“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? ตาข้าฝาดไปอย่างนั้นรึ? ราชันพระเจ้าหกดาวกลับตบราชันพระเจ้าเก้าดาวจนหน้าคว่ำไปด้วยฝ่ามือเดียวเช่นนี้?”
แม้ว่าในโถงนี้มันจะมีศิษย์อยู่แค่ไม่กี่คน แต่ภาพตรงหน้านี้มันก็ทำให้เกิดความตื่นตะลึงอย่างมหาศาล
ศิษย์คนนั้นยกมือขึ้นมาลูบหน้า ตอนนี้ฟันของเขาร่วงออกมาจากปากพร้อมเงยหน้ามองเย่หยวนด้วยความหวาดกลัว
เย่หยวนมองดูเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ไอ้คนที่สั่งให้เจ้าทำนั้นมันไม่ได้บอกหรือว่าอย่ามาคิดลงมือต่อหน้าข้า? เจ้าเป็นศิษย์ที่มีหน้าที่ดูแลถ้ำหลวงและจัดการดูแลว่าใครจะได้ไปที่ใด เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว ทั้งอย่างนั้นเจ้ากลับลุกมาหาเรื่องใส่ตัว เรื่องนี้คงโทษข้าไม่ได้หรอกนะ”
พูดจบเย่หยวนก็หยิบธงนั้นและหันหน้าเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน! เย่หยวนข้าขอไปกับเจ้าด้วย!” เซงโหยวพูดขึ้น
เขาหันหน้าไปหาศิษย์ที่ดูแลคนนั้น “ไอ้เจ้าถ้ำหมาๆ ของเจ้านั้นข้าไม่ต้องการมันอีกแล้ว! เจ้าเอาธงออกมาให้ข้า! ข้าจะไปที่ยอดเพลิงเมฆาด้วย!”
เย่หยวนได้แต่ขมวดคิ้ว “พวกมันอยากให้ข้าไปที่ยอดเพลิงเมฆาย่อมเป็นเพราะว่าที่เห็นนั้นมันแสนอันตราย เจ้าไม่ต้องตามข้ามาก็ได้”
แต่เซงโหยวกลับตอบไปด้วยรอยยิ้มแสนสบายใจ “แม้ฝีมือข้าจะต่ำกว่าเจ้าแต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีใครคอยช่วย! ที่สำคัญการเปิดถ้ำหลวงออกนั้นข้าจะนับว่ามันเป็นบททดสอบหนึ่งแล้วกัน!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินดังนั้นเขาก็เข้าใจได้ในทันที
เซงโหยวเองก็เป็นคนฉลาด แค่เย่หยวนบอกคำพูดไม่กี่คำเขาก็กลับมาตั้งหลักตั้งสติได้
การบ่มเพาะพลังนั้นเป็นการเดินสวนทางโลกมาแต่เดิมแล้ว หากเซงโหยวคิดจริงๆ ว่าแค่เข้านิกายเงาจันทร์มาได้แล้วตัวเองจะกลายเป็นยอดคนเหนือฟ้ามันก็คงบอกได้ว่าเสียดายพรสวรรค์เปล่า
เย่หยวนพยักหน้า “งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”
เมื่อเห็นแผ่นหลังของคนทั้งสองเดินจากไป ศิษย์คนนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าคับแค้นใจ
“หึ ยอดเพลิงเมฆานั้นเป็นสถานที่รกร้างเต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับสี่ รวมไปถึงยังมีสัตว์อสูรระดับห้าอยู่ไม่น้อย ศิษย์ทั้งหลายที่ต้องการเปิดถ้ำหลวงได้เอาชีวิตไปฝากไว้ยังที่แห่งนั้นก็มีมากมาย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างพวกเจ้าจะรอดกลับมาได้!”
…
บนยอดเพลิงเมฆานั้นมันมีแต่ความรกร้างป่าทึบ ร่องรอยการเดินของสัตว์อสูรมีให้เห็นตามทางอยู่ตลอด
ความน่าสะพรึงของภาพรอบกายนี้มันทำให้เซงโหยวหน้าซีดลงมาไม่น้อย
“เย่หยวน ยอดเพลิงเมฆานี้มันช่างเป็นสถานที่รกร้าง คนเหล่านั้นมันคิดอยากได้ชีวิตเจ้าจริงๆ!”
เซงโหยวเข้าใจได้ทันทีหลังมาถึงยอดเพลิงเมฆาว่าทำไมคนพวกนั้นถึงได้คิดส่งเย่หยวนมายังที่แห่งนี้
เขารู้มาก่อนแล้วว่าเย่หยวนนั้นมีเรื่องกับสามค่ายนิกายใหญ่ แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าคนพวกนั้นมันจะทำกันได้ถึงขั้นนี้
เย่หยวนยิ้มตอบ “ตราบเท่าที่ความเลวร้ายนั้นไม่ได้สังหารข้า มันก็ย่อมจะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น เรื่องนี้มันจะกลับไปเป็นฝันร้ายหลอกหลอนพวกมัน”
เซงโหยวเบิกตาออกกว้างในทันทีที่ได้ยิน ตอนนี้เขาได้รู้แน่แล้วว่าเย่หยวนนั้นมีจิตใจที่เปิดกว้างกว่าตัวเขามากมายแค่ไหน
ด้วยอิทธิพลจากเย่หยวนนี้มันทำให้ตัวเซงโหยวสงบจิตสงบใจลงได้ในที่สุด
“เราเอายังไงต่อดี?” เซงโหยวถาม
เย่หยวนคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะบอก “ก่อนอื่นก็ต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพโดยรอบก่อน ตอนนี้เดินมุ่งหน้าไปยังที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นที่สุดกันเถอะ ในเมื่อมันเป็นยอดรกร้างไม่มีผู้คน เราก็ย่อมมีสิทธิที่จะเลือกตาล่มวิญญาณที่ดีที่สุดได้”
เซวโหยวพยักหน้ารับ “พลังวิญญาณทางตะวันตกเฉียงใต้ดูจะหนาแน่น ไปดูกันทางนั้นไหม?”
เย่หยวนพยักหน้ารับและเดินมุ่งไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้พร้อมๆ กับเซงโหยว
ระหว่างทางไป ความตื่นตะลึงในหัวใจของเซงโหยวมันก็ยิ่งเพิ่มพูน
เพราะพลังฝีมือของเย่หยวนที่ได้แสดงออกมานั้นมันทำเอาเขาไม่กล้าจ้องมองดูตรงๆ
สัตว์อสูรระดับสี่ทั่วๆ ไปมิอาจรับการโจมตีของเขาคนนี้ได้แม้แต่กระบวนท่า
ต่อให้เป็นสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายที่นับเทียบได้กับราชันพระเจ้าแปดดาวก็ยังมิอาจรับการโจมตีของเย่หยวนได้สักกระบวนท่า
มีเพียงเหล่ายอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายเท่านั้นที่พอจะรับกระบวนท่าโจมตีของเย่หยวนได้
เพียงแค่ว่าสุดท้ายพวกมันก็ต้องถูกสังหารลง
หลังจากแยกกับไป่หลี่ชิงหยานแล้วเย่หยวนก็ฝึกฝนตัวเองในเทือกเขาเงาจันทร์ ตอนนี้อาณาจักรพลังของเขาถูกตั้งอย่างมั่นคงและช่วยให้พลังการต่อสู้ของเขาพัฒนาขึ้นไปได้อีกขั้น
เดิมทีเซงโหยวคิดว่าที่เย่หยวนสามารถตบหน้าศิษย์ราชันพระเจ้าเก้าดาวคนนั้นได้มันอาจจะมีเรื่องของโชคมาช่วยอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้เขาย่อมรู้แล้วว่าศิษย์ราชันพระเจ้าเก้าดาวคนนั้นมันอ่อนแอจนเกินไป!
ศิษย์ราชันพระเจ้าเก้าดาวคนนั้นมันอ่อนแอจนไม่อาจเทียบกับเหล่ายอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายพวกนี้ได้
และยอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายเหล่านี้กลับถูกเย่หยวนสังหารลงได้ในพริบตา
เมื่อลองเทียบแบบนี้แล้ว ระดับพลังของเขาจึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง
จู่ๆ เซงโหยวก็นึกถึงเรื่องตอนการสอบเข้าขึ้นมาได้อีกครั้ง ทำให้ใบหน้าของเขาในตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึง
ทุกคนนั้นกล่าวว่าเย่หยวน คิดว่าเย่หยวนได้ที่หนึ่งมาเพราะเกาะไป่หลี่ชิงหยานกิน
เมื่อลองคิดดูตอนนี้ ที่แท้เป็นไป่หลี่ชิงหยานต่างหากที่เกาะเย่หยวนกิน!
เซงโหยวย่อมรู้ดีว่าไป่หลี่ชิงหยานเก่งกาจแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าไป่หลี่ชิงหยานจะสามารถจัดการยอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายได้อย่างง่ายดายปานนี้
หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาได้เห็นเย่หยวนทำการสังหารยอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายมาแล้วถึงสามตัว
พลังระดับนี้มันมากเกินกว่าราชันพระเจ้าเก้าดาวทั่วๆ ไปเสียอีก!
กลายเป็นว่าแท้จริงแล้วคนที่เป็นที่หนึ่งในการสอบมันกลับกลายเป็นเย่หยวน!
และชื่อเสียงนี้กลับถูกนิกายเหย้าอมตะและไป่หลี่ชิงหยานแย่งชิงไปอย่างหน้าด้านๆ
แต่ทำไมเย่หยวนไม่คิดจะเถียงว่าเลย?
เซงโหยวยิ่งคิดหนักเข้าไปใหญ่ คิดถึงเรื่องราวความเป็นไปได้ต่างๆ นาๆ
“เอ๋ ดูพลังวิญญาณตรงหน้ามันแปลกๆ ไปนะ” เย่หยวนพูดขึ้นมาขัด
เซงโหยวตอบกลับไปด้วยความตื่นตกใจ “แปลก?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “พลังวิญญาณในที่แห่งนี้มันน่าจะหนาแน่นที่สุดในยอดเพลิงเมฆาแล้ว แต่ในบริเวณนี้มันกลับมีพลังวิญญาณอ่อนเบาบางเหลือเกิน”
เซงโหยวสะดุ้งตัวขึ้นทันที “ระยะตั้งขนาดนั้นเจ้ารู้สึกได้?”
เย่หยวนยิ้ม “ไปดูกันหน่อยเถอะ เราอาจจะได้เจออะไรที่ไม่คาดฝัน”
คนทั้งสองเดินเข้าไปเรื่อยๆ และไม่ผิด เพราะตอนนี้เซงโหยวเองก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าพลังวิญญาณในบริเวณนี้มันเบาบางลงอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้นกัน? หากให้พูดตามความเป็นจริงแล้วที่ตรงนี้มันน่าจะเป็นตาล่มวิญญาณเลยนะ ทำไมมันจึงมีพลังวิญญาณเบาบางปานนี้?” เซงโหยวขมวดคิ้วแน่น
เขาไม่ได้เห็นเลยว่าดวงตาของเย่หยวนเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้น
“หึ ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นฝีมือของนิกายดาบเมฆาหรือนิกายบุปผาเหิน แต่พวกมันได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เราเสียแล้ว!” เย่หยวนบอก
เซงโหยวทำหน้าตามึนงงสงสัยออกมา “ของขวัญชิ้นใหญ่? พลังวิญญาณในที่แห่งนี้มันแสนเบาบาง ทำไมจึงนับมันว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่กัน?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “เจ้าเคยได้ยินชื่อตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นหรือไม่?”
เซงโหยวสั่นสะท้านไปทั้งร่างในทันที “เจ้า… เจ้าพูดถึงตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นกว่าถ้ำหลวงระดับเก้าน่ะหรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ใช่แล้ว!”
ในเส้นเลือดมังกรนั้นจะมีตาล่มวิญญาณหลากหลายรูปแบบ
พวกมันถูกจับแบ่งออกเป็นเก้าระดับตามความหนาแน่นของพลังวิญญาณที่ไหลอยู่ภายใน
แต่เหนือกว่าระดับเก้าขึ้นไปนั้นมันนับว่าเป็นตาล่มวิญญาณที่สุดแสนหายาก ตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นคือหนึ่งในสิ่งเหล่านั้น
ตาล่มวิญญาณประเภทนี้มันต้องมีสภาพภูมิประเทศโดยรอบที่ซับซ้อนจึงจะก่อตัวขึ้นมาได้ ที่สำคัญมันยังเป็นตาล่มวิญญาณหนึ่งแยกแยะได้ยากมาก
ต่อให้คนจะพบเจอมัน ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะสามารถรู้ว่ามันคือตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้น
แน่นอนว่าเรื่องนี้มันหยุดหวู่เฉินไม่ได้
“ตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นนั้นคือตาล่มที่ถูกพื้นที่พิเศษปิดกั้นพลังวิญญาณไว้ เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานมันก็จะยิ่งทำให้พลังวิญญาณที่มีหนาแน่นมากขึ้น หากเปิดมันออกพลังวิญญาณที่ได้ก็จะเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าระดับเก้า หึๆ เจ้าไม่คิดว่าเราเจอของดีบ้างหรือ?” เย่หยวนยิ้มกว้าง
เมื่อได้เจอตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นเช่นนี้ เย่หยวนย่อมดีใจเป็นอย่างมาก
เพราะตอนนี้เขาเองก็คิดอยากเพิ่มพลังฝีมืออย่างมาก การได้มาเจอตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นเช่นนี้มันจะช่วยให้เขาบ่มเพาะได้เร็วกว่าปกตินับสิบเท่า โชคชะตาของเขานั้นมิใช่สิ่งที่จะเอาไปเทียบกับคนทั่วไปได้เลยจริงๆ
…………………………