ภายนอกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นมา
ชายหนุ่มคนนี้ยืนมือไขว้หลังอยู่กลางอากาศมองดูเมืองน้อยๆ ที่เบื้องล่างด้วยสายตาเหยียดหยาม
ซู่!
เมื่อชายหนุ่มคนนี้ปล่อยคลื่นพลังออกมามันก็ทำให้เกิดกระแสพลังปั่นป่วนไปทั่วทั้งเมือง
โซชูเจียและเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นเดิมทีต่างกำลังถามเรื่องราวคำถามต่างๆ นาๆ กับหนิงเทียนปิงอยู่
พวกเขานั้นติดใจสงสัยอย่างมากว่าเย่หยวนไปทำเรื่องใดมากันแน่ในเวลาหลายร้อยปีนี้และแน่นอนว่าต้องพยายามที่จะรู้ถึงมันให้ได้
แต่ในเวลานั้นเองที่เกิดคลื่นพลังอันแสนน่ากลัวเกรงนี้เข้ามาปกคลุมเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
โซชูเจียหน้าถอดสีจนขาวซีดทันทีพร้อมด้วยเหงื่อเย็นเหยียบไหลลงมาตามหน้าผาก
“นี่มัน… ช่างเป็นพลังที่แสนยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้?” โซชูเจียได้แต่ทำหน้าเหยเกพูดออกมา
คลื่นพลังนี้มันสุดแสนรุนแรงจนทำให้ผู้คนต้องหมดสิ้นหวังที่จะต่อต้าน
ส่วนเรื่องที่ว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหนกันนั้นโซชูเจียไม่อาจจะวัดประเมินได้เลย
ตงน้อยที่กำลังเล่นกับหมูสมบัติอยู่เมื่อสัมผัสได้เช่นนี้เขาก็แสดงใบหน้ามึนงงออกมาก่อนจะพูดขึ้น “ดูจากคลื่นพลังนี้แล้ว มันคงเป็นเทพสวรรค์แน่”
นั่นทำให้ทุกผู้คนหน้าถอดสีมองดูตงน้อยอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“ท-เทพสวรรค์? ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย?” โซชูเจียเป็นคนแรกที่พูดขัดขึ้น
เขานั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ถึงได้มีเทพสวรรค์มาเยี่ยมเยียน
“เย่หยวนอยู่หรือไม่? ให้มันออกมาพบเทพสวรรค์ผู้นี้!” ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงหนึ่งดังลั่นขึ้นทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เป็นการยืนยันคำของตงน้อย
เมื่ออีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าเทพสวรรค์เช่นนี้แล้วมันก็คงเป็นเทพสวรรค์ไม่ผิดแน่!
หลังจากหายตื่นตกใจโซชูเจียก็ได้นำพาเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายรีบรุดไปรับหน้าเขาผู้นี้
ร่างที่ยืนอยู่บนอากาศนั้นมันดูเลื่อนลอยแต่ก็เจิดจ้า ทำให้เหล่าโซชูเจียทั้งหลายไม่มีใครกล้าจะมองมันตรงๆ เสียด้วยซ้ำ
โซชูเจียคุกเข่าลงอย่างมีมารยาทก่อนจะถามขึ้น “เจ้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ โซชูเจียขอคารวะท่านเทพสวรรค์!”
แม้ว่าเขาจะไม่กล้ามองอีกฝ่ายตรงๆ เขาก็ยังพอจะจับเงาร่างได้จากหางตาและได้เห็นว่าเทพสวรรค์ผู้นี้ยังหนุ่มอยู่มาก ทำให้โซชูเจียต้องรู้สึกตื่นตะลึงขึ้นมาในหัวใจ
เขานั้นย่อมไม่เคยพบเคยเจอเทพสวรรค์มาก่อนในชีวิต แต่ต่อให้เป็นคนโง่แค่ไหนมันก็ยังพอรู้ว่าเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นคือเฒ่าที่มีอายุนับล้านๆ ปีมาแล้วทั้งสิ้น
แต่ชายหนุ่มเบื้องหน้าเขานี้กลับไม่ใช่!
เทพสวรรค์หนุ่มคนนี้มาจากที่ใดกันแน่?
ชายหนุ่มคนนั้นรับคำคารวะไว้และถามขึ้น “ใครคือเย่หยวน?”
ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ดูท่าเทพสวรรค์คนนี้จะมาเพื่อตามหาเย่หยวน
ในวินาทีนั้นบรรยากาศรอบๆ มันเงียบสงัดลงทันที
“ดูท่าพวกเจ้าจะคิดว่าเทพสวรรค์คนนี้เป็นเพื่อนเล่นสินะ?”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาทำให้บรรยากาศฟ้าเมฆเปลี่ยนแปลงไปทันที!
ฟ้าดินในระยะหนึ่งหมื่นกิโลเมตรรอบๆ นี้ต่างเกิดความโกลาหลวิปริตขึ้น
เมื่อจู่ๆ เทพสวรรค์ปล่อยพลังออกมาเช่นนี้ฟ้าดินมันย่อมเปลี่ยนสีจากหน้ามือเป็นหลังมือ!
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของผู้คนทั้งหลายที่จะได้เห็นพลังของเทพสวรรค์กับตาตัวเอง
และค่าเข้าชมนั้นมันคือชีวิต
หากมือนี้ซัดลงมา เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ทั้งเมืองคงแบนราบเป็นหน้ากลอง
โซชูเจียพยายามที่จะใช้พลังทั้งหมดในร่างออกมาเพื่อจะโกนร้องบอก “ท่านเทพสวรรค์โปรดสงบใจก่อน เย่หยวนนั้น… เขาไม่ได้อยู่ในเมือง ณ เวลานี้!”
นั่นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้น “ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ใด จงไปตามมันมาหาข้า”
คำสั่งนี้มันเป็นอะไรที่สุดแสนไร้เหตุผลและแน่นอนว่าย่อมไม่มีพวกเขาคนใดที่จะทำได้
แต่จะทำอย่างไรได้?
อย่างว่าแต่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์น้อยๆ นี้เลย ต่อให้เป็นเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นก็คงไม่มีทางต่อต้านกับเทพสวรรค์ได้
จึงทำให้ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมพื้นที่อีกครั้ง
ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวขึ้นด้วยท่าทางหมดความอดทน “เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปตายกันเสียก่อนเถอะ!”
เมื่อขยับมือนี้คลื่นลมเมฆทั้งหลายก็หมุนวนด้วยพลังปราณเทวะอันมหาศาล
แค่ลมที่พัดผ่านนี้ยังทำให้ใบหน้าของโซชูเจียเจ็บปวดขึ้นมา
“หยุด!”
ตอนนั้นเองที่มิติเกิดแยกออกเผยให้เห็นเงาร่างของคนผู้หนึ่ง
เมื่อทุกคนได้เห็นเงาร่างนั้นสีหน้าของพวกเขาทั้งหลายก็เปลี่ยนไปทันที
“นายใหญ่ท่านรีบไป!” หนิงเทียนปิงร้อง
เย่หยวนนั้นไม่คิดจะไปไหน สายตาของเขามองขึ้นไปยังชายหนุ่มที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศเพื่อยืนยันให้แน่ใจว่ามิใช่คนที่เคยรู้จักเจอหน้ากันมาก่อน
ชายหนุ่มคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาคมเป็นสัน ผมไม่สั้นไม่ยาวดูอบอุ่นเหมือนพี่ชายข้างบ้าน
แต่คลื่นพลังอันแสนชั่วร้ายนี้มันย่อมไม่มีทางจะปิดบังไว้ได้
ดูท่าแล้วเขาคงไม่ได้คิดดีต่อเย่หยวนแน่
“เจ้าตามหาข้า?” เย่หยวนถาม
“เจ้ารู้จักเยวี่ยเมิ่งลี่?” ชายหนุ่มตอบคำถามด้วยคำถาม
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างของเย่หยวนก็สั่นสะท้านทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ “เจ้ารู้จักลี่เอ๋อ?”
ปัง!
เขายังไม่ทันได้เห็นชายหนุ่มขยับตัวแม้แต่น้อยแต่ร่างของเย่หยวนกลับถูกซัดจนลอยปลิวไปตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
“อย่างเจ้าก็มีหน้ามาเรียกว่าลี่เอ๋อได้หรือ?” ชายหนุ่มหรี่ตาลงด้วยความไม่พอใจ
เย่หยวนกระอักเลือดออกมาคำโต ดูท่าเขาคงบาดเจ็บหนักแล้ว
เพราะสถานที่แห่งนี้มันมิใช่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเจอหน้าเทพสวรรค์เช่นนี้เขาย่อมไม่มีปัญญาจะไปต่อต้านสู้รบได้เลย
ต่อให้อีกฝ่ายจะแค่ปล่อยพลังโลกออกมาเขาก็ไม่อาจต้านทานได้
แต่สภาพจิตใจของเย่หยวนในตอนนี้กำลังตื่นเต้นอย่างมาก
หลายร้อยปีมานี้เขาไม่เคยได้รับข่าวของลี่เอ๋อเลย
แต่ในวันนี้ ฟังจากปากของชายหนุ่มคนนี้ ดูท่าลี่เอ๋อจะยังไม่ตาย
ร่างของเขาขยับ เย่หยวนกลับมายืนต่อหน้าชายหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง
อาการบาดเจ็บของเขานั้นหนักหนาอย่างมากแต่เขาก็ยังคงยืนอยู่อย่างมั่นคง
“เจ้าเป็นใคร? ลี่เอ๋อ… สบายดีหรือไม่?” เย่หยวนไม่คิดสนใจอาการบาดเจ็บใดๆ ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่าลี่เอ๋อสบายดีไหม
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นก่อนจะปล่อยพลังออกมาอีกครั้ง
ปัง!
เย่หยวนถูกตบร่วงลงสู่พื้นอีกครา!
ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมา “ข้าบอกแล้ว เจ้านั้นไม่มีศิษย์มาเรียกว่าลี่เอ๋ออีก! ครั้งหน้าเจ้าได้ตายแน่!”
ฟุบ!
เย่หยวนลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง แม้คลื่นพลังจากกายเขานั้นจะแปรปรวนจนหาที่เปรียบมิได้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลก็ตาม
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นดูท่าคงไม่ค่อยชอบกับความหัวรั้นของเย่หยวนนี้สักเท่าไหร่นัก
ฝ่ามือทั้งสองนั้นเขาไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อย หากเป็นนักยุทธนภาสวรรค์ทั่วๆ ไปที่รับไว้ อย่าว่าแต่กลับมาลุกยืน แค่นอนตายให้เหลือซากร่างยังยาก
แต่เย่หยวนกลับลุกขึ้นมายืนต่อหน้าเขาอย่างดื้อรั้น
ไม่มีใครพูดใดๆ ภายใต้ฟ้าดินนี้มีแต่ความเงียบงัน
ทุกคนต่างมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล
พวกเขารู้นิสัยของเย่หยวนเป็นอย่างดี รวมไปถึงความสนิทสนมที่เย่หยวนมีกับเยวี่ยเมิ่งลี่ พวกเขาทั้งหลายก็ทราบ
แต่เทพสวรรค์ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมานี้ไม่อนุญาตให้เขาเรียกแม้แต่ชื่อนาง มีหรือที่เย่หยวนจะทนทานได้?
แต่แม้จะเห็นความโกรธนี้ของเย่หยวน ชายหนุ่มก็ไม่คิดสนใจ
ชายหนุ่มมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้านิ่งเฉย “แค่มดนภาสวรรค์ เจ้ามีสิทธิใดมาโกรธเคือง? ข้านั้นแค่จะมาบอกว่าศิษย์น้องเมิ่งลี่นั่นมิใช่คนในโลกเดียวกับเจ้าอีกต่อไป จากวันนี้ไปจงลืมนางเสีย! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้รู้ผลที่ตามมาแน่!”
ในเวลานั้นเย่หยวนก็ขยับ
หนึ่งก้าว สองก้าว…
เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมด้วยลายสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากร่างที่ค่อยๆ พลุ่งพล่านไปยังตัวชายหนุ่ม
เมื่อได้เห็นเช่นนี้ชายหนุ่มที่ทำตัวเงียบขรึมมาตลบอดก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก
ดวงตาของเขาเปิดกว้างพร้อมร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ “ลายพระเจ้า! นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”
ลายสีฟ้าทั้งหลายนี้ค่อยๆ รวมตัวกันหนาขึ้นจนแทบปกคลุมทั้งพื้นที่ไป
ดวงตาทั้งสองของเย่หยวนกลับกลายเป็นความเย็นชาไม่มีอารมณ์ใดๆ แฝงอยู่อีก
เมื่อได้เห็นดวงตาคู่นั้นของเย่หยวนไม่ทราบทำไมแต่ตัวเขานั้นกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาจับขั้วหัวใจ
สำหรับเทพสวรรค์แล้ว นภาสวรรค์นั้นมันมิใช่ตัวตนที่จะเป็นภัยได้เลย
แต่ในวินาทีนี้สัญชาตญาณของเขากลับกำลังร่ำร้องถึงอันตรายออกมาอย่างสุดแรง
…………………………