หมูสมบัตินั้นคืออะไรกัน?
เมื่อไช่เจินไม่คิดพูดบอกอะไร ผู้คนทั้งหลายย่อมไม่มีทางเข้าใจ
แต่สิ่งที่ผู้คนสามารถเดาได้ก็คือเจ้าหมูน้อยน่ารักตัวนี้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เว้นเสียแต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถึงไปเกาะติดเย่หยวนเช่นนั้น เรื่องนี้มันทำให้นิกายทั้งหลายต่างอิจฉา
เมื่อกลับมาถึงโถงสมุนไพรแล้วไช่เจินก็รีบสั่งให้คนจัดหาสมุนไพรตามสั่งในทันที เขาถึงขั้นบอกศิษย์ทั้งหลายว่าไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดก็จงหาสมุนไพรและเตรียมมันให้ได้ในวันนี้ จากนั้นก็นำไปส่งที่สวนป่าบนเสีย
สุดท้ายเขาก็ได้กลับมายังที่พักของคนอีกครั้งด้วยเหงื่อเย็นเหยียบที่ไหลท่วมกาย ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา
“เกือบไปๆ! ตู้หรูเฟิงเจ้าบ้าเกือบทำข้าแย่แล้ว! แต่ทำไมหมูสมบัติถึงมายังที่แห่งนี้? หรือว่า… เพราะท่านผู้นั้นก็มา?”
คิดได้เช่นนั้นไช่เจินก็มีเหงื่อเย็นเหยียบไหลออกมาอีกครั้ง
…
ณ สวนป่าบน ที่พักของเย่หยวน ตอนนี้เจ้าหมูสมบัติกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนด้วยท่าทางแสนสุขสบายจนน้ำลายไหลย้อยออกมา ราวกับว่าแม้ในฝันมันก็ยังกินของอร่อยไม่หยุดปาก
เจ้าตัวน้อยนี้มันคือหมูอย่างแท้จริง นอกจากกินแล้วมันก็ทำแค่นอน
ซู่เหยียนมองดูเจ้าหมูสมบัติที่หลับอยู่ตัวนั้นก่อนจะหันมาหาเย่หยวน “เจ้าคิดว่าเจ้าตัวน้อยนี้มันมีเบื้องหลังใดกันถึงทำให้ทั้งตู้หรูเฟิงและไช่เจินกลัวได้มากปานนั้น?”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? แต่ท่านจะไม่สนใจเด็กคนนั้นเสียหน่อยหรือ?”
ซู่เหยียนสะดุ้งตัวขึ้นทันที “เจ้าหมายถึง… ตงน้อย? เขาก็แค่เด็กคนหนึ่งไม่ใช่หรือ? ต่อให้เขาจะรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติแต่พลังฝีมือของเขาก็ไม่ได้เหนือล้ำมากใช่ไหม?”
เย่หยวนยิ้ม “แน่นอนว่าพลังฝีมือของเขาไม่แข็งแกร่ง แต่ท่านอย่าได้ลืมคำที่เขาพูดต่อเจ้าหมูสมบัติสิ เขาอาจจะเป็นศิษย์ของเจ้าของหมูสมบัตินี้หรือบางทีอาจจะเป็นลูกหลานของท่าน และคนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ก็คือเจ้าของหมูสมบัติตัวนี้!”
ซู่เหยียนหน้าซีดลงทันที ดูท่าเขาคงไม่ได้คิดมากมายเหมือนเย่หยวน
ตอนนี้เมื่อเย่หยวนเริ่มเปิดความคิดนั้น ซู่เหยียนก็มีเหงื่อเย็นเหยียบไหลท่วมกายทันที
การทำให้เทพถ่องแท้สองคนกลัวได้ขนาดนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังนั้นจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน?
“คนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น…”
เย่หยวนพยักหน้า “แม้ว่าความต่างพลังของเทพถ่องแท้แต่ละดาวจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่การที่ทำให้พวกเขากลัวขนาดนั้นได้แค่เพราะเจอหน้าสัตว์เลี้ยง มันย่อมหมายความว่าผู้อยู่เบื้องหลังหมูสมบัติตัวนี้คือเทพสวรรค์แน่นอน!”
“ไอหยา…”
แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมาก่อนแล้วแต่ซู่เหยียนก็ยังอดขนลุกไม่ได้เมื่อได้ยินคำของเย่หยวน
เทพสวรรค์!
ต่อให้เป็นในมหาพิภพถงเทียน เทพสวรรค์เองนั้นก็เป็นตัวตนของผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ เป็นตัวตนที่สูงส่งเหนือชีวิต
เทพถ่องแท้และเทพสวรรค์ ทั้งสองนี้เป็นตัวตนที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าซู่เหยียนจะเก่งกาจ แต่แม้จะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้จนถึงที่สุดเขาก็ไม่มีทางไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้
ในมิติอนัตตาก่อไผ่นี้ มันไม่เคยมีใครพบเห็นเทพสวรรค์มาก่อนเลย
นี่คือตัวตนที่แสนยิ่งใหญ่เหนือชีวิตอยู่แยกจากผู้คนทั้งหลายสิ้น เป็นตัวตนที่ผู้คนได้แต่เฝ้าสวดภาวนาให้
มีหรือที่ซู่เหยียนจะยังใจเย็นได้?
เพราะแม้แต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย
เพราะตั้งแต่ที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาก็ได้ยินเรื่องราวของเทพสวรรค์มาบ้างแล้ว
จนถึงวันนี้ นี่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้กับเทพสวรรค์ขนาดนี้
ตอนนั้นคุนหวูและหวู่เฉินนั้นคาดเดาไว้ว่าเขาคงไม่ได้ไปพบไปเจอกับเทพสวรรค์เข้าแน่ๆ
แต่ตอนนี้ดูท่าเขากลับไม่ได้ห่างไกลจากเทพสวรรค์นั้นสักเท่าไหร่แล้ว
“แต่ทำไมเจ้าหมูสมบัติตัวนี้มันถึงมาเกาะติดเจ้ากัน? น่าจะเป็นครั้งแรกที่มันได้พบเจอเจ้าใช่ไหม?” ซู่เหยียนถามขึ้น
เย่หยวนยิ้มออกมา “ดูท่ามันคงมีเป้าหมายอยู่ที่โอสถของข้า”
ซู่เหยียนทำหน้ามึนงงออกมา “โอสถของเจ้า? ผู้อาวุโสตู้นั้นเป็นถึงจอมเทพโอสถหกดาว จะบอกว่าเขามีฝีมือหลอมโอสถด้อยกว่าเจ้าหรือ? ที่สำคัญมันไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสตู้หรูเฟิง แต่บางคนในวิหารนั้นเก่งกาจกว่าเขาอีก ทำไมเจ้าหมูสมบัติมันถึงมาเลือกเจ้ากันเล่า?”
เย่หยวนได้แต่หัวเราะออกมา “ผู้อาวุโสซู่ ท่านต้องการให้ข้าตอบเช่นไรเล่า?”
ซู่เหยียนบอก “แน่นอนว่าบอกความจริง!”
เพราะเขานั้นสงสัยมากว่าเย่หยวนมีดีอะไรติดตัวถึงทำให้หมูสมบัตินี้ทำตัวติดเย่หยวนได้ขนาดนี้ จนถึงขั้นแยกทางจากตงน้อย
เย่หยวนเองก็ได้แต่ตอบกลับไปอย่างหมดสิ้นหนทาง “ย่อมต้องเป็นเพราะข้านั้นหลอมโอสถได้ดีกว่าพวกเขาทั้งหลาย”
ซู่เหยียนนิ่งเงียบไปก่อนจะหัวเราะขึ้น “ไอ้เด็กคนนี้ เวลาจะโม้อะไรก็อย่าทำเกินตัว! มีหรือที่จอมเทพโอสถหกดาวจะอ่อนแอกว่าเจ้าได้? ช่างเถอะๆ คิดเสียว่ามันเป็นโชคชะตาแล้วกัน”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มรับโดยไม่คิดจะเถียงใดๆ อีก
ไช่เจินนั้นมีฝีมือการสั่งการที่เด็ดขาดมาก ในที่สุดเขาก็สามารถส่งสมุนไพรในรายการมาได้ภายในวันนั้นจริงๆ
เมื่อเย่หยวนได้เห็นกองภูเขาสมุนไพรตรงหน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นดีใจขึ้น
เขานั้นกังวลเรื่องสมุนไพรระดับห้ามาตลอด เพราะหาอยากเก่งกาจในโอสถระดับห้ามันก็ต้องใช้สมุนไพรระดับห้ามากมายในการฝึกฝน
แต่ตอนนี้ด้วยเจ้าหมูสมบัติ เรื่องราวที่เขากังวลมาตลอดมันก็คลี่คลายลง
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งเดือนก่อนจะถึงชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ เย่หยวนจึงสามารถใช้เวลานี้ในการฝึกฝนให้ตัวเขาคุ้นชินกับโอสถระดับห้าได้
หลังผ่านไปได้สามวัน ก็เกิดมีเงาร่างหนึ่งพุ่งตัวเข้ามายังสวนป่าบนอย่างเงียบๆ
เงาร่างนี้มันดูเลือนลางและมองเห็นได้ยากมาก
ในพริบตามันก็มาถึงห้องของเย่หยวน
แค่มองเข้าไปเขาก็เห็นร่างของเจ้าหมูสมบัตินอนอยู่บนเตียง ทำให้หูของเขามีควันออกมาทันทีด้วยความโกรธเคือง
ปัง!
“โอ้ย!”
ตงน้อยเดินเข้าไปและพบว่าตัวเองกำลังชนเข้ากับกำแพงทำให้จมูกของเขามีเลือดไหลซึมออกมา
“เด็กคนนี้มันรู้ถึงวิธีวางค่ายกลห้ามมิติด้วย! หมูสมบัตินั้นเป็นของข้า! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งไป?!” ตงน้อยร้องบอก
เพราะเขานั้นรออยู่ถึงสามวันแต่เจ้าหมูกลับไม่คิดกลับไปหาเขา
ตงน้อยที่หมดความอดทนจึงได้คิดแอบเข้ามาขโมยหมูสมบัติไปจากเย่หยวน
แต่ดูท่าเขาจะประมาทเย่หยวนเกินไปหน่อย
เย่หยวนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านมิติอย่างมาก มีหรือที่เขาจะปล่อยให้ใครแอบย่องเข้าห้องเขาได้ง่ายๆ?
ตอนนั้นเองที่มิติด้านหน้าเกิดบิดเบี้ยวขึ้นเผยให้เห็นร่างของเย่หยวน
เมื่อตงน้อยเห็นเย่หยวนเขาก็แทบจะพ่นไฟใส่ด้วยความแค้น “เด็กน้อย เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หมูสมบัติเป็นของข้า!”
เย่หยวนยักไหล่ตอบ “ไหนว่าเจ้าจะตัดขาดกับมันไง?”
ตงน้อยแทบสำลักเมื่อได้ยินก่อนจะแก้ตัวออกมา “เรื่องนั้น… เรื่องนั้นมันเป็นคำพูดที่ออกมาด้วยอารมณ์โกรธ! ที่สำคัญการที่หมูสมบัติคิดติดตามเจ้ามันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น อย่าได้คิดว่าแค่โชคดีหลอมโอสถคุณภาพดีได้แล้วจะทำให้หมูสมบัติมันติดตามเจ้าไปได้ตลอดเชียว ข้าขอบอกเลยนะว่าหมูสมบัตินั้นมันเลือกกินมาก!”
“อ่า หากมันคิดอยากกลับไปข้าย่อมปล่อยมันไป เจ้าสบายใจเถอะ ข้าไม่คิดจะทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันหรอก” เย่หยวนตอบกลับไป
เขานั้นย่อมไม่คิดจะเลี้ยงหมูสมบัตินี้ไปตลอด มีหรือที่เขาจะทนเลี้ยงเจ้าหมูที่กินโอสถคุณภาพสูงในทุกๆ วันเช่นนี้ได้?
เมื่อได้ยินเย่หยวนบอกเช่นนั้นตงน้อยก็แสดงท่าทางโล่งใจออกมาก่อนจะบอก “เจ้าหลอมโอสถที่ทำให้หมูสมบัติพอใจได้มันย่อมหมายความว่าเจ้านั้นมีฝีมือไม่น้อย เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะให้ตู้หรูเฟิงรับเจ้าเป็นศิษย์ วันหน้าเจ้าก็จงติดตามตู้หรูเฟิงไปเสีย”
เย่หยวนยิ้มเมื่อได้ยินแต่ก็ส่ายหัวตอบกลับไป “ให้ข้ายอมรับเขาเป็นอาจารย์? ข้าไม่สนใจหรอก เขามิอาจสอนข้าได้”
เมื่อตงน้อยได้ยินเขาก็ตอบกลับมาด้วยความไม่พอใจอีก “เด็กคนนี้ เจ้าช่างไม่รู้จักรับคุณคน! เจ้าแค่บรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มาได้ไม่นานเจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจมากนักหรือ? เจ้าคิดว่าคนในมิติอนัตตาก่อไผ่นี้กี่คนที่คิดอยากกราบตู้หรูเฟิงเป็นอาจารย์แต่กลับไม่สามารถทำได้? แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันที่จอมเทพโอสถหกดาวจะมิอาจสอนเจ้าได้?”
เย่หยวนไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกจึงพลิกหงายมือขึ้นเผยให้เห็นโอสถหลายเม็ด
เมื่อโอสถเหล่านั้นปรากฏออกมาเจ้าหมูสมบัติที่นอนหลับอยู่ก็ลุกเด้งตัวขึ้น พุ่งมาราวกับสายฟ้ากลืนกินเม็ดโอสถบนฝ่ามือของเย่หยวนในพริบตา
…………………………