เหล่าคำพูดที่ฟังดูเปี่ยมความมั่นใจเช่นนี้เย่หยวนนั้นมักรู้สึกขยะแขยงอยู่เสมอ เขาแค่ตอบกลับไป “ข้าน่าจะเคยบอกมันไปแล้วนะว่าอย่าได้มาท้าทายข้า! ความโกรธแค้นใดๆ ของมันกับเล้งซู่นั้นข้าไม่คิดสนใจ ข้าและเล้งซู่เป็นเพียงแค่คนรู้จักกันก็เท่านั้น”
นั่นทำให้เถี่ยยิงต้องขมวดคิ้วแน่นด้วยรอยยิ้มชั่ว “เจ้าคิดจะหลอกข้าด้วยคำพูดประโยคเดียวนั้น? แค่คนรู้จักเจ้าคงไม่คิดสังหารสองพี่น้องมารหมอกดำเพื่อช่วยเขาแถมยังส่งนายน้อยซู่กลับถึงบ้านแน่ใช่ไหม? เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าการทำเช่นนั้นมันทำให้แผนของนายน้อยห่าวผิดพลาดไปมากแค่ไหน?”
เย่หยวนแค่ทำเรื่องไปตามหัวใจ เพียงแค่ว่าเมื่อคนอื่นๆ ได้มาฟังคำอธิบายเช่นนี้มันคงไม่มีใครที่คิดเชื่อลง
การสังหารสองพี่น้องมารหมอกดำนั้นมันก็เท่ากับว่าเป็นการประกาศสงครามกับเล้งห่าวไปแล้ว
เย่หยวนยักไหล่ตอบ “พวกมันคิดสังหารข้า มีหรือที่ข้าจะยื่นคอให้มันสังหารง่ายๆ?”
เถี่ยยิงกล่าว “ไม่ต้องอธิบายใดๆ กันอีกแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะคิดเช่นไร วันนี้เจ้าก็ต้องตาย!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะออกมา
“นภาสวรรค์สี่ดาวมันเก่งกาจมากรึ? หากคิดสังหารข้า เจ้าก็ลองลงมือทำดู” เย่หยวนบอกอย่างชัดเจน
“ไอ้คนโง่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นความต่างระหว่างอาณาจักรนภาสวรรค์ขั้นต้นและขั้นกลางเอง”
เถี่ยยิงทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นพร้อมปล่อยพลังโลกของอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวออกมาอย่างบ้าคลั่งจนปกคลุมตรอกนี้ไว้จนสิ้น
แม้ว่าข้ามูลที่เขาได้รับมาจะคลาดเคลื่อนเล็กน้อยเพราะเย่หยวนบรรลุขึ้นนภาสวรรค์สองดาวมาได้แล้ว แต่สำหรับเขา เถี่ยยิงคนนี้จะกี่ดาวมันก็ค่าเท่ากัน
เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาสุดท้ายก็คือความตาย!
เถี่ยยิงนำเอาค้อนเทพสายฟ้าออกมาพร้อมทุบมันลงใส่เย่หยวนอย่างรุนแรงราวฟ้าจะถล่มดินจะทลายลงตรงหน้า
เย่หยวนนั้นกำลังคิดที่จะสวนกลับไปก่อนที่ดวงตาของเขาจะหันไปเจอสิ่งหนึ่งเข้าทำให้ต้องหยุดมือลง
เมื่อเถี่ยยิงได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือกเพราะคิดว่าเย่หยวนนั้นเห็นถึงความแตกต่างของพลังและเลิกคิดที่จะขัดขืน
แต่ในตอนนั้นเองที่มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาขวางทางคนทั้งสองไว้
‘ตูม!’
ร่างของเถี่ยยิงปลิวลอยออกไปพร้อมกับเสียงดังๆ นี้
“นายน้อยซู่!” เถี่ยยิงหน้าถอดสีทันทีเพราะคนที่มาอยู่ตรงหน้าก็คือเล้งซู่
เล้งซู่ยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือกพร้อมพูดบอก “พี่ชายคนดีของข้ามันไม่มีความอดทนเสียจริงๆ! ในฐานะคนเป็นพี่น้องกันข้าล่ะช่างเจ็บใจนัก!”
เถี่ยยิงหน้าเสียไปอย่างมาก ดูท่าแล้วเรื่องที่เขาคุยกับเย่หยวนเมื่อสักครู่มันจะเข้าหูเล้งซู่จนสิ้นแล้ว
“นายน้อยซู่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว…”
เล้งซู่ยกมือขึ้นเพราะหัวเราะเย้ย “พอแล้ว! จนป่านนี้เจ้ายังคิดจะมาอธิบายใดๆ อีก? หรือว่าในสายตาของเจ้านั้นมันเห็นว่าข้าโง่เง่ามาก? เจ้ากลับไปบอกนายของเจ้าเสียว่าเย่หยวนนั้นคือสหายของข้า หากเขากล้าลงมือกับเย่หยวนแม้แต่เส้นผมข้าจะไม่ยอมหยุดมือจนกว่าตัวเขาจะตายลง!”
เถี่ยยิงถอนหายใจยาวก่อนจะหันหน้าหนีไป
แต่ตอนนั้นเองที่เย่หยวนกลับพูดขึ้นมาขัด “ไม่ต้องนำคำเหล่านั้นกลับไปแล้ว เจ้าอยู่ตรงนี้เถอะ!”
เถี่ยยิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันหน้ากลับมาหัวเราะขึ้นทันที “แค่คนเช่นเจ้าก็คิดจะหยุดข้าได้?”
เล้งซู่พูดขึ้น “เย่หยวน ข้าขอโทษจริงๆ แต่แม้จะเป็นข้าก็ไม่อาจหยุดเขาไว้ได้! แต่เจ้าจงวางใจเถอะเรื่องในวันนี้ข้าจะหาทางเอาคืนให้เจ้าให้ได้!”
เถี่ยยิงบอก “นายน้อยซู่จะประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยไหม?”
เพราะไหนๆ พวกเขาก็เปิดเผยใส่กันขนาดนี้แล้ว เถี่ยยิงจึงไม่คิดจะสุภาพไว้หน้าอีกฝ่ายใดๆ อีก
ไม่ว่าอย่างไรเล้งซู่และเล้งห่าวก็เป็นดั่งน้ำและไฟ นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรับรู้ดี
เพียงแค่ว่าในอดีตพวกเขานั้นมักจะแข่งขันกันอย่างลับๆ แต่ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันลามมาถึงขั้นลอบสังหารแล้ว
เล้งซู่หน้าเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้ยินแต่ก็ไม่คิดที่จะเถียงสิ่งใดๆ ออกมา
ดูท่าแล้วสถานภาพของเล้งซู่ในบ้านตระกูลเล้งจะไม่ค่อยสู้ดีนัก
“เย่หยวน ข้าขอโทษจริงๆ ที่ข้ามันไร้ประโยชน์” เล้งซู่บอก
เถี่ยยิงหัวเราะขึ้น “เด็กน้อย ถือเสียว่าวันนี้เจ้าโชคดีไปนะ แต่ครั้งหน้าข้ารับรองได้เลยว่าเจ้าจะไม่โชคดีเช่นนี้อีกแน่”
เย่หยวนตอบกลับไป “ไม่ต้องมีครั้งหน้าแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าลงมือในวันนี้เลย”
“เย่หยวน…”
เล้งซู่กำลังคิดที่จะเข้ามาห้ามแต่เย่หยวนก็บอกขึ้นก่อน “พี่เล้ง รอก่อนเถอะ เดี๋ยวไว้เราไปดื่มกันอีกสักร้อยชาม!”
เถี่ยยิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ไอ้เจ้าคนอวดดี! ในเมื่อเจ้าเลือกหนทางหายนะแก่ตัวเองข้าก็จะไปส่งเจ้าให้ถึงที่”
พูดจบเถี่ยยิงก็ปล่อยคลื่นพลังโลกออกมาใส่เย่หยวนอย่างรุนแรงอีกครั้ง
บนร่างของเย่หยวนในตอนนี้ปรากฏลายสีฟ้าขึ้นมารับพลังโลกของเถี่ยยิงไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น
“เทพสายฟ้าพิโรธ!”
เถี่ยยิงยกค้อนเทพสายฟ้าของตนขึ้นสูง ในเขตแดนของพลังโลกนี้มันเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่งและสายฟ้าฟาดไปทุกหนแห่ง เป็นความรุนแรงที่เหนือล้ำ
ภาพของสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างบ้าคลั่งในตอนนี้มันเป็นภาพที่แสนน่ากลัวจนทำให้ผู้คนต้องลืมหายใจ
แต่เย่หยวนยืนอยู่ภายในเขตแดนนั้นราวกับว่าภาพตรงหน้ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิด
เขามองดูที่เถี่ยยิงก่อนจะยกดาบฝ่าน้ำค้างแข็งของตัวเองขึ้นมาบ้าง “พลังฝีมือไม่เลว เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ! ข้านั้นเพิ่งสำเร็จวิชาดาบใหม่มา คงต้องขอลองใช้เพลงดาบนี้กับเจ้าหน่อยแล้ว”
เถี่ยยิงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เจ้าเด็กโง่เง่าแสนอวดดี คิดจะใช้ข้าลองดาบนั้นมันต้องแลกมาด้วยชีวิตของเจ้า! ตายเสีย!”
เถี่ยยิงทุบค้อนเทพสายฟ้าออกมาเล็งตรงมายังหัวของเย่หยวน
ในวินาทีนี้สายฟ้าที่ฟาดอย่างบ้าคลั่งไปทั่วกำลังพุ่งตรงมายังร่างของเย่หยวนเป็นสายเดียว
เห็นเช่นนั้นเล้งซู่ก็ได้แต่ร้องเตือนพร้อมหน้าซีดเผือด “ระวัง!”
เขากำลังคิดที่จะพุ่งตัวเข้าไปช่วยเย่หยวนก่อนจะพบว่าเสียงของเย่หยวนตอบกลับมาไม่ไกลตัวเขา “ใจเย็นก่อน ข้าไม่เป็นไร”
ตอนนั้นเองที่เย่หยวนขยับตัวบ้าง!
“ดาบตัดผ่ามิติ!”
เล้งซู่รู้สึกเหมือนทุกอย่างตรงหน้าเบลอลงก่อนจะพบว่าร่างของเย่หยวนได้หายไปจากจุดเดิมแล้ว
เมื่อเขาปรากฏกายออกมาอีกครั้งมันก็อยู่ด้านหลังของเถี่ยยิงไปเสียแล้ว
เล้งซู่เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง “การเคลื่อนย้ายมิติ! นี่มันการผสานแนวคิด!”
มีหรือที่เล้งซู่จะแยกไม่ออกว่าเย่หยวนได้ทำการผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติและแนวคิดแห่งดาบเข้าด้วยกัน? แม้ว่าภาพที่แสดงออกมามันจะไม่หวือหวาแต่พลังของมันนั้นแน่นอน
ตอนนี้สายฟ้าทั้งหลายนั้นกำลังจางหายกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”
ดวงตาของเถี่ยยิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง
จากนั้นร่างของเขาก็ล้มลง
จนสุดท้ายมันก็หายไปสิ้น
ก่อนจะตาย ดูเหมือนเขาจะได้เผชิญกับความน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
ดาบนี่ของเย่หยวนคือดาบที่ตัดทำลายมิติได้ ทำให้ร่างกายของเขาแหลกสลายหายไป
หลังจากเรียนรู้อยู่นานถึงสามปีเย่หยวนนั้นไม่ได้เรียนรู้มาเพิ่มแค่แนวคิดแห่งห้วงมิติ แต่เขายังสามารถผสานแนวิคดได้แนบแน่นยิ่งขึ้นสร้างวิชาดาบกระบวนท่าใหม่นาม ‘ดาบตัดผ่ามิติ’ ขึ้นมา
วิชาดาบกระบวนนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้าใจของเย่หยวนต่อวิชายุทธและใช้พลังแนวคิดออกมาอย่างถึงที่สุด
มันมีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้
เมื่อพลังนี้ถูกปล่อยออก มันไม่ใช่แค่จะรวดเร็วและรุนแรงแต่มันถึงขั้นสามารถทำลายมิติตรงจุดที่ดาบตัดผ่านให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้!
เล้งซู่มองดูภาพนั้นด้วยความตื่นตกตะลึงจนไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างลงได้
นภาสวรรค์สี่ดาวนั้นเป็นดั่งขุนเขาต่อหน้านภาสวรรค์สามดาว
แต่เย่หยวนที่เพิ่งบรรลุนภาสวรรค์สองดาวมาได้กลับสังหารนภาสวรรค์สี่ดาวลงด้วยดาบเดียว
นี่คือพลังที่แม้แค่ได้ยินยังต้องขนลุกทั้งร่าง
โดยเฉพาะดาบที่เขาใช้ออกมานั้น มันทำให้ผู้คนแทบลืมหายใจจริงๆ
แม้ว่าเล้งซู่จะมีฝีมือเหนือกว่าเถี่ยยิงแต่กระบวนท่าดาบนี้แม้จะเป็นตัวเขาก็รู้สึกใจหายวาบเมื่อได้เห็นมันและรู้ได้ทันทีว่าตัวเองก็คงไม่อาจรอดไปจากมัน!
เย่หยวนเก็บดาบลงและยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าก่อนจะหันหน้ามาหาเล้งซู่ด้วยรอยยิ้ม “พี่เล้ง ไปดื่มกัน”
เล้งซู่ผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะลั่นออกมา “ฮ่าๆ ได้สิ! วันนี้ข้าไม่แพ้เจ้าแน่!”
เย่หยวนเองก็หัวเราะลั่น “แค่คออ่อนๆ ของเจ้าน่ะหรือจะมาเทียบเคียงกับขี้ฟันข้าได้?”
ทั้งสองหัวเราะร่าเดินไปยังร้านสุราแห่งนั้นพร้อมๆ กัน
……………………….