมีขอบเขตเสียบ้างนะ?
เมื่อจงฮันหลินได้ยินเขาก็หัวเราะออกมา “เช่นนั้นหรือ? นี่ข้ายืนอยู่ตรงนี้ไง มาสังหารข้าสิหากเจ้ามีปัญญาจริง! ข้าล่ะอยากลองโดนเจ้าสังหารเสียจริง!”
ดวงตาของเย่หยวนปรากฏแววตาอันโหดเหี้ยมขึ้นมา “เจ้าอยากให้ข้าสังหาร?”
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นไม่รู้ต้องทำอย่างไรนางจึงพูดขัดเย่หยวนขึ้นมา “เอาล่ะ จงฮันหลินเจ้าไปเสีย! ตอนนี้เขาและข้าเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน หากข้าพาเขากลับออกไปไม่ได้มันจะมีแต่ข้านี่แหละที่ต้องเสียหน้า ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีเรื่องใดกันต่อก็ค่อยไปจัดการหลังจากนี้ ตอนนี้ไปเสีย!”
จงฮันหลินกัดฟันกรอดและชี้หน้าเย่หยวนขึ้นอีกครั้ง “ได้ วันนี้ข้าจะปล่อยไอ้เด็กคนนี้ไปก่อน! เดือนหน้าข้าจะมาเอาชีวิตเจ้าไปแน่!”
พูดจบจงฮันหลินก็เดินจากไป
ไป่หลี่ชิงหยานหันมาหาเย่หยวนด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก “ไม่อวดอ้างตัวเองสักหน่อยมันจะตายหรือ? ด้วยพลังฝีมือของเจ้าตอนนี้มีหรือที่จะสังหารเขาได้?”
เย่หยวนแค่ยิ้มรับและไม่ตอบกลับใดๆ ไป
แต่เรื่องนี้มันยิ่งทำให้ไป่หลี่ชิงหยานไม่พอใจขึ้นไปอีกนับเท่าตัว
เพราะเจ้าหมอนี่หลบหลังนางแท้ๆ ยังจะมาวางท่า
ระหว่างทางต่อมามันไม่มีคำพูดใดๆ อีก
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นโกรธเย่หยวนมากและย่อมไม่คิดที่จะหาหัวข้อสนทนาใดๆ กับเขา
ส่วนเย่หยวนก็ย่อมไม่คิดที่จะหาเรื่องคุยใดๆ เขาจึงเงียบปากมาตลอดทาง
แม้แต่ตัวไป่หลี่ชิงหยานเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นนางถึงได้คิดเข้าไปช่วยเย่หยวนกันแน่
ระหว่างทางจากนั้นเมื่อพวกเขาได้เจอสัตว์อสูรที่ทรงพลัง ก็จะเป็นไป่หลี่ชิงหยานที่ลงมือจัดการสังหารพวกมัน
แต่ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมั่นใจมากว่าเย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือพอที่จะต่อสู้ข้ามขั้นได้
หากเป็นสัตว์อสูรที่เพิ่งขึ้นระดับสี่ขั้นปลายมาใหม่ๆ เย่หยวนจะสามารถจัดการพวกมันได้ทั้งสิ้น
เรื่องนี้มันทำให้นางตื่นตะลึงอย่างมาก
เพราะด้วยพรสวรรค์ระดับไป่หลี่ชิงหยานนางเองก็ย่อมสามารถต่อสู้กับผู้มีพลังบ่มเพาะมากกว่าได้
แต่ตอนที่นางยังเป็นราชันพระเจ้าห้าดาว อย่างมากที่สุดนางก็แค่พอจะจัดการราชันพระเจ้าหกดาวได้
ราชันพระเจ้าเจ็ดดาวนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
แต่เย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้โอหังนัก
“เอ๋? มีถ้ำด้วย บางทีอาจจะมีสัตว์อสูรอยู่ภายในก็ได้!” ไป่หลี่ชิงหยานลืมตัวพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ระหว่างทางมาพวกเขาทั้งสองไม่ได้พบเจอกับสัตว์อสูรที่มากมายขนาดนั้น
การที่คนทั้งสองจับกลุ่มกันมันย่อมหมายความว่าพวกเขาต้องล่าแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆ เป็นเท่าตัว
เพราะฉะนั้นไป่หลี่ชิงหยานจึงดีใจมากเมื่อได้เห็นถ้ำที่อาจจะเป็นรังของสัตว์อสูร
ไม่ว่ายังไงเสียนางก็มีพลังฝีมือที่เหนือล้ำและไม่กลัวสัตว์อสูรใดๆ อยู่แล้ว
เย่หยวนพยักหน้ารับ “งั้นก็ลองเข้าไปดูกัน”
คนทั้งสองกำลังเดินไปก่อนจะพบเจ้าอสูรที่มีดวงตาสีทองๆ เหลืองๆ สามดวงปรากฏตัวขึ้น
โฮ่ก!
เสียงคำรามฟ้าสนั่นนี้มันทำให้หัวใจของคนทั้งสองแทบหยุดเต้น
ไป่หลี่ชิงหยานหน้าถอดสีทันที “นี่มันอสูรขนหนาหยกสามตา! ดูจากคลื่นพลังของมันแล้ว… มันใกล้จะบรรลุขึ้นระดับห้าแล้ว! รีบหนีเร็ว!”
พูดจบไป่หลี่ชิงหยานก็พุ่งร่างเข้าไปยังปากถ้ำทันที
…………………………