บนยอดดอกตูมสวรรค์นี้คนทั้งหลายต่างพากันมามุงดูเรื่องราวมากขึ้นและมากขึ้น
ตอนนี้บนหน้าผากของฮันยองนั้นมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมา เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้… มันจะเกินมือไปหน่อย
หากยังคงสร้างเรื่องราวให้ใหญ่โตไปกว่านี้ทางนิกายคงได้หันมาสนใจแน่
เรื่องระหว่างศิษย์ทั้งหลายนั้นตราบเท่าที่มันไม่ทำอะไรจนเกินเลยและไม่ละเมิดกฎของนิกาย ทางนิกายเองก็ไม่คิดที่จะสนใจใดๆ
แต่เรื่องราวในวันนี้มันยิ่งใหญ่จนเกินไป
“เย่หยวน ทางเดินขึ้นสวรรค์ดีๆ มีไม่ชอบกลับมาแหกประตูลงนรกด้วยตัวเองเสียแล้ว!”
คนยังไม่ทันมาแต่เสียงของเขาก็ดังมาถึงก่อน
และแน่นอนว่าผู้ที่มาถึงย่อมเป็นเชียนเย่
เมื่อจงฮันหลินได้ยินเสียงนี้เขาก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นทันที รีบลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะหัวเราะบอก “ฮ่าๆๆ… เย่หยวนเจ้าตายแน่คราวนี้! กล้ามาลบหลู่นิกายบุปผาเหินเรา เจ้าคงเบื่อชีวิตแล้ว!”
เย่หยวนมองดูจงฮันหลินด้วยสายตาเบื่อหน่ายก่อนจะเตะเท้าออกมา
จงฮันหลินย่อมคิดจะหลบ แต่มีหรือที่เขาจะหลบได้? เท้านี้ของเย่หยวนโดนตัวเขาเข้าเต็มๆ จนจงฮันหลินลุกไม่ขึ้น
“เอาล่ะตอนนี้ความแค้นของพี่ข้าก็เป็นอันชำระเรียบร้อยแล้ว เรามาจัดการเรื่องของเราต่อดีกว่า!” เย่หยวนเหยียบเท้าลงที่หน้าอกของจงฮันหลินพร้อมพูดขึ้น
เชียนเย่รีบเร่งมาถึงและเห็นภาพนี้เข้าพอดี เขาจึงโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
“เย่หยวน ปล่อยจงฮันหลิน! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้ตายดี!” เชียนเย่บอกด้วยความโกรธแค้น
เย่หยวนยิ้มตอบ “พวกนิกายบุปผาเหินมันไม่มีสมองหรือ? เจ้าคิดทำให้ข้าไม่ได้ตายดีมาแล้วแท้ๆ ตอนนี้ทำไมข้าต้องกลัวคำขู่ของเจ้านี้ด้วย?”
เมื่อทุกคนได้ยินเย่หยวนพวกเขาต่างแสดงใบหน้าสุดตื่นตะลึงออกมา
นี่คือเชียนเย่!
แต่ไอ้หมอนี่กลับกล้าพูดแบบนั้นต่อหน้าเชียนเย่ มันคงไม่รู้จักคำว่าตายเสียแล้ว
พูดไปเย่หยวนก็ยิ่งกดแรงลงเท้าหนักขึ้น ทำให้จงฮันหลินที่อยู่เบื้องใต้นั้นต้องกระอักเลือดออกมาคำโต
จงฮันหลินนั้นโกรธแค้นอย่างมาก เขาหัวเราะออกมา “เย่หยวน… เจ้าลองทำร้ายข้าสิ! ยิ่งเจ้าลงมือหนักศิษย์พี่เชียนเย่จะยิ่งเอาคืนเจ้าหนักกว่าเป็นร้อยเท้า! เจ้ากล้าสังหารข้าหรือ? ก-ก็เอาสิ! ฮ-ฮ่าๆๆ!”
เชียนเย่นั้นโกรธจนหน้าดำเมื่อเห็นเย่หยวนกดเท้าลงเช่นนั้น ตอนนึ้คลื่นพลังของเขาแผ่ออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น
“ที่ฮันหลินพูดมาย่อมถูกต้อง ต่อให้เจ้าจะเก่งกล้าแค่ไหน แต่เจ้า… กล้าสังหารเขา? ใช้คนที่เจ้าไม่กล้าทำอะไรมาข่มขู่ข้า เจ้า… ช่างโง่เขลาแท้ๆ!”
แต่ละเท้าที่เขาย่ำลงไปมันยิ่งทำให้เชียนเย่ปล่อยพลังออกมาหนักเท่านั้น
คลื่นพลังของอาณาจักรนภาสวรรค์นี้มันทำให้ทุกผู้คนต้องถอยห่างออกไปอย่างไม่รู้ตัว
ส่วนเย่หยวนนั้นกลับยืนรับมันอยู่ในจุดศูนย์กลาง
เชียนเย่คิดจะใช้พลังนี้ทำให้เย่หยวนยอมแพ้!
กึก!
ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงกระดูกหักดังขึ้นมา
จงฮันหลินกระอักเลือดออกมาคำโตอีกครั้ง ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขามันสาหัสมากแล้ว
เย่หยวนกระทืบเท้าลงไปอย่างไม่คิดปรานี
เขาหันไปมองเชียนเย่ด้วยรอยยิ้ม “เจ้าบอกว่า… ข้าไม่กล้าสังหารมัน? ไหนลองพูดมาใหม่สิ?”
น้ำหนักกดของเท้าเย่หยวนนั้นมันมีแต่หนักขึ้นและหนักขึ้น ตอนนี้จงฮันหลินตาเหลือกเลือดไหลออกจากปากไม่หยุด เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาคงรอดชีวิตได้ยากแล้ว
เมื่อเชียนเย่เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตามองอย่างโกรธแค้น จู่ๆ คลื่นพลังกดดันที่ออกมาจากร่างของเขาก็จางหายไปในพริบตา
เขาคิดว่าการขู่นี้บวกกับกฎของนิกายมันจะสามารถทำให้เย่หยวนยอมจำนนได้
แต่เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันกลับจะทำให้เย่หยวนยิ่งไม่ยอม
“เย่หยวน เจ้ามันบ้า! เจ้ากล้าสังหารศิษย์ร่วมนิกายหรือ?” เชียนเย่บอกออกมาอย่างจนมุม
“ศิษย์ร่วมนิกาย? หึ ไอ้คำพูดนี้เมื่อออกมาจากปากเจ้าแล้วมันช่างน่าขัน! ตอนสอบเข้าจงฮันหลินคิดสังหารข้า! แต่พลังฝีมือของมันอ่อนแอจนเกินไปและเมื่อมันจะเป็นฝ่ายตายลงแทนเจ้าก็เข้ามาลอบโจมตีข้าด้วยพลังของยอดฝีมือนภาสวรรค์! จากนั้นเมื่อข้าได้เข้านิกายมาเจ้าก็ใช้วิธีแสนโสโครกบังคับให้ข้าต้องไปเปิดถ้ำหลวงที่ยอดเพลิงเมฆา เจ้าจะบอกว่า… เรื่องทั้งหมดเจ้าไม่ได้คิดสังหารข้าเลย? หากแค่นั้นมันยังไม่เท่าไหร่ ฮันยองที่ไม่ได้มีเรื่องราวใดๆ กับพวกเจ้าแต่พวกเจ้ากลับทำร้ายเขาและทำให้ต้องอับอายมาหลายปี วันนี้พวกเจ้าต้องตาย!”
คำพูดของเย่หยวนมันดังสะท้านไปทั่วทำให้ผู้คนที่มามุงดูตื่นตกใจอย่างมาก
เขาไม่เคยคิดเลยว่าในหมู่ศิษย์ที่เข้านิกายมาด้วยกันในช่วงนั้นมันจะมีตัวตนที่ราวกับเป็นสัตว์ประหลาดเช่นนั้นอยู่ด้วย
จุดสำคัญก็คือเชียนเย่ลอบโจมตีเย่หยวนด้วยพลังของนภาสวรรค์หนึ่งดาว แต่เย่หยวนกลับสามารถหลบรอดออกมาได้
เรื่องเช่นนี้มันน่าเหลือเชื่อจนเกินทำใจยอมรับ
การกระทำของเชียนเย่นี้มันทำให้ผู้คนไม่พอใจมากจริงๆ
ในการสอบเข้านั้น เขากลับกล้าทำร้ายคิดสังหารคนที่ยังไม่ได้รับการยอมรับเป็นศิษย์ในสำนัก ช่างน่าไม่อาย!
เชียนเย่มองดูจงฮันหลินที่กำลังนอนอยู่บนพื้นและกล่าวตอบมา “เจ้ารีบปล่อยเขา! หากจงฮันหลินตาย เจ้าก็ต้องตายไปด้วย!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “เรอะ? เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องมาห่วงข้าหรอก”
เชียนเย่นั้นมีใบหน้าที่ดำมืดลงทันที ตอนนี้สายตาของเขาได้แต่มองไปยังร่างนั้นอย่างร้อนใจ
จู่ๆ ก็มีอีกเงาร่างหนึ่งพุ่งตัวมาจากเส้นขอบฟ้า นั่นทำให้เชียนเย่ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาพร้อมหันไปมองเย่หยวนทันที
“เจ้าคนป่าเถื่อน ถึงกับกล้ามาทำร้ายศิษย์ด้วยกันกลางวันแสกๆ เช่นนี้! เจ้าจะแก้ตัวอย่างไร?!”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพุ่งตัวลงมาจากท้องฟ้า คลื่นพลังของเขานั้นแสนรุนแรงดูท่าแล้วคงเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ระดับสูงแน่
เมื่อได้เห็นสภาพของจงฮันหลินที่ใกล้ตายเต็มทีอยู่ใต้เท้าเย่หยวนชายวัยกลางคนก็กล่าวขึ้นอย่างโกรธแค้น
เชียนเย่ยกมือขึ้นคารวะ “ผู้ดูแลเจิ้ง ไอ้เด็กคนนี้มันโหดร้ายป่าเถื่อน มันขึ้นมาถึงยอดดอกตูมสวรรค์ได้ก็ทำร้ายจงฮันหลินจนกลายเป็นเช่นนี้! หากไม่กำจัดเจ้ามารร้ายนี้ไปเสียวันหน้าศิษย์นิกายเงาจันทร์เราคงได้อยู่อย่างโกรธแค้น!”
ผู้ดูแลเจิ้งหันไปบอกเย่หยวน “ข้าผู้นี้คือผู้ดูแลเจิ้งหยุนเช่อแห่งโถงบังคับกฎ ตอนนี้เจ้าจงปล่อยจงฮันหลินแล้วยอมรับโทษของทางสำนักอย่าได้ขัดขืน!”
เย่หยวนหันไปมองผู้ดูแลเจิ้งคนนั้นแล้วยิ้มบอก “ผู้ดูแลเจิ้ง หากให้ข้าเดาท่านเองก็คงเป็นคนของนิกายบุปผาเหินสินะ?”
ผู้ดูแลเจิ้งหน้ากระตุกไปในทันทีที่ได้ยินและตอบกลับมา “โอหัง! เมื่อเข้านิกายมาแล้วเราล้วนย่อมเป็นศิษย์นิกายเงาจันทร์! ไอ้เจ้าสัตว์ร้ายหากยังไม่ปล่อยเขาอีกอย่าได้หาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
เย่หยวนยักไหล่ “มาสิ ข้าอยากรู้ว่าเวลาเจ้าไม่เกรงใจแล้วมันจะเป็นอย่างไร!”
พูดไปแรงกดที่เท้าของเย่หยวนก็เพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง
สภาพของจงฮันหลินในตอนนี้ได้แต่หายใจเข้ายาว และสุดท้ายก็หยุดหายใจไป
เจ้าหมอนี่คิดสังหารเขามากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มีหรือที่เย่หยวนจะปล่อยมันไป?
เมื่อผู้ดูแลเจิ้งเห็นภาพนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงความอับจนออกมาอย่างถึงที่สุด
ตอนนี้เย่หยวนไม่คิดจะไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
จงฮันหลินนั้นเป็นยอดคนของนิกายบุปผาสวรรค์ ต่อให้เขาจะเทียบเคียงไป่หลี่ชิงหยานไม่ได้แต่ตำแหน่งที่เขามีมันก็ยากที่จะหาใครมาแทนที่
เพราะฉะนั้นเขาจะตายลงไม่ได้
และนั่นยิ่งทำให้ผู้ดูแลเจิ้งและเชียนเย่ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรด้วยความหวาดกลัวถึงผลที่จะเกิดหากพวกเขาลงมือ
ระหว่างที่ทั้งสองฝั่งยังคงไม่มีใครลงมือทำอะไรนั้น ผู้คนก็ยิ่งไปมุงดูกันมากขึ้น
ข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งนิกายเงาจันทร์อย่างรวดเร็ว!
บนยอดพรรณสวรรค์ เมื่อไป่หลี่ชิงหยานได้ยินข่าวนี้นางก็สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที ก่อนที่จะพุ่งตัวหายไปในพริบตา
บนยอดผู้กล้าสวรรค์มีชายคนหนึ่งกำลังตัดไม้อยู่ก่อนที่เขาจะยิ้มขึ้นมาเหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง “หึ เด็กคนนี้มันไม่ทำให้เฒ่าคนนี้ผิดหวังจริงๆ! เพียงแค่ว่าเฒ่าคนนี้อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไรกัน?”
พูดจบร่างของเขาก็จางหายไปทันทีเหลือทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า
จนถึงตอนนี้ก็เกิดมีชายแก่คนหนึ่งปรากฏตัวออกมาต่อหน้าเย่หยวน “ข้าคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งโถงหน้าของยอดดอกตูมสวรรค์ เจ้าหนุ่ม แสดงความเมตตาปรานีบ้างเถอะ ถือว่าเห็นแก่หน้าเฒ่าคนนี้ปล่อยจงฮันหลินไปเสีย”
เย่หยวนหันไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษที วันนี้ข้าไม่คิดจะไว้หน้าใครทั้งสิ้น เขาต้องตาย!”
พูดจบเย่หยวนก็กระทืบเท้าลงจนมันจมหายเข้าไปในอกของจงฮันหลิน
…………………………