“เจ้าลองสิ ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าจะมีโอกาสยอมแพ้หรือไม่!”
คำพูดนี้มันราวกับค้อนหนักทุบลงกลางหัวของศิษย์นิกายสว่างชัด
หากเย่หยวนพูดคำนี้ออกมาก่อนหน้ามันคงไม่มีใครคิดจะใส่ใจ
แต่ตอนนี้เขาพิสูจน์แล้วว่าตนสามารถทำได้!
สังหารหลี่อี้ผิงด้วยกระบวนท่าเดียวเช่นนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้
หยางเชินหรี่ตาลงด้วยความเย็นเยือกทันที
เย่หยวนคนนั้นมันจะอาละวาดหนักไปแล้ว!
จู่ๆ หยางเชินก็หันไปมองหน้าไป่หลี่ชิงหยานด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “หากข้าเดาไม่ผิดนางคงเป็นคนรักของเจ้า? หืม…เจ้าคิดว่ามีแค่ตนหรือที่สังหารผู้คนได้?”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
พลังฝีมือของหยางเชินนั้นเก่งกาจเพียงใด เย่หยวนไม่ทราบได้ แต่เขานั้นไม่กล้าที่จะดูถูกอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
เย่หยวนนั้นมีความมั่นใจในตัว แต่เขาไม่เคยอวดดีเกินตัว
“หากเจ้าอยากสังหารข้าก็ลองมาสิ! แม้ว่านิกายเงาจันทร์ของข้าจะไม่อาจเทียบนิกายสว่างชัดได้แต่เราก็ยังมีความกล้ามากพอ!” เย่หยวนยังไม่ทันตอบอะไรไป่หลี่ชิงหยานก็สวนขึ้นมาก่อน
อี้ชิงเซียงเองก็กล่าวขึ้นตาม “อย่างมากก็แค่ตาย! ต่อให้เราทั้งสามจะต้องตายลง สามชีวิตและเจ็ดชีวิตมันก็มากเกินคำว่าคุ้มแล้ว!”
อี้ชิงเซียงยังพูดไม่ทันขาดคำเจียงเชอเหยียนก็กล่าวขึ้นเสริมด้วย “นิกายสว่างชัดเจ้าไม่อาจถูกลบหลู่ได้ แล้วนิกายเงาจันทร์เราจะยอมให้ใครก็ได้มาลบหลู่หรือ?”
เย่หยวนมองดูคนทั้งสามอย่างตื่นตกใจไม่น้อย ไม่นึกไม่ฝันว่าพวกเขาจะแสดงท่าทีสนับสนุนออกมาเต็มที่เช่นนี้
นี่มันเป็นคนเดียวกับที่เขารู้จักหรือเปล่า?
ไป่หลี่ชิงหยานยังพอว่า นางนั้นยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตน
แต่อี้ชิงเซียงและเจียงเชอเหยียนนั้นมันเหนือความคาดหมายเขามาก
ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของหยางเชินก็กระตุกแรง
เขาได้รู้แล้วว่าการข่มเหงของนิกายสว่างชัดนั้นมันได้กดดันให้นิกายเงาจันทร์บิดเบี้ยวไปจนถึงที่สุดแล้ว
คนทั้งสี่นี้คิดจะต่อต้านนิกายสว่างชัดจนชีวิตหาไม่
เย่หยวนมองดูที่หยางเชินและบอก “เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? นิกายเงาจันทร์ข้าเองก็มีศักดิ์ศรีที่ไม่อาจให้ใครมาลบหลู่ได้! ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหลายเป็นคนหาเรื่องพวกเราก่อน ก็จงเตรียมรับการสวนกลับไว้ให้ดี! ไปกันเถอะ!”
พูดจบคนนิกายเงาจันทร์ทั้งหลายก็เดินจากไป
เมื่อกลับมาถึงสวนป่าบนเย่หยวนก็แสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป
“ผู้อาวุโสซู่ หยางเชินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน?” เย่หยวนถาม
เมื่อเห็นเย่หยวนถามเช่นนั้นผู้อาวุโสซู่ก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็นึกว่าเจ้าโกรธแค้นจนไม่คิดหน้าคิดหลังใดๆ ไปแล้วเสียอีก!”
เขาย่อมรู้ดีว่าการไปท้าทายนิกายสว่างชัดเช่นนี้มันอันตรายมากมายแค่ไหน เพียงแค่ว่าเรื่องนี้มันก็ส่งผลถึงชื่อเสียงของนิกายเงาจันทร์จนทำให้เขาเองก็ไม่คิดที่จะห้ามเย่หยวนไว้
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “นิกายสว่างชัดนั้นข่มเหงผู้คนมากจนเกินไป เราแค่ได้มาอยู่ยังสวนป่าบนแต่พวกมันกลับคิดเล่นงานเราถึงชีวิตเพราะเรื่องนั้นราวกับไปฆ่าพ่อแม่พวกมันมา โชคยังดีที่ศิษย์พี่เจียงไม่ได้ไปเจอพวกนิกายสว่างชัดในรอบแรก แต่รอบหลังๆ หากนางได้ไปเจอเข้าพวกมันย่อมคิดลงมืออย่างหนักหน่วงแน่ ส่วนศิษย์พี่ไป่หลี่นั้น หยางเชินย่อมไม่คิดปล่อยนางไปแน่ ต่อให้ข้าไม่ท้าทายเช่นนั้นสุดท้ายพวกเราก็คงไม่อาจรอดกลับไปได้อย่างปลอดภัย”
เย่หยวนบอกออกมาอย่างชัดเจนถึงท่าทางและการกระทำที่นิกายสว่างชัดคิดจะทำ
พวกเขานั้นคิดว่าใบหน้าชื่อเสียงของตนนั้นคือทุกสิ่งอย่างและไม่คิดให้ใครอยู่เหนือกว่าตน
นิกายเงาจันทร์นั้นแค่ได้มาอยู่สวนป่าบนก็ไปทำให้พวกนั้นเดือดร้อนแล้ว
พวกเขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้อี้ชิงเซียงได้ยอมแพ้ ทุบทำลายกรามของเขาในทันทีที่เริ่ม แค่นี้มันก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมดได้มากพอแล้ว
เพราะเช่นนั้นเองเย่หยวนจึงคิดสังหาร
ได้ยินคำของเย่หยวนซู่เหยียนก็ขมวดคิ้วแน่น
เพราะเขานั้นไม่ได้คิดไปถึงเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างที่เย่หยวนทำ
“หยางเชินนั้นเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ล้านปีจะปรากฏสักครั้งแห่งนิกายสว่างชัด! พลังฝีมือของเขานั้นย่อมเหนือล้ำ! แต่หากถามว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน มันคงมีแต่พวกนิกายสว่างชัดเท่านั้นที่จะรู้ได้ เดิมทีศิษย์ที่ได้มาเข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นั้นจะมีพลังฝีมือที่ไม่เหนือล้ำกันมาก แต่แน่นอนว่ามันย่อมมีข้อยกเว้น อย่างเช่นเจ้า และบางทีก็อาจจะเป็นหยางเชินด้วย!” ซู่เหยียนบอกด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด
เย่หยวนเงียบลงไปทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ตอนนี้ไม่มีใครพูดใดๆ และเอาแต่จ้องมองรอเย่หยวนคิด
ตงน้อยเองก็มองดูเย่หยวนอย่างสงสัยใคร่รู้ เขานั้นอยากรู้ว่าเย่หยวนจะแก้ปัญหาตรงหน้านี้อย่างไร
หลังจากนั้นเย่หยวนก็เงยหน้าขึ้นมามองทุกผู้คน “ศิษย์พี่เจียง ข้าจะหลอมโอสถใจม่วงหยกให้ท่าน ท่านจงรีบบรรลุขึ้นเป็นนภาสวรรค์สองดาวเสีย”
เจียงเชอเหยียนเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยิน
นางนั้นไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้โอสถใจม่วงหยกกับเขาด้วย
เพราะเอาจริงๆ ตอนที่อี้ชิงเซียงได้โอสถนี้ นางเองก็มึนงงสงสัยอย่างมาก
แต่นางรู้ดีว่ามุมมองที่เย่หยวนมีต่อตัวเองนั้นเป็นอย่างไร นางจึงเลิกคิดที่จะหวังไปนาน
ไม่นึกไม่ฝันว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เย่หยวนกลับคิดช่วยหลอมให้แก่นาง!
ซู่เหยียนบอก “ช่วยอะไรไม่ได้หรอก! แม้จะเป็นสภาสวรรค์สองดาวเองก็อ่อนแอเกินไปที่จะต่อต้านเขา”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้าย่อมทราบดี จากวันนี้ไปข้าจะช่วยพวกท่านทั้งหลายหลอมโอสถพร้อมๆ ไปกับการฝึกพิเศษให้แก่พวกท่าน เป้าหมายของการฝึกคือ ยอมแพ้ให้ได้ก่อนที่ข้าจะสังหารพวกท่านลงได้!”
เรื่องนี้ทำให้ทุกผู้คนผงะไปไม่น้อย ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะใช้วิธีนี้
เย่หยวนพูดออกมาเช่นนี้ย่อมหมายความว่าพลังฝีมือของเขานั้นใกล้เคียงกับหยางเชินมาก
หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่า!
แต่มันจะเป็นไปได้หรือ?
ในหมู่นภาสวรรค์สองดาวขั้นสุดเหมือนๆ กัน หยางเชินนั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าเซินเทียนหลินไปมาก มันหมายความว่าเขาคนนั้นมีแนวคิดอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งจนเหนือล้ำกว่าคนในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง
“หึๆ ไอ้เด็กคนนี้ เจ้าคิดเล่นกับชีวิตพวกเขา!” ตงน้อยอดไม่ได้ที่จะพูดดูหมิ่นและเหยียดหยามออกมาเมื่อได้ยิน
แต่เย่หยวนกลับตอบไป “ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล่นหรือไม่ ไม่นานเจ้าก็จะได้รู้”
…
ในพริบตาเวลากว่าหนึ่งเดือนก็ผ่านไป และเย่หยวนก็ได้มาพบเจอกับศิษย์นิกายสว่างชัดอีกครั้ง
คราวนี้เขาเป็นอันดับหกของนิกายนามเผิงฮวน
เขานั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย เป็นแค่นภาสวรรค์สองดาวขั้นต้น เขาที่อยู่อันดับต่ำกว่าหลี่อี้ผิงย่อมไม่มีทางเป็นคู่มือให้แก่เย่หยวนได้
เมื่อได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของหลี่อี้ผิงมาแล้วเผิงฮวนย่อมคิดที่จะยอมแพ้ในทันที
เพราะฉะนั้นหลังจากตู้หรูเฟิงประกาศเริ่ม เผิงฮวนก็เปิดปากขยับขึ้น
“ข้า…”
แต่น่าเสียดายที่คำพูดของเขาถูกตัดขาดลงเสียงเท่านั้น ดวงตาของเขากลอกกลับไปโดยที่ไม่อาจพูดได้อีก
ดาบของเย่หยวนนั้นมันเร็วจนเกินไป!
ที่ด้านล่างสังเวียนมีเสียงสูดหายใจเข้าลึกตามๆ กัน
แข็งแกร่ง!
หากมีใครคิดว่าครั้งก่อนที่หลี่อี้ผิงเสียท่าไปเพราะไม่ทันเตรียมตัว เช่นนั้นครั้งนี้พวกเขาก็คงเชื่อสนิทใจแล้วว่ามันเป็นฝีมืออย่างแท้จริง
“แค่จะยอมแพ้พวกเจ้ายังไม่มีปัญญาแล้วยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าเป็นนิกายอันดับหนึ่งอีกหรือ?”
เย่หยวนมองดูหยางเชินด้วยคำเหยียดหยาม
หยางเชินนั้นมองดูเย่หยวนด้วยความโกรธแค้น “เย่หยวนเจ้าบังคับข้าเอง!”
เย่หยวนไม่คิดสนใจและเดินหายไปกับสายลม
ในรอบที่สิบเจ็ด เย่หยวนก็ได้สังหารศิษย์นิกายสว่างชัดอันดับเจ็ด อู๋หมินลงด้วยดาบเดียวอีกเช่นเคย
ในรอบที่ยี่สิบห้า ในที่สุดเย่หยวนก็ได้สังหารเบียนซือเชียวลง!
ผ่านการชุมนุมไปได้แค่ครึ่งทาง แต่นิกายสว่างชัดกลับเสียศิษย์ไปแล้วถึงสี่คนภายใต้คมดาบของเย่หยวน
และพวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่คิดอยากยอมแพ้ตั้งแต่วินาทีที่เริ่ม แต่กลับไม่มีใครพูดทัน
ดาบของเย่หยวนนั้นมันรวดเร็วความคำพูดใดๆ
ตอนนี้ผู้อาวุโสของนิกายสว่างชัดและหยางเชินแทบคลั่งตาย
…………………………