ไฟที่พลุกพล่านลามไปทั่วจนแทบไหม้ทุกตารางนิ้ว
ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างตรงหน้ามันเหมือนราวกับดินแดนแห่งความตาย
ภายใต้พลังขนาดนี้ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้เองก็ยังยากที่จะรอดชีวิตกลับไปได้
“ศิษย์น้องหญิงตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง”
ฉูชิงยิ้มร่าออกมาด้วยท่าทางมั่นใจก่อนจะเข้าไปจับมือของเล้งชิวหลิงไว้
นั่นทำให้เล้งชิวหลิงผงะไปทันทีก่อนจะรีบดึงมือของตนกลับ
ฉูชิงจึงได้แต่ยืนนิ่งด้วยท่าทางอับอายไม่น้อยก่อนจะฝืนกลับมายิ้ม “ตามมาอย่าได้ห่าง”
พูดจบฉูชิงก็เดินมุ่งนำหน้าออกไปสู่ส่วนลึกของเทือกเขา
โชคยังดีที่เหล่าคนในพันธมิตรพันทะยานนั้นมีฝีเท้าที่รวดเร็วจนหนีออกจากพื้นที่มหาค่ายกลได้อย่างรวดเร็ว
แต่ความอันตรายนั้นมันก็ตามมาไม่ห่าง
เพราะแม้ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายจะวิ่งมาจนถึงขอบของเขตแดนแล้วแต่ไฟก้อนมหึมามันก็ยังพุ่งเข้าใส่พวกเขาอยู่เป็นครั้งคราวทำให้ยอดฝีมือมากมายต้องสูญเสียชีวิตไป
เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายนั้นมีพลังฝีมือที่ไม่อ่อนแอ แต่สุดท้ายพวกเขาทั้งหลายก็ยังต้องพ่ายให้แก่เพลิงเหล่านี้
ส่วนพวกฉูชิงและคนอื่นๆ ที่เป็นได้เพียงผู้น้อยนั้น พวกเขาได้แต่ต้องรวมตัวกันหนีเป็นหมู่
แต่ในการเดินทางหนีนี้มันมีฉูชิงเป็นหัวนำตัดฝ่าเพลิงทำให้การเดินทางของพวกเขาทั้งหลายนั้นง่ายดายขึ้นมาก
แต่จู่ๆ เขาก็ได้สังเกตเห็นว่ามีเด็กหนุ่มคนนี้ได้ติดตามเล้งชิวหลิงมาตั้งแต่ต้นจนตอนนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นออกมา
“เด็กน้อย เจ้ามิใช่ศิษย์ของคฤหาสน์พันทะยานใช่หรือไม่? ไปให้พ้นเสีย พวกเราไม่ต้องการขยะไร้ค่ามาตามติด!” ฉูชิงกล่าวขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ
ในสายตาของเขานั้นเย่หยวนที่เป็นแค่นภาสวรรค์สองดาวย่อมเห็นว่ากลุ่มของพวกเขามีพลังฝีมือที่สูงส่งจึงตามมาเพื่อหาที่ปลอดภัยหลบ
มีหรือที่เขาจะยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น?
เล้งชิวหลิงกล่าวขึ้น “ศิษย์พี่ฉู เย่หยวนนั้นเป็นสหายของข้า”
นั่นทำให้ฉูชิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “อ่า ที่แท้เป็นสหายศิษย์น้องเล้งนี่เอง งั้นก็ไม่เป็นไร ข้าแค่คิดว่าจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก คนที่ไม่คิดช่วยอะไรย่อมไม่สมควรได้รับผลประโยชน์ใด!”
เย่หยวนแค่ยิ้มตอบกลับไป
แต่เป็นเวลานี้เองที่ซัวหานกลับเปิดปากพูดออกมาแทน “หึๆ ข้าว่าไม่ใช่แค่สหายกันเฉยๆ ล่ะมั้ง? ข้าได้ยินว่าท่านเจ้าเมืองกู่ถึงขั้นคิดจะจับคู่ศิษย์น้องเล้งกับเย่หยวน! ศิษย์น้องเล้งข้าขอยินดีด้วยจริงๆ!”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวสีหน้าของทุกคนย่อมเปลี่ยนแปลงไป
คนเหล่านี้ทั้งหมดเป็นยอดคนของรุ่นหนุ่มสาว อ่อนแอที่สุดยังเป็นถึงนภาสวรรค์สี่ดาว
แล้วมีหรือที่นภาสวรรค์สองดาวเช่นนี้จะควรค่ากับเล้งชิวหลิง?
ที่สำคัญตอนนี้มันมีฉูชิงให้นำมาเทียบด้วย!
ได้ยินเช่นนั้นฉูชิงก็ผงะไปก่อนจะหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาอาฆาต
ได้เห็นเช่นนั้นซัวหานก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมา
เขารู้ดีว่าแค่คำพูดเดียวนี้มันก็มากเกินพอ
เล้งชิวหลิงได้แต่ขมวดคิ้วแน่นสายตาที่นางมองไปยังซัวหานนั้นมันเย็นเยือก
แต่มีหรือที่ซัวหานจะยังคิดสนใจ? แต่ตอนนี้เขาย่อมไม่คิดสนใจใดๆ กับนางอีกแล้ว
ตอนนี้ต่อให้ไม่ต้องมีเย่หยวนเรื่องราวต่างๆ นาๆ นั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับเขาอีกต่อไปแล้ว
แข่งกับฉูชิง?
นั่นมันรนหาที่ตายชัดๆ!
ฉูชิงเองก็ไม่คิดยอมแพ้และกล่าวขึ้นมาต่อหน้าเล้งชิวหลิง “โอ้? ถึงขั้นได้รับการสนับสนุนจากท่านเจ้าเมืองกู่ ดูท่าน้องเย่คนนี้จะมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำผู้คน! จบเรื่องราวแล้วฉูคนนี้อยากขอประลองด้วยจริงๆ”
แค่คำพูดเดียวนี้มันก็ได้กลิ่นของสงครามที่เริ่มปะทุขึ้นแล้ว
เย่หยวนหันไปมองเขาอย่างเย็นชา “ใครเป็นพี่เป็นน้องเจ้า? เจ้ามีค่าพอหรือ?”
นั่นทำให้ทุกผู้คนต่างผงะไปไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะยืนกรานไม่ยอมแพ้เช่นนี้
ฉูชิงเองก็ไม่คาดคิดถึงคำตอบนั้นเช่นกัน เขาคิดว่าเย่หยวนอาจจะยอมแพ้เมื่อได้ยินว่ามีอุปสรรคข้างหน้า ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับไม่สนใจและตอกหน้าเขากลับมาอย่างแรงเช่นนี้
เย่หยวนย่อมไม่คิดไว้หน้าเขาแต่อย่างใด แม้ว่าเขานั้นจะไม่ได้คิดเกินเลยใดๆ กับเล้งชิวหลิงแต่คนพวกนี้มันก็มาทำวางท่าเหมือนเขาเป็นศัตรูไปเสียก่อนแล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือฉูชิงนั้นเป็นคนหลงตัวชอบมองคนอื่นจากมุมที่สูงกว่า
แค่เห็นเขามีพลังบ่มเพาะต่ำก็คิดจะไล่เขาออกจากกลุ่ม
แท้จริงแล้วหากไม่ใช่เพราะคิดปกป้องเล้งชิวหลิงมีหรือที่เย่หยวนจะทนเดินทางมากับคนเหล่านี้
ทั้งอย่างนั้นฉูชิงคนนี้กลับหลงตัวเองอวดอ้างว่าเย่หยวนนั้นมาเพื่อหาผลประโยชน์จากพวกตน
ฉูชิงหน้าเปลี่ยนสีและกล่าวขึ้น “คนเขาอุตส่าห์ไว้หน้ากลับไม่รับ! หากเป็นเช่นนั้นแล้วเจ้าก็อย่าได้ตามพวกเรามาอีก เพราะอย่างไรเสียเราก็เป็นแค่คนไม่รู้จักกัน”
เล้งชิวหลิงขมวดคิ้วแน่นทันที “เย่หยวนนั้นคือแขกของเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานของข้า หากกลุ่มนี้ไม่มีเขา มันก็ย่อมไม่มีข้า”
นั่นทำให้ฉูชิงผงะไปไม่น้อย สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความริษยา
เขาไม่นึกไม่ฝันว่าเล้งชิวหลิงนั้นกลับไม่คิดสนใจไว้หน้าเขาและจะทำตัวขัดขืนดื้อด้านขึ้นมาในเวลานี้
“หึ! ถือว่าเห็นแก่หน้าศิษย์น้องเล้งแล้วกัน เรื่องในวันนี้ฉูคนนี้จะจำมันไว้!” ฉูชิงพูดขึ้น
ครึม!
จู่ๆ ก็เกิดคลื่นไฟโจมตีออกมาอีกครั้งทำให้ทุกคนหน้าถอดสีกันยกใหญ่ด้วยความหวาดกลัว
“ฉูชิง คลื่นเพลิงระลอกนี้มันรุนแรงมาก พวกเจ้าระวังตัวเอง! จำไว้ อย่าได้แยกกลุ่มกัน!” จีคังตะโกนบอกขึ้นมา
“ได้ขอรับผู้อาวุโสจี!” ฉูชิงตะโกนรับ
พูดจบเขาก็หันหน้ากลับไปหาทุกผู้คน “ทุกคนตอนนี้เราต้องร่วมมือกันด้านเพลิงระลอกนี้ ฟังคำสั่งข้า! ศิษย์น้องเล้งเจ้ามาหลบด้านหลังข้า”
ฉูชิงนั้นทำท่าทางแข็งขันอย่างไม่กลัวตายราวกับว่าทุกสิ่งอย่างตรงหน้ามันอยู่ภายใต้การควบคุมจนสิ้นแล้ว
เล้งชิวหลิงนั้นไม่ได้คิดจะตอบกลับไปแต่เมื่อเห็นเย่หยวนพยักหน้าให้นางจึงได้ถอยไปด้านหลังตามสั่ง
“อ่า อ้าก…” เสียงร้องลั่นตามมาไม่ขาดสายเหล่านักยุทธที่อ่อนแอหน่อยนั้นได้ถูกเผาจนบาดเจ็บมอดไหม้ไปหลายคน
“เย่หยวน เวลานี้เป็นวิกฤตความเป็นความตายเจ้ายังคิดจะหลบอยู่ข้างหลังเหมือนเป็นสาวน้อยอีกหรือ?” เมื่อฉูชิงเห็นว่าเย่หยวนเอาแต่หมกตัวอยู่ด้านหลังเขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่าขึ้น
แต่เย่หยวนแค่ยิ้มตอบ “พวกเจ้าทั้งหลายนั้นแข็งแกร่ง ข้าเป็นแค่เด็กน้อย หลบข้างหลังย่อมปลอดภัยกว่า”
คำพูดเหล่านี้มันทำให้เกิดอารมณ์ดูถูกขึ้นอย่างมาก
เหล่าวีรบุรุษทั้งหลายต่างคิดว่าตัวเย่หยวนนี้ช่างไร้ยางอาย
แต่ทว่าตอนนี้มันมิใช่เวลาที่จะมาดูถูกเย่หยวน
“ทุกคนฟังข้าสั่ง พวกเจ้าทั้งหลายจงใช้กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดออกมาต้านคลื่นเพลิงไว้! ปล่อยได้!” ฉูชิงร้องสั่งให้คนทั้งหลายโจมตีเข้าพร้อมๆ กัน
เมื่อดาบถูกฟาดออกมาพร้อมๆ กันพลังหลากสีก็พุ่งผ่านท้องฟ้าราวสายรุ้งรับคลื่นเพลิงนั้นไว้
พึบ! พึบ! พึบ!
ตอนนี้เหล่าปราณเทวะมากมายหลายเจ้าของ ต่างรวมพลังกันอยู่ในเทือกเขาเพื่อที่จะรับมือกับเจ้าเพลิงอย่างพร้อมเพรียง
ฟู่ ฟู่ ฟู่…
แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายนี้จะเป็นยอดอัจฉริยะหนุ่มสาวขนาดไหนแต่เจ้าค่ายกลวายุนิรันดร์เพลิงสวรรค์มันก็แสนที่จะรุนแรงจนส่งร่างของพวกเขาหลายคนปลิวลอยกระอักเลือดไปด้านหลัง
ตอนนี้ร่างกายของฉูชิงเองก็มีสภาพไม่สู้ดีนัก เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นพร้อมด้วยรอยไหม้เต็มตัว
แต่ทว่าคลื่นเพลิงนั้นมันกลับสงบไปแค่ชั่วครู่ก่อนจะโหมกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ฉูชิงหน้าถอดสีทันทีที่เห็นและร้องสั่ง “ทุกคนรีบหนีเร็ว! เพลิงเหล่านี้มันมิอาจถูกหยุดไว้ได้!”
พูดไปเขาก็รีบวิ่งพุ่งตัวหนี จะยังมีเวลามาสนใจเล้งชิวหลิงอีกหรือ?
พรึบ!
เพลิงนี้กลืนกินพื้นที่กว้างขวางในพริบตาตามมาด้วยเสียงกรีดร้องมากมาย
เหล่ายอดคนหนุ่มสาวหลายคนต้องตายตกลงไม่มีเวลาได้หลบหนีใดๆ ถูกเพลิงกลืนกิน
ฉูชิงและเหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆ ที่หนีมาได้เองก็มีเหงื่อไหลท่วมกายตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ทราบว่าวิ่งหนีมานานแค่ไหนแต่ในที่สุดก็หลบรอดพ้นจากการกลืนกินของคลื่นเพลิง
แต่เมื่อเขาหันหลังไป ฉูชิงกลับพบว่ามันไม่มีร่องรอยของเล้งชิวหลิงทำให้เขาอดหน้าถอดสีไม่ได้
“ซัวหาน เจ้าเห็นศิษย์น้องเล้งไหม?” ฉูชิงถามซัวหานที่มีสภาพดูไม่จิดเช่นกันขึ้นมา
ซัวหานนั้นวิ่งจนแทบหายใจไม่ทัน เมื่อได้ยินคำของฉูชิงเขาจึงได้แต่ส่ายหัวตอบกลับไป “ม-ไม่เห็น! ทุกคนต่างแยกย้ายกันหลบหนี มีหรือที่ข้าจะยังมีเวลาไปสนใจนาง?”
ฉูชิงขมวดคิ้วแน่นทันที ตอนนี้ดวงตาของเขาจ้องมองกลับไปยังทางที่มาและพบว่าเส้นทางทั้งหลายนั้นมันได้ถูกคลื่นเพลิงกลืนกินจนสิ้น กลายเป็นทะเลเพลิงไปเสียแล้ว
…………………………