การที่หยางเชินตายลงจึงทำให้งานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นั้นดุเดือดขึ้นอย่างมาก
แต่เพราะว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ ลำดับต่างๆ นานา ที่เคยมีการจัดเรียงไว้มันจึงล่มพังอย่างไม่เป็นท่า
แน่นอนว่าเย่หยวนสามารถยืนอยู่เหนือล้ำผู้คนได้อย่างที่ไม่มีใครอาจจะเทียบเคียง
แม้ว่าหลังจากนั้นมาเย่หยวนจะได้พบเจอกับหลัวเจิน อีกฝ่ายก็ต้องขอยอมแพ้หลังประมือกันไปได้แค่ร้อยกว่ากระบวนท่า
แต่ว่าตำแหน่งที่สองของหลัวเจินมันก็นับได้ว่ามั่นคงมาก
สิ่งที่ดุเดือดมากจริงๆ คืออันดับสามถึงห้าต่างหาก
การชุมนุมนี้ดำเนินไปกว่าหนึ่งปี แต่ความห่างช่องว่างของลำดับมันกลับไม่มีใครทิ้งห่างใคร
ในหมู่คนทั้งหลายนั้นใครๆ ก็มีโอกาสมากพอจะขึ้นอยู่ติดอันดับหนึ่งในห้าได้
แต่ว่าสุดท้ายแล้วกลับเป็นไป่หลี่ชิงหยานที่ทะยานขึ้นมาคว้าอันดับสี่ไว้ได้อย่างเหนือคาดผู้คน
เท่านี้มันก็ทำให้นิกายเงาจันทร์ได้รับตำแหน่งสองคน
ตู้หรูเฟิงยืนประกาศอยู่บนแท่นสูง “ห้าอันดับแรกของงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่คือเย่หยวน หลัวเจิน เทียนต้าเจียง ไป่หลี่ชิงหยานและหลี่หลง พวกเขาเหล่านี้จะได้เข้าสู่วิหาร สิบวันจากนี้คนทั้งห้าจะได้เข้าไปศึกษายอดเต๋าในดวงใจมิติอนัตตา ศิษย์คนอื่นๆ นั้นให้ไปศึกษายอดเต๋าที่ผาหยกสวรรค์เป็นเวลาสิบปี หลังครบสิบปีแล้วพวกเจ้าต้องออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่ไปทันที!”
ศิษย์ทั้งหลายที่เข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นั้นเมื่อได้ยินคำประกาศของตู้หรูเฟิงก็ถอนหายใจยาว
“ก่อนจะมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่นี้ไม่เคยมีใครคาดคิดว่านิกายสว่างชัดจะต้องเจอหายนะเช่นนี้หรอกใช่ไหม?”
“ใช่ไหมล่ะ? จากนั้นเซินเทียนหลินก็ยอมจำนน ไม่ว่าจะพบเจอใครเขาก็ยอมแพ้สิ้น คงกลัวว่าจะถูกเย่หยวนสังหารลงอีกคน! ขี้ขลาดเสียจริงๆ ทำเช่นนี้กนิกายสว่างชัดยิ่งเสียหน้าเพราะเขาไปอีก!”
“หึ นิกายสว่างชัดยังจะเอาหน้าที่ไหนมาเสียอีก? เรื่องนี้ไปโทษเขาก็ไม่ได้หรอก เพราะแม้แต่หยางเชินยังตายลงด้วยมือของเย่หยวน มีหรือที่เขาจะไม่คิดกลัว? ทำเช่นนี้เองก็เป็นเรื่องดีแล้ว อย่างน้อยๆ มันก็ยังช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้ได้”
“เทียบกันแล้วนิกายเงาจันทร์ไร้ชื่อนั้นกลับได้รับตำแหน่งไปถึงสองคน เรื่องนี้มันทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึงจริงๆ”
…
นิกายสว่างชัดที่ว่ากันว่าเก่งกาจที่สุดกลับไม่สามารถส่งศิษย์เข้าวิหารได้แม้สักคน
เซินเทียนหลินนั้นเดิมที่มีพลังฝีมือมากพอที่จะเข้าวิหารได้ไม่ยาก แต่เห็นหยางเชินตายลงต่อหน้าเช่นนั้นเขาจึงยอมแพ้ทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะพบเจอกับใครก็ตาม
เซินเทียนหลินนั้นฉลาดไม่น้อย เขาทำเช่นนั้นเพื่อแทนคำขอโทษแก่เย่หยวน หวังว่าอีกฝ่ายจะแสดงความเมตตาออกมาบ้าง
ในที่สุดแล้วเย่หยวนก็ปล่อยให้เขามีชีวิตรอดไปจริงๆ
ระหว่างงานชุมนุมนี้ การกระทำของเย่หยวนมันได้เปลี่ยนโชคชะตาของยอดศิษย์จากนิกายต่างๆ มากมาย
“เย่หยวน ขอบคุณมาก!” ไป่หลี่ชิงหยานเดินเข้ามาขอบคุณเย่หยวน
นางเข้าใจดีว่าด้วยพลังฝีมือของนางแต่เดิมนั้นย่อมไม่มีทางจะเข้าสู่วิหารได้แน่
แต่ในเวลาหนึ่งปีนี้เย่หยวนกลับช่วยนางหลอมโอสถใจม่วงหยก สอนกระบวนท่านาง ทำให้พลังฝีมือของนางนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมากล้ำจนในที่สุดก็ขึ้นมาติดอันดับหนึ่งในห้าได้
จะบอกว่าการที่นางเข้าวิหารมาได้มันเป็นเพราะเย่หยวนเบิกทางให้ก็ไม่ผิดเลย
เย่หยวนยิ้มตอบ “ท่านนั้นมีพรสวรรค์ที่ดีมากแล้ว ข้าเองก็แค่ช่วยอะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น”
ไป่หลี่ชิงหยานอดไม่ได้ที่จะเถียงขึ้นในใจ เจ้าหมอนี้มันพูดประชดผู้คนกันหรืออย่างไร?
เทียบพรสวรรค์กันแล้วในโลกหล้าจะยังมีใครเทียบเคียงเจ้าได้?
สิ่งที่น่าขันที่สุดคือเมื่อก่อนตอนเจอกันครั้งแรกนางคิดว่าเย่หยวนเป็นแค่ขยะ พาลากเย่หยวนเข้ากลุ่มสอบในเทือกเขาเงาจันทร์ด้วยกัน
คิดได้ถึงตรงนี้ไป่หลี่ชิงหยานก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที
เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้ยิ่งเวลาผ่านไปมาก ความห่างเหินที่เย่หยวนมีให้นางมันกลับเพิ่มขึ้น
มันไม่ใช่แค่ความห่างของฝีมือ แต่เหมือนราวกับว่าเย่หยวนนั้นพยายามกันนางไว้ให้ห่างตัว
ความห่างเหินนี้มันไม่ใช่ความห่างเหินด้านระยะทาง แต่มันเป็นความห่างเหินด้านความรู้สึก
เพราะไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อใด เย่หยวนก็จะพูดคุยกับนางด้วยท่าทางสุภาพอย่างไร้ความสนิทสนมอยู่เสมอ
เป็นท่าทางที่ทำให้ไป่หลี่ชิงหยานหดหู่อย่างมาก
ตอนนี้ซู่เหยียนก็เดินเข้ามาพูดคุยกับเย่หยวนด้วย “ก่อนจะมายังงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นี้ท่านคงไม่เคยคิดเคยฝันว่านิกายเงาจันทร์เราจะได้รับสิทธิ์มาถึงสองคน เมื่อพวกเรากลับไปท่านเจ้านิกายต้องดีใจมากแน่ๆ”
การที่ได้รับสิทธิ์เข้าวิหารมาถึงสองตำแหน่งนั้นมันไม่ได้แค่ส่งผลดีกับชื่อเสียง แต่ทางวิหารจะมอบรางวัลให้แก่นิกายที่ชุบเลี้ยงยอดศิษย์เหล่านั้นมาด้วยตามจำนวนที่ได้
รางวัลที่ว่านี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากกับนิกายระดับเทพถ่องแท้
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนิกายต่างๆ จึงทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อฝึกฝนและส่งศิษย์เข้ามาสู่วิหารเช่นนี้
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ “เวลาปีกว่ามานี้ เย่หยวนต้องขอบคุณท่านผู้อาวุโสซู่ที่คอยดูแลเอาใจใส่อย่างดี เย่หยวนนั้นเป็นได้แค่ผู้ยืมความดีจากคนอื่นโดยไม่ได้ตอบแทน โอสถเหล่านี้ข้าขอมอบให้ศิษย์พี่เจียงและศิษย์พี่อี้เป็นคำขอบคุณ”
เจียงเชอเหยียนและอี้ชิงเซียงนั้นเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นทันทีที่ได้เห็นมัน “โอสถคลายเอ็นวิญญาณไผ่ โอสถพรหมทลายมังกร ของเหล่านี้… โอสถเหล่านี้มันช่างเป็นของสุดล้ำค่า!”
แม้ว่าโอสถนี้มันจะอยู่ในผนึกแต่พวกเขาย่อมรู้ดีว่าเมื่อเย่หยวนลงมือหลอม มันย่อมออกมาเป็นโอสถที่มีคุณภาพไม่ต่ำกว่าขั้นเทวะอย่างแน่นอน
โอสถเหล่านี้ หากพลาดโอกาสนี้ไปทั้งชีวิตก็คงหาไม่ได้อีกแล้ว
ในหมู่นิกายทั้งหลายนั้นมันย่อมไม่มีใครหน้าไหนจะสามารถหลอมโอสถได้ถึงขั้นนี้อีกแล้ว
โอสถนี้จะมีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของพวกเขาในวันหน้าอย่างมาก มันจะทำให้พวกเขาบรรลุผ่านคอขวดใดๆ ไปได้อย่างง่ายดาย!
เย่หยวนยิ้มตอบ “ต้องขอบคุณหมูสมบัติข้าจึงมีสมุนไพรให้เลือกใช้มากมาย วันนี้ข้าจึงได้หยิบมันขึ้นมานิดหน่อยเพื่อทำการหลอมโอสถเหล่านี้ให้พวกท่าน”
คนทั้งสองมองดูเย่หยวนด้วยความซาบซึ้งอย่างถึงที่สุด
“นี่มัน… ศิษย์น้องเย่ ในอดีตมันล้วนเป็นความผิดข้า หวังว่าเจ้าจะไม่เก็บมันใส่ใจ” เจียงเชอเหยียนกล่าวขอโทษออกมาด้วยใบหน้าแดงฉาน
อี้ชิงเซียงเองก็กล่าวตาม “ตอนนั้นข้าเองก็คิดร้ายต่อศิษย์น้อยเย่ไม่น้อย นึกถึงแล้วข้าช่างอับอายนัก”
ตอนนี้พวกเขาย่อมเข้าใจได้อย่างดีแล้วว่าการแก่งแย่งอำนาจของฝ่ายค่ายนิกายรองใดๆ มันล้วนเป็นเรื่องไร้สาระต่อหน้ายอดคนที่แท้จริง
เย่หยวนบอก “เรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงให้เสียอารมณ์อีกหรอก แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากเตือนบอกพวกท่านเอาไว้ กำลังของนิกายนั้นไม่ได้สร้างจากการแก่งแย่งอำนาจภายใน แทนที่จะเสียเวลาไปขัดแข้งขาคนอื่น สู้เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองให้เก่งกาจจะดีกว่า”
คนทั้งสองพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นด้วยความเห็นด้วยอย่างถึงที่สุด
…
บนเรือลำน้อยมีคนเจ็ดคนและหมูหนึ่งตัวกำลังนั่งผ่านทะเลสงบวิญญาณ
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่นั้นนับเป็นแค่ส่วนนอกสุดของวิหาร เป็นสถานที่วิหารไว้ใช้ติดต่อกับโลกภายนอก แท้จริงแล้ววิหารนั้นมีห้าวังใหญ่ตั้งอยู่บนเกาะทั้งห้า วังทั้งห้านั้นถูกปกครองด้วยยอดผู้อาวุโสเทพสวรรค์ทั้งห้า และห้าเกาะนั้นก็ล้อมรอยอีกเกาะหนึ่งไว้ มันคือเกาะที่สำคัญที่สุดของมิติอนัตตาก่อไผ่เรานามเกาะดวงใจมิติ และดวงใจมิติอนัตตานั้นก็อยู่บนเกาะดวงใจมิตินี้นี่เอง”
ตู้หรูเฟิงบอกเล่าอย่างเชี่ยวชาญ บอกถึงเรื่องราวของวิหารให้แก่ศิษย์ใหม่ทั้งห้าฟัง
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็มองดูไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย
นี่คือที่ที่หัวใจของมิติอนัตตาก่อไผ่ตั้งอยู่!
เรือน้อยแล่นมาจนถึงฝั่ง ตู้หรูเฟิงจึงหันไปบอกทุกผู้คน “เกาะดวงใจมิตินี้มีพลังปิดกั้นอยู่ทุกหนแห่ง พวกเจ้าทั้งหลายจงตามมาให้ดี! เมื่อใดก็ตามที่เจ้าติดเข้ากับพลังปิดกั้นแล้วต่อให้เป็นเทพที่ไหนก็มาช่วยเจ้าไม่ได้!”
นั่นทำให้คนทั้งหลายแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาในทันที
เย่หยวนหันหน้าไปมองตงน้อยอย่างสงสัย “เราจะไปดวงใจของมิติอนัตตากันนะ เจ้าจะไปด้วยหรือ?”
ตงน้อยถอนหายใจตอบกลับมา “ทำไม? เจ้ามีปัญหาหรือ?”
ตู้หรูเฟิงหัวเราะและหันมาบอก “การจะเปิดดวงใจมิติอนัตตานั้นต้องใช้พลังของท่านหมูสมบัติ และท่านหมูสมบัติกับตงน้อยก็อยู่ตัวติดกันเสมอ เราจึงต้องให้เขาตามมาด้วย”
“ได้ยินไหม?” ตงน้อยถามขึ้นด้วยท่าทางโอหัง
“อู๊ดๆ!”
หมูสมบัติเองก็หันมาร้องใส่เย่หยวนราวกับภูมิใจในผลงานที่ไม่ใช่ของตัวเองสักนิด
…………………………