ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเต็มที่ เพราะพลังปิดกั้นของวังสวรรค์นิรันดร์นี้มันช่างแสนรุนแรง
เฉียวหยวนเองก็ตื่นตกใจไม่น้อยก่อนจะหันมาบอกเทพถ่องแท้อีกคนหนึ่ง “เจ้าไป!”
แต่ครั้งนี้คนที่เขาชี้กลับกลายเป็นหยางอี้เต่า
เมื่อหยางอี้เต่าได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงทันที “ทะ…ท่านเทพสวรรค์ เราก็ทดสอบกันไปแล้วมิใช่หรือ?”
เฉียวหยวนหัวเราะขึ้น “ไม่ทดสอบให้มากกว่านี้แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจุดอ่อนของการปิดกั้นนี้มันอยู่ที่ใด?”
แค่คำพูดเดียวนี้มันก็ทำให้ทุกผู้คนตัวแข็งทื่อ
จีคัง ซัวพานและเหล่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้ทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมา
เพราะเรื่องราวตรงหน้านี้มันคือหายนะที่เข้ามาหาอย่างไม่เลือกหน้า
หยางอี้เต่านั้นรู้ตัวดีว่าคงไม่มีโอกาสรอด จู่ๆ เขาก็ก้มลงคุกเข่าต่อหน้าเย่หยวน
เขารู้ดีว่าตอนนี้มันคงมีแค่เย่หยวนเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้
“นะ…น้องเย่! ดะ…ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
เย่หยวนเองก็มึนงงกับเรื่องราวที่เกิดตรงหน้านี้เช่นกัน เพราะจู่ๆ เทพถ่องแท้เก้าดาวคนหนึ่งกลับก้มหัวให้เขาง่ายๆ อย่างนี้?
เมื่อเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายเห็นภาพนี้พวกเขาทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้าร่วมกันไปด้วย
แต่ตอนนี้เหล่านภาสวรรค์ที่เหลือจำนวนไม่มากแล้วกลับเป็นฝ่ายที่รู้สึกปลอดภัยแทน เพราะต่อให้พวกเขาทั้งหลายจะเข้าไปในวังมันก็คงช่วยพิสูจน์อะไรไม่ได้มากมาย
เมื่อเฉียวหยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่นออกมาทันที
“หึๆ หากเจ้ารู้มาแต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ทำไมก่อนหน้าจึงได้ทำตัวเช่นนั้นเล่า? เขาผู้นี้ได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาด้วยฝีมือความสามารถของตนแต่พวกเจ้ากลับคิดข่มเหงรังแกผู้คน ตอนนี้พอเกิดเรื่องกลับหันหน้าไปขอพึ่งพาคนที่เจ้าคิดข่มแหง หลังจากนี้ไปเจ้าจะไม่หักหลังเขาอีกหรือ? เด็กน้อยเย่หยวน ข้าขอเตือนความจำเจ้าไว้ ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวมันคงอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่กี่วันหรอก”
เฉียวหยวนนั้นยิ้มกว้างออกมาไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าเย่หยวนจะคิดช่วยหยางอี้เต่า
ระหว่างทางที่พวกเขาเดินทางมาแม้พวกเขาจะเก็บซ่อนพลังไว้แต่เรื่องราวความขัดแย้งที่เย่หยวนพบเจอมันก็ย่อมไม่มีทางหลุดรอดพ้นสายตาไป
ถึงตอนนี้หยางอี้เต่าได้แต่นั่งหน้าดำด้วยความเสียใจ
‘ตุบ!’
‘ตุบ!’
‘ตุบ!’
หยางอี้เต่าตบหน้าตัวเองอย่างรุนแรง “เย่หยวน ข้าทำผิดพลาดไปแล้ว! มันเป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น! ข้าไม่ควรถูกความโลภเข้าครอบงำจนคิดแย่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์จากเจ้าเลย! แต่… แต่สุดท้ายแล้วพวกเราทั้งหลายก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เจ้าคิดจะปล่อยให้มีผู้คนต้องตายลงเพราะน้ำมือของปีศาจอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว! เย่หยวน ถึงตอนนี้พวกเราทั้งหลายควรร่วมมือกันจัดการศัตรูเผ่าปีศาจให้สิ้นเสียก่อน!”
“ทุกคนนั้นต่างเป็นกำลังหลักของเผ่ามนุษย์ เจ้าจะปล่อยเราตายไปไม่ได้!”
…
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางอี้เต่าเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างก็แสดงความเห็นชอบตามๆ กันออกมา พยายามคิดจะใช้กฎหมู่ในการบังคับเย่หยวน
เย่หยวนที่เดิมทียังลังเลไม่น้อยแต่เมื่อหยางอี้เต่าพูดเช่นนั้นออกมา เย่หยวนก็กลับแสดงท่าทีโกรธเคืองขึ้น
“พอ!”
เย่หยวนตะโกนลั่นขัดคำพูดของทุกผู้คนไว้
นั่นทำให้ทุกผู้คนหน้าถอดสี รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของเย่หยวนจากน้ำเสียงนี้ทันที
“หยางอี้เต่า หากเจ้ากลัวตายก็กลัวตายด้วยตัวเอง พยายามบิดเบือนดึงทุกผู้คนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วเจ้าคิดหวังว่าข้าจะใจอ่อนหรือ? หรือเจ้าแค่คิดว่าข้ามันยังเป็นเด็กน้อยไม่รู้จักโลก?” เย่หยวนมองดูหยางอี้เต่าด้วยรอยยิ้มแสนเย็นเยือก
หยางอี้เต่าหน้าซีดเผือดลงทันทีไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะฉลาดปราดเปรื่องปานนี้
ลูกไม้เล็กๆ ของเขานี้เย่หยวนกลับมองออกจนสิ้น
มันทำให้เขาตื่นตกใจอย่างมากเพราะแค่เด็กน้อยอายุไม่กี่พันปีกลับสามารถเข้าใจเรื่องราวบนโลกมองลูกไม้ผู้คนออกได้อย่างชัดเจน
เฒ่าที่อยู่มานับล้านปีนี้กลับไม่สามารถเล่นลูกไม้ใดๆ ต่อหน้าเด็กคนนี้ได้เลย
“แล้วก็พวกเจ้าทั้งหลาย! เจ้าเพิ่งรู้ตัวว่าตนเป็นมนุษย์หรือ? รู้ว่าเรามีศัตรูร่วมกันและควรจะต่อสู้ไปพร้อมๆ กัน? แล้วที่ผ่านๆ มาพวกเจ้าทำบ้าอะไรกันอยู่? ตอนที่พวกมันทั้งสองนี้ไล่ล่าติดตามข้าไปในถ้ำมีพวกเจ้าตัวไหนไหมที่ออกมาช่วยเหลือ? เดิมทีตอนที่จีคังทั้งหลายคิดข่มเหงรังแกผู้คนมีพวกเจ้าสักตัวไหมที่กล้าลุกขึ้นมาช่วยปกป้องข้า? ตอนนี้กลับมาคิดรักตัวกลัวตาย?”
สายตาของเย่หยวนนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยันมองผ่านหน้าทุกผู้คนไป
ไม่ว่าเขาจะมองผ่านไปทางใด เหล่าเทพถ่องแท้ที่ต้องสายตานี้เข้าก็ต้องก้มหัวลงทันที
เย่หยวนได้แต่พ่นลมหายใจด้วยความไม่พอใจ คนเหล่านี้อวดอ้างแนวคิดร่วมศัตรูของเผ่าพันธุ์แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่พวกเห็นแก่ตัว
คิดจะยกเรื่องศัตรูร่วมของเผ่าพันธุ์มนุษย์มาแล้วใช้กฎหมู่บังคับผู้คน
ที่เฉียวหยวนพูดมานั้นมันย่อมต้องเกิดขึ้นแน่ ต่อให้เขาจะช่วยเหล่าคนทั้งหลายนี้ผ่านเรื่องราวไป เมื่อใดก็ตามที่ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวจางหายไปเหล่าคนทั้งหลายนี้ก็จะกลับมาวางท่าเหนือหัวคนเหมือนเช่นก่อน
“ฮ่าๆ เด็กน้อย ข้าล่ะประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ดูท่าเจ้าจะเห็นเรื่องราวแจ่มชัดเสียยิ่งกว่าข้าอีก!” เฉียวหยวนหัวเราะลั่นออกมา
เย่หยวนหรี่ตาลงมองไปยังฝูงชนอีกครั้ง “ข้ารู้ดีว่าในหมู่มนุษย์เองก็ต้องมีเทพสวรรค์ซ่อนตัวอยู่เช่นกัน แต่…ข้าล่ะขอชื่นชมความอดทนของพวกท่านจริงๆ ถึงกลับทนทานมาได้จนป่านนี้ หึๆ คิดว่าจะปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปแล้วฉกฉวยจังหวะในโอกาสสุดท้ายกระมัง?”
คำพูดของเย่หยวนนั้นทำให้เฉียวหยวนหน้าถอดสีไป
พวกเขานั้นย่อมสงสัยว่าทางเผ่ามนุษย์เองก็อาจจะมีเทพสวรรค์แฝงตัวมา แต่ตอนนี้แม้จะมีหินรุ้งเจ็ดสีมาวางตรงหน้าพวกเขาก็ยังไม่คิดจะโผล่หน้าปรากฏตัวออกมา มันทำให้เฉียวหยวนคิดไปแล้วว่าแท้จริงมันอาจจะไม่มีเทพสวรรค์จากฝั่งมนุษย์มา
ไม่นึกว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็จะสงสัยเช่นกันว่าในหมู่มนุษย์นั้นมีเทพสวรรค์แฝงตัวเข้ามาด้วย
เย่หยวนกวาดสายตามองไปด้วยรอยยิ้มบางๆ “ไม่คิดจะตอบหรือ? พวกเจ้ามันคิดว่าข้าโง่งมนักกระมัง คิดจะปล่อยให้ข้าสู้กับเทพสวรรค์ของเผ่าปีศาจให้ตายกันไปข้าง? ขอโทษทีแล้วกัน แม้พวกเจ้าจะอยากหลบเลี่ยงแต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้หลบเลี่ยงแน่! ผู้อาวุโสขวังต้าว ฟันพวกมันสักที กดดันให้เทพสวรรค์ปรากฏตัวออกมาหน่อย!”
เมื่อเฉียวหยวนได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ เด็กน้อย เจ้านั้นมันช่างอำมหิต! ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
แต่คำพูดนี้กลับทำให้จีคังและพวกหน้าถอดสีทันที “เย่หยวน เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมาอย่างเย็นเยือก “อย่าว่าข้าเลย คิดจะโทษใครก็ขอให้ไปโทษเหล่าเทพสวรรค์เถอะ! ผู้อาวุโส จัดการ!”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวพยักหน้ารับพร้อมปล่อยพลังชั่วร้ายออกมาอย่างรุนแรงทำให้เหล่ายอดฝีมือมนุษย์ทั้งหลายต้องมีใบหน้าซีดเซียว
ต่อหน้าผีเทพสวรรค์ขวังต้าวพวกเขานั้นไม่มีกำลังใดๆ ที่จะไปต่อต้านได้เลย มันย่อมไม่ต่างอะไรจากหมูที่ได้แต่นั่งรอถูกเชือด
เมื่อดาบถูกฟันออก มันก็มาพร้อมคลื่นพลังที่บ้าคลั่ง
‘ฟุบ’
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวไม่คิดที่จะลังเลแม้แต่น้อยและฟันดาบออกมาอย่างเต็มแรง
นั่นทำให้เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายได้แต่ยืนมองตัวแข็ง ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้เข้าใจแล้วว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ล้อลเล่นกับพวกเขาจริงๆ
แต่ในเวลานั้นเองที่เกิดมีสองคลื่นพลังปะทุขึ้นมารับดาบนี้ไว้
‘ปัง!’
นั้นทำให้พลังของดาบจางหายและทุกสิ่งอย่างกลับเข้าสู่สภาวะเงียบงัน
คลื่นพลังที่ปะทุขึ้นมาท่ามกลางเหล่ามนุษย์นี้มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเหล่าเทพสวรรค์ของเผ่าปีศาจเลย
นั่นทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต้องหน้าถอดสีไปตามๆ กัน
จีคังหรี่ตาลงทันทีเมื่อต้องมองไปเห็นเงาร่างหนึ่งในสองนั้น “ท่านจ่าวมิน ท่าน… ท่านมาด้วย!”
จ่าวมินมองดูที่จีคังด้วยท่าทางไม่พอใจ “หึ! ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างเราต้องเสียหน้าสิ้นเพราะเจ้า!”
จีคังนั้นแสดงท่าทางอับอายออกมาเพราะการที่เขาถูกเด็กนภาสวรรค์คนหนึ่งกดดันจนถึงขนาดนี้มันย่อมเป็นคำดูถูกที่หนักหนากว่าสิ่งใดๆ ในชีวิต
แต่เขานั้นไม่มีทางเลือก!
นอกจากที่ว่าอีกฝ่ายมีพลังถึงระดับเทพถ่องแท้แล้ว เขายังมีเทพสวรรค์คอยปกป้องอยู่อีกด้วย!
แต่เป็นเทพสวรรค์อีกคนที่พูดขึ้นมา “หึๆ จ่าวมิน เจ้าเองก็อาจจะไม่ได้ดีไปกว่าจีคังหรอก เด็กคนนี้มันไม่ธรรมดา!”
“เลิกไร้สาระได้แล้ว! ตู้หง นี่คือเรื่องภายในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างข้า ไม่เกี่ยวใดๆ กับเจ้า!” จ่าวมินด่ากราดขึ้น
พูดจบจ่าวมินก็หันไปมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเย็นเยือก “เด็กน้อย เจ้าเองก็ช่างกล้า ถึงมาท้าทายยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างข้าได้! ผลที่ตามมามันย่อมเหนือล้ำกว่าที่เจ้าจะทนรับไหว!”
เย่หยวนมองดูเขาและจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา “เจ้าขู่ข้า? ผู้อาวุโสขวังต้าว กำจัดมันให้ข้าที!”
…………………………