ในความมืดมิดนั้นร่างเงาสีดำพุ่งโฉบออกมาถึงทั้งสองคนอย่างรวดเร็วในพริบตา
ไป่หลี่ชิงหยานรู้ดีว่านางนั้นไม่อาจจะหนีได้อีกต่อไปจึงคิดหันหน้าเข้าสู้มันแทน
“เจ้ารีบหนีไป! ข้าจะจัดการมันเอง!” ไป่หลี่ชิงหยานร้องตะโกนบอก
เย่หยวนไม่ได้คิดจะหนีและมองดูไปยังไป่หลี่ชิงหยานอย่างตื่นตกใจ
นางคนนี้กลับคิดจะสละตัวเองเพื่อช่วยคนอื่นอย่างนั้นหรือ?
ตอนนี้ด้วยความเกลียดชังที่ไป่หลี่ชิงหยานมีต่อเขา นางน่าจะทิ้งเขาให้ตายแทนและใช้เวลานั้นหนีไปไม่ใช่หรือ?
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีพลังฝีมือที่ไม่น้อย ดาบเกี่ยวพันของนางฟาดฟันออกมาจนทั่วถ้ำ
แต่เมื่อต้องมาเจออสูรขนหนาหยกสามตาแล้วมันก็ยังนับได้ว่าอ่อนแอไปขั้นหนึ่ง
เมื่อต้องพบเจอกับการโจมตีที่รุนแรงของสัตว์อสูรตัวนี้ วิชาของไป่หลี่ชิงหยานก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมาในไม่ช้า
จู่ๆ เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาก็เปิดตาออกและส่องลำแสงอันน่าขนลุกขนพองออกมา
ไป่หลี่ชิงหยานหน้าซีดเผือดลงทันที ตอนนี้มันสายเกินกว่าที่จะหลบได้ทันแล้ว
ไอ้เจ้านั่นมันน่าจะหนีไปแล้วใช่ไหม? สมองของข้าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ทำไมข้าถึงต้องมาสละตัวช่วยมันด้วย? นั่นคือความคิดสุดท้ายในหัวของไป่หลี่ชิงหยานก่อนที่นางจะหมดสติไป
ปัง!
แสงลำนั้นพุ่งเข้ามาปะทะไป่หลี่ชิงหยานจนร่างของนางปลิวลอยออกมาไกล เมื่อตกลงมาถึงพื้นดินนางก็สิ้นสติไปแล้ว
“โฮ่ก!”
เมื่อชนะไป่หลี่ชิงหยานได้เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาก็ร้องลั่นออกมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อประกาศศักดาของตัวมัน
มันค่อยๆ เดินเข้ามาหาเย่หยวนอย่างช้าเชื่องด้วยคลื่นพลังที่แสนรุนแรงจนสามารถบดขยี้ร่างของเย่หยวนได้
เย่หยวนไม่คิดสนใจและเดินไปดูอาการของไป่หลี่ชิงหยานก่อนจะอุ้มตัวนางขึ้นและเดินออกมานอกถ้ำ
“โฮ่ก!”
เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตานั้นไม่พอใจท่าทางนี้ของเย่หยวนอย่างมาก เพราะเจ้ามนุษย์ตัวจ้อยนี้ไม่สนใจตัวมันเลยสักนิด
มันยกกรงเล็บยักษ์ของตนขึ้นมาตบลงไปยังร่างของเย่หยวน
ในสายตาของมันแล้วเมื่อกรงเล็บนี้ฟาดลง เย่หยวนย่อมต้องถูกบดขยี้เป็นผุยผง
ตอนตอนนั้นเองกลับมีคลื่นพลังอันน่ากลัวหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างของเย่หยวน
คลื่นพลังนี้มันรุนแรงจนแม้แต่ตัวมันเองก็ยังตื่นตกใจ
ปัง!
เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาถูกซัดจนลอยปลิวไป
…
ไป่หลี่ชิงหยานค่อยๆ ลืมตาคู่งามขึ้นมองดูภาพรอบกาย
“ข้า… ยังไม่ตาย?”
ไป่หลี่ชิงหยานมองดูรอบๆ และพบว่ามันไม่มีใคร แถมยังไม่มีเงาร่างของเจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาด้วย
“ใครกันที่ช่วยข้าไว้? หรือว่า… จะมียอดฝีมือจากนิกายเงาจันทร์ผ่านทางมาพอดี? เอ๋… บาดแผลของข้าหายดีจนสิ้นแล้ว?” ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมึนงงสงสัยอย่างมาก
นางจำได้อย่างแม่นยำว่านางถูกอสูรขนหนาหยกสามตาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่นางจะรอดมาได้ แต่บาดแผลต่างๆ กลับหายดีไปด้วย
“คนที่ช่วยก็ย่อมต้องเป็นข้าอยู่แล้ว! เจ้าคงไม่คิดว่ามันจะมีพระเอกที่ไหนขี่ม้าขาวมาช่วยหรอกใช่ไหม?”
เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมๆ กับเย่หยวนที่เดินเข้ามาในถ้ำ
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นนิ่งไปชั่วขณะ ไอ้เจ้าหมอนี่ไม่ได้หนีไป?
หรือหลังจากหนีไปแล้วมันย้อนกลับมา?
แน่นอนว่าเรื่องที่เย่หยวนพูดออกมานางย่อมไม่มีทางเชื่อ
“ด้วยแค่ตัวเจ้า? อสูรขนหนาหยกสามตานั้นมันสังหารเจ้าได้ด้วยกรงเล็บเดียว เจ้ายังจะกล้ามาบอกว่าตัวเองช่วยข้าไว้อีกหรือ?” ไป่หลี่ชิงหยานพูดด้วยความเหยียดหยาม
เย่หยวนแค่ยิ้มรับ “ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าใครจะมาช่วยเล่า?”
ไป่หลี่ชิงหยานได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “ก็ต้องเป็นยอดฝีมือจากนิกายเงาจันทร์อยู่แล้วสิ! เจ้ามาอ้างผลงานคนอื่นหวังให้ข้าติดหนี้ จะได้ทำให้ข้าปฏิบัติกับเจ้าดีขึ้นใช่ไหม? เจ้าจะคิดมากเกินไปแล้ว!”
เย่หยวนนั้นได้แต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก เขาได้แค่คิดในใจว่าไป่หลี่ชิงหยานจะคิดมากเกินไปแล้ว
แต่เมื่อไป่หลี่ชิงหยานคิดไปเช่นนั้นแล้วเย่หยวนก็ไม่คิดที่จะเหนื่อยปากอธิบายอะไรอีก เขาแค่โยนผลไม้ลงตรงหน้าไป่หลี่ชิงหยาน
ไป่หลี่ชิงหยานแสดงท่าทางตื่นตกใจขึ้นมาทันที “นี่มัน… นี่มันผลส้มหยก?”
เย่หยวนตอบกลับไป “การที่มันมีอสูรขนหนาหยกสามตาปกป้องดูแลย่อมหมายความว่ามันเป็นของดี และเรานั้นก็เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกันผลนั้นจึงเป็นของเจ้า แล้วอย่ามาหาว่าข้าไม่แบ่งผลประโยชน์อีกล่ะ”
ไป่หลี่ชิงหยานหันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจเล็กน้อย “เจ้า… เจ้าบรรลุแล้ว?”
นางได้รับรู้ว่าตอนนี้คลื่นพลังจากร่างของเย่หยวนนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก ตอนนี้เขาได้บรรลุขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวไปแล้วในระหว่างที่นางหมดสติไป
เย่หยวนนั้นมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ยอดอาณาจักรวายุพระเจ้าห้าดาวมานานแล้ว
เมื่อได้มาเจอผลส้มหยกครานี้เขาจึงสามารถบรรลุขึ้นมาได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ
เพียงแต่ว่าในสายตาของไป่หลี่ชิงหยานนั้น การบรรลุนี้มันจะดูง่ายเกินไปหน่อย
เพราะต่อให้จะได้ผลส้มหยกมา คนทั่วไปก็ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนให้มันกลายเป็นพลังบ่มเพาะได้ในทันที
ผลส้มหยกนั้นขึ้นชื่อว่าเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ เรียกได้ว่ามันมีผลการเสริมพลังที่มากกว่าโอสถบางชนิดเสียอีก
หากกินมากเกินไป นักยุทธที่กินอาจจะไม่สามารถย่อมและดูดซับมันได้ทัน
ต่อให้คนๆ หนึ่งใกล้จะบรรลุอยู่แล้ว พวกเขาก็ยังต้องกินและทำการเข้าเก็บตัวค่อยดูดซับมันไป ก่อนที่จะทำให้มันกลายเป็นพลังบ่มเพาะของตนได้
แต่ช่วงเวลาที่นางหมดสติไปมันไม่น่าจะนานขนาดนั้นนี่?
แต่… การบรรลุแบบนี้?
นางไม่อาจรู้ได้เลยว่าหลังเย่หยวนได้รับผลส้มหยกมาแล้ว เขากลับหยิบมันมากินเหมือนผลไม้ทั่วๆ ไป
ด้วยพลังที่เหนือล้ำของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนไม่ว่าจะเป็นพลังใดๆ มันย่อมสามารถหลอมดูดซับเข้าสู่วายุพระเจ้าได้
“ท่านหลอมผลส้มหยกก่อนเถอะ ทำเช่นนั้นมันน่าจะช่วยให้สามารถบรรลุขึ้นไปยอดอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวได้” เย่หยวนบอกออกมา
ไป่หลี่ชิงหยานรู้สึกสะท้านอยู่ในใจ ตอนที่พบเจอกับเจ้าอสูรขนหนาหยกสามตานางคิดไปแล้วว่าชีวิตของตนเองคงจบลงเท่านี้
ใครจะไปรู้ว่าไม่นานจากนั้นนอกจากนางจะไม่ตายแล้ว นางยังจะสามารถบรรลุขึ้นไปได้สูงกว่าเก่า
ไป่หลี่ชิงหยานเก็บงำความรู้สึกนั้นไว้และเริ่มทำการหลอมดูดซับผลส้มหยกทันที
หลังผ่านไปได้หลายวัน ในที่สุดไป่หลี่ชิงหยานก็ลืมตาขึ้นด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
เมื่อหลอมดูดผลส้มหยกได้จนสำเร็จแล้ว ตอนนี้นางจึงสามารถขึ้นมาเป็นยอดราชันพระเจ้าเก้าดาวได้
หากตอนนี้นางต้องเจอกับจงฮันหลินอีก ไป่หลี่ชิงหยานก็มั่นใจมากว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
“ชิๆ ช่างสมเป็นเด็กสาวอหังการสวรรค์ ผลที่ท่านได้จากการหลอมผลส้มหยกนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่ข้าคาดเดาเสียอีก” เย่หยวนบอก
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีพรสวรรค์ที่เทียบเคียงกับเล้งชิวหลิงได้จริงๆ
ในมิติอนัตตานี้นางคงเป็นยอดคนระดับหนึ่งแน่
ต่อให้เป็นพวกจงฮันหลินก็ไม่อาจเอามาเทียบเคียงกับไป่หลี่ชิงหยานได้
เพราะยังไงเสียคนพวกนั้นก็แก่กว่าไป่หลี่ชิงหยานมาก
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีท่าทางหยิ่งผยองและตอบกลับมา “เรื่องนั้นมันแน่นอน! ตำแหน่งในวิหารศักดิ์สิทธิ์กอไผ่นั้นต้องเป็นของข้า!”
เย่หยวนยิ้ม “เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาเราคงต้องเป็นคู่แข่งกันเสียแล้ว”
ไป่หลี่ชิงหยานมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าตื่นตกใจไม่น้อย “เจ้าเองก็คิดอยากเข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่? ไม่ต้องมาเล่นมุกเลย แค่บรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวมาได้เจ้าคิดว่าตัวเองจะเก่งเหนือฟ้าดินไร้ผู้ต้านทานหรือ?”
เย่หยวนยิ้มและส่ายหัวออกมา “พวกท่านทั้งหลายที่เรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะนี่ชอบดูถูกคนอื่นกันหมดเลยหรือ? เวลามันยังเหลืออีกตั้งสองร้อยปีก่อนจะถึงชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ ใครจะชนะใครมันยังไม่รู้แน่หรอก!”
แต่ไป่หลี่ชิงหยานกลับตอบออกมา “อีกสองร้อยปีอย่างมากเจ้าก็คงเป็นได้แค่ราชันพระเจ้าเก้าดาวเท่านั้น ต่อให้เจ้าจะเก่งกาจมากพรสวรรค์แค่ไหนมันก็ไม่มีทางที่เจ้าจะขึ้นไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว”
เย่หยวนหัวเราะออกมา “พูดตอนนี้ไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า มารอดูกันเอาเถอะ”
ไป่หลี่ชิงหยานเองก็ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงใดๆ และหันไปเปลี่ยนเรื่องคุยแทน “ตอนนี้มันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วในเดือนนี้ แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เรามีตอนนี้มันยังไม่นับว่ามากพอ ชักจะลำบากเสียแล้วสิ”
เย่หยวนยิ้มตอบ “เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวก็จะมีคนเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มาส่งให้เราถึงที่เอง”
…………………………