“ไม่ใช่พลังของตน? แล้วมันจะเป็นพลังอะไรกันที่สามารถป้องกันพลังที่แข็งแกร่งปานนั้นได้?” จี้ฉุนถามขึ้น
เทพสวรรค์โหมวหยู่ยิ้มตอบ “ดูท่าแล้ว… เด็กคนนี้มันคงมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับจอมเทพนิรันดร์แน่!”
จี้ฉุนเบิกตากว้างด้วยความรู้สึกที่เหมือนทุกสิ่งอย่างมันกระจ่างชัดขึ้นมา
ตอนนั้นเองก็เป็นเวลาที่ดาบแสงจางลงเผยให้เห็นเงาร่างของเย่หยวนอีกครั้งที่ยังคงยืนอยู่ในท่าเดิม
ทุกผู้คนต่างแทบลืมหายใจด้วยความรู้สึกที่ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมาตรงหน้า!
“สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์! เขากำลังจะได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาครองแล้ว!”
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นจะสามารถผ่านค่ายกลดาบระดับเก้ามาได้จริง
แต่เมื่อเขาผ่านมาได้จริงแล้ว มันก็ย่อมจะหมายความว่าเย่หยวนนั้นกำลังจะได้ครองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์
เรื่องนี้มันทำให้ผู้คนแทบคลั่งตาย!
เย่หยวนค่อยๆ เปิดตาลืมขึ้นพร้อมพลังคลื่นดาบที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาอย่างรุนแรง
ตอนนี้แนวคิดแห่งดาบของเย่หยวนนั้นได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นจนถึงห้าดาวขั้นปลายแล้ว!
อย่างที่เทพสวรรค์โหมวหยู่ได้ว่าไว้ ที่ผ่านมาสองระดับนี้เย่หยวนได้กำลังทำความเข้าใจในดาบอยู่จริงๆ
“ยินดีด้วยที่ผ่านค่ายกลดาบสังหารสวรรค์มาได้ ตอนนี้เจ้าจะได้รับสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์… ธงศึกดาวฤกษ์ไป!”
จากนั้นแสงดาวบนท้องฟ้ามันก็ร่วงลงมาอยู่ในมือของเย่หยวนเปลี่ยนกลายเป็นผืนธงใบเล็กสีดำ
เจ้าธงผืนน้อยนี้มันให้ความรู้สึกอันแสนล้ำค่าอย่างที่ไม่อาจหยั่งถึงทำให้นักยุทธ์ทั้งหลายต้องหันมามองด้วยความริษยา
เย่หยวนขยับข้อมือและส่งธงผืนน้อยนี้หายไปในอากาศ
จากนั้นไปเขาก็ค่อยๆ เดินไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายตรงหน้า
เมื่อแสงสว่างขึ้นร่างของเย่หยวนก็ได้ปรากฏที่อีกฝั่งหนึ่งของค่ายกลดาบสังหารสวรรค์
‘ฟุบ!’
จากนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งตัวเข้าไปในค่ายกลดาบสังหารต่อทันที
เมื่อทุกคนหันไปมองมันก็สายไปเสียแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะใครก็ตามที่ยังอยู่ด้านนี้ต่างแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างชัดเจน
“ให้ตาย โดนเจ้านั่นตัดหน้าไปจนได้!” เทพถ่องแท้หลายคนต้องกระทืบเท้าลงทันที
เย่หยวนนั้นสามารถผ่านค่ายกลดาบสังหารสวรรค์นี้ไปได้และข้ามไปอยู่ยังอีกฝั่งของค่ายกลแล้วเรียบร้อย
ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ผ่านค่ายกลไปก่อน ก็ย่อมจะมีโอกาสเข้าไปแย่งชิงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ชิ้นนั้น
ในเวลาเช่นนี้มันย่อมเป็นการแข่งขันของความเร็ว
และคนที่ตอบสนองได้รวดเร็วที่สุดก็คือจี้ฉุน
มหาค่ายกลนั้นทำงานขึ้นอีกครั้งแน่นอนว่าสามระดับแรกมันย่อมไม่มีทางทำอะไรเขาได้
เมื่อเย่หยวนปรากฏร่างขึ้นมาที่อีกฝั่งบรรยากาศที่อีกด้านของค่ายกลมันก็เปลี่ยนไปทันที
“ฉูชิง ข้าได้ลองเจ้ามหาค่ายกลนี้ดูแล้วนะ แต่มันก็เท่านี้ เจ้าที่ไม่กล้าแม้แต่จะท้าทายระดับเจ็ดมันย่อมอ่อนแออย่างหามิได้!” เย่หยวนนั้นเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศตอนนี้และมองดูฉูชิงด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก
ฉูชิงได้แต่ยืนทื่อพร้อมนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของตัวเองก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาจึงแทบจะอยากมุดแผ่นดินหนีไปให้มันรู้แล้วรู้รอด
เย่หยวนนั้นท้าทายค่ายกลดาบสังหารสวรรค์นี้และบดขยี้เขาลงได้อย่างไม่มีชิ้นดี
ฉูชิงนั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าเย่หยวนรอดออกมาได้อย่างไรกันแน่
แต่ตอนนั้นเองที่จู่ๆ ฉูชิงก็รู้สึกได้ถึงมือที่มาตบลงยังบ่าก่อนจะหันไปเจอใบหน้าของจีคังเข้า
เวลานี้เขาจึงกลับมาตั้งสติได้
เย่หยวนจะผ่านค่ายกลดาบสังหารสวรรค์มาได้แล้วทำไม?
ผู้ร่ำรวยนั้นย่อมเสียท่าให้แก่ความโลภของโจรร้าย!
ตอนนี้การที่เย่หยวนมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ในครอบครองมันทำให้เขานั้นได้กลายเป็นศัตรูกับทุกผู้คน
เขาหันไปมองดูรอบๆ และก็พบสายตามากมายที่มองดูเย่หยวนราวสัตว์ป่าที่หิวโหย
“หึ แล้ว? เมื่อต้องเจอกับความตายเจ้าจะยังมีปัญญามาสนใจข้าอีกหรือ?” ฉูชิงหัวเราะเย้ย
จีคังหันมาบอกเย่หยวน “ส่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาแล้วข้าจะทำให้เจ้าไม่ต้องเจ็บตัวมาก”
“จีคัง เจ้าคิดอยากยึดครองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ไปไว้คนเดียว?”
ตอนนั้นเองที่เหล่าเทพถ่องแท้ขั้นปลายอีกหลายคนต่างพูดขึ้นมาตามๆ กันด้วยสีหน้าไม่ค่อยเป็นมิตร
จีคังนั้นตอบกลับไปด้วยใบหน้าเฉยชา “พวกเจ้าทั้งหลายกล้าต่อต้านยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างข้า?”
เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายจึงกล่าวบอกขึ้น “ฮ่าๆ จีคัง เจ้าจะเล่นตลกหรือ? ในมิติวิเศษนั้นเจ้ากลับคิดใช้ชื่อยอดเมืองหลวงมาข่มขู่ผู้คน? ตราบเท่าที่เราได้รับสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ใครจะกล้ารับรองว่าพวกเราทั้งหลายจะไม่สามารถกลายเป็นเทพสวรรค์ได้บ้าง? ถึงเวลานั้นข้ายังต้องมากลัวยอดเมืองหลวงอันแสนยิ่งใหญ่ของเจ้าอีกหรือ?”
เมื่ออยู่ต่อหน้าสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เช่นนี้มันย่อมไม่มีใครจะใจเย็นได้
จีคังขมวดคิ้วแน่น “แค่ขยะอย่างพวกเจ้าก็คิดกล้าแย่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ไปจากข้า? เจ้าไม่รู้สึกหรือตอนที่ผ่านค่ายกลดาบสังหารสวรรค์มา? ว่าตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องกดทับพลังบ่มเพาะอีกต่อไปแล้ว?”
‘ปัง!’
บนร่างของจีคังปรากฏคลื่นพลังอันน่ากลัวแผ่ออกมาทำให้เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายต้องหน้าถอดสีไปทันที
เทพถ่องแท้เก้าดาว!
นี่คือพลังของเทพถ่องแท้เก้าดาวอย่างแท้จริง!
เจ้าค่ายกลดาบสังหารสวรรค์นี้มันเป็นเหมือนน้ำล้างตัวที่พอพวกเขาทั้งหลายผ่านค่ายกลมาได้แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
เมื่อได้พลังดั้งเดิมของตนกลับมาจีคังย่อมเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายนั้นแม่จะเป็นเทพถ่องแท้แปดดาวก็ไม่อาจต้านทานเขาได้
แต่เทพถ่องแท้คนที่พูดขึ้นมาทีแรกกลับไม่ยอมแพ้ “เรามีกันตั้งมากมายจะไปกลัวมันทำไม? มันนั้นคือเทพถ่องแท้เก้าดาว หาใช่เทพสวรรค์ไม่ หากเราร่วมมือกันมันก็ไม่แน่หรอกว่ามันคนนี้จะต้านทานเราได้!”
จีคังหรี่ตามองอย่างรุนแรงไปยังเหล่าเทพถ่องแท้ภายใต้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้าง “พวกเจ้าทั้งหลายเล่า? คิดจะร่วมมือกับคนเถื่อนเหล่านี้จัดการข้าหรือไม่?”
คนทั้งหลายนั้นหันไปมองหน้ากันด้วยความลังเล
เพราะตำแหน่งของพวกเขาในตอนนี้มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
จะบอกว่าพวกเขาไม่ได้สนใจในสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มันก็คงมิใช่
แต่หากพวกเขาทั้งหลายนี้ลงมือแล้วมันจะไม่มีทางถอนตัวได้อีกเลย
‘ปัง!’
เวลานั้นเองที่เกิดพลังอันรุนแรงอีกสายหนึ่งปะทุขึ้นมาแถมยังสามารถยืนหยัดเทียบเคียงกับจีคังได้!
เทพถ่องแท้เก้าดาวอีกคน!
เทพถ่องแท้เก้าดาวคนนั้นหัวเราะบอก “หึๆ จีคัง มันก็จริงที่ว่าเจ้านั้นมาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้าง แต่เจ้าเองก็เป็นแค่เทพถ่องแท้เก้าดาว เจ้ามีสิทธิ์ใดไปสั่งให้พวกเขาทั้งหลายถอนตัว? สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้นได้รับมาตามโชคชะตาของแต่ละคน เจ้าจะไม่ใช้ชื่อยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างมากเกินไปหน่อยหรือ?”
ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่จีคังเกิดเปลี่ยนสีหน้าขึ้นมา
“หยางอี้เต่า! ที่แท้เจ้าก็ปกปิดพลังมาตลอด!” จีคังหรี่ตามองไปที่อีกฝ่าย
พวกเขาทั้งหลายนั้นตื่นตกใจอย่างมาก เพราะหยางอี้เต่าคนนี้คือนักยุทธจรคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมด้วยคลื่นพลังของเทพสวรรค์เจ็ดดาว
แต่ตอนนี้เขากลับสามารถปล่อยพลังของเทพสวรรค์เก้าดาวออกมาได้!
แน่นอนว่าเขานั้นคิดปกปิดพลังฝีมือตลอดมาเพื่อหลอกลวงผู้คน
หยางอี้เต่ายิ้มเย้ย “จีคัง ตอนนี้หยางคนนี้จะมีสิทธิ์พอท้าทายเอาสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้ไปจากเจ้าไหม?”
พูดจบเขาก็หันไปพูดกับเย่หยวนต่อ “เด็กน้อย เจ้านั้นมีพรสวรรค์ที่ไม่เลว จะมาตายตรงนี้มันคงน่าเสียดายเกินไป ส่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาให้ข้าแล้วข้าจะรับประกันชีวิตเจ้าให้!”
จีคังหรี่ตามองทันที “เย่หยวน ตราบเท่าที่เจ้าส่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาให้ข้า ข้าจะพาเจ้าเข้าไปฝึกฝนที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างอย่างจริงจัง! ด้วยพรสวรรค์ของเจ้ามันคงทำให้ทั้งโลกต้องตื่นตะลึงอย่างแน่นอน!”
พรสวรรค์ของเย่หยวนนั้นทุกผู้คนต่างเห็นมากับตาแล้ว มันย่อมไม่มีทางเป็นของปลอมไปได้
ในหัวใจของพวกเขาทั้งหลาย ไม่มีใครที่ไม่คิดยอมรับในตัวเย่หยวน
แต่ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จิตใจของผู้คนมันก็หยาบช้า ต่อให้จะมีพรสวรรค์ไปแล้วมันจะทำอะไรได้?
เทพถ่องแท้แปดดาวคนก่อนหน้านั้นก็พูดขึ้นมาบ้าง “หึ! เทพถ่องแท้เก้าดาวมันเก่งกาจมากนักหรือ? เรื่องที่พวกเจ้าทั้งสองพูดมามันก็เหมือนการผายลม คิดว่าเย่หยวนจะโง่ปานนั้น? เย่หยวนเจ้าส่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาให้ข้า ด้วยพวกเราทั้งหลายร่วมมือมันย่อมรักษาชีวิตเจ้าไว้ได้! ข้าซัวพานขอสาบานต่อเต๋าสวรรค์ว่าข้าจะรักษาคำพูดนี้!”
ในเวลานี้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างไม่คิดยอมแพ้ให้แก่กันพยายามพูดกล่อมให้เย่หยวนส่งมอบสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ให้
จนในที่สุดเย่หยวนที่เงียบมาตลอดก็อดไม่ได้ต้องหัวเราะขึ้นมา
“นี่ พวกเจ้าจะเข้าข้างตัวเองกันไปหน่อยไหม? ข้าไปบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะมอบสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้ให้?” คำพูดของเย่หยวนนั้นมันเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด
…………………………