“เจ้ากล้ารับหรือไม่?!”
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดมันมีเพียงแค่เสียงของเย่หยวนเท่านั้นที่ดังก้องกังวานไปทั่ว
การประกาศเช่นนี้ออกมามันแตกต่างอะไรกับการรนหาที่ตายกัน?
“ฮ่าๆ!” จู่ๆ ทางฝั่งหลินฉางชิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
หลังจากผ่านไปได้สักพักเสียงหัวเราะนั้นก็ค่อยๆ เบาบางลงก่อนจะตามมาด้วยเสียงของหลินฉางชิง “ข้ากล้ารับหรือไม่? เจ้าคิดว่าข้ากลับไหมล่ะ? หากเทพสวรรค์ผู้นี้ไม่กล้ารับแม้แต่คำท้าทายของมดปลวกข้าจะยังมีหน้าไปศึกษายอดเต๋าใดๆ อีก?”
เย่หยวนพยักหน้ารับพร้อมปล่อยคลื่นจิตออกมาจากร่าง
“หากเป็นเช่นนั้นก็มาทำพันธะจิตศักดิ์สิทธิ์กัน!”
หลินฉางชิงหัวเราะออกมา “ทำไม? เจ้ากลัวว่าเทพสวรรค์คนนี้จะกลับคำอย่างนั้นหรือ?”
เย่หยวนมองดูอีกฝ่าย “เจ้ากลัวจะถูกข้าโค่น?”
หลินฉางชิงขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหัวเราะขึ้น “เทพสวรรค์อย่างข้ามีหรือจะกลัวเจ้า?”
ทางด้านฝั่งของหลินฉางชิงเองก็มีคลื่นจิตพุ่งออกมาเช่นกัน
เมื่อคลื่นจิตทั้งสองเส้นนี้เข้าปะทะกันมันก็เกิดพลังเต๋าสวรรค์ไหลกลับลงไปยังจิตศักดิ์สิทธิ์ของคนทั้งสอง
ตอนนี้ข้อตกลงสองพันปีได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการแล้ว
หากมีใครคิดจะผิดข้อตกลงนี้พวกจะต้องได้รับผลสะท้อนจากยอดเต๋าและแน่นอนว่ามันคงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บสาหัส
“หึ ช่างเป็นมดที่โง่เขลา! คิดอยากสู้กับเทพสวรรค์ผู้นี้เจ้าเองก็น่าจะรับโอสถฟ้าตะวันจันทราไว้ หากเจ้ารับมันไว้มันก็อาจจะยังมพอมีความหวังใดๆ เหลืออยู่บ้าง แต่ตอนนี้…ฮ่าๆ…”
หลินฉางชิงนั้นดีใจอยู่กับตัวเองเพราะผลของข้อตกลงสองพันปีนี้มันแน่ชัดอยู่ในหัวเขาแล้ว
มหาพิภพถงเทียนนี้มันมีวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อยู่ไม่น้อย แต่ในบรรดาวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นมันกลับไม่เคยมีเรื่องที่ว่านภาสวรรค์บรรลุขึ้นเป็นเทพสวรรค์ในเวลาสองพันปีเกิดขึ้นมาก่อน
ที่สำคัญเวลาสองพันปีนี้ตัวหลินฉางชิงเองก็ย่อมไม่ยืนอยู่กับที่อย่างแน่นอน
ด้วยพรสวรรค์ของเขาเวลาสองพันปีนี้มันต้องทำให้เกิดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้แน่!
ในการต่อสู้นี้ เขาไม่มีโอกาสใดเลยที่จะแพ้พ่าย
“โอสถฟ้าตะวันจันทรา เจ้าพูดถึงสิ่งนี้?”
ขวดใบน้อยปรากฏขึ้นมาในมือของเย่หยวน วินาทีที่ฝาของมันถูกเปิดออกกลิ่นโอสถภายในมันก็พุ่งกระจายคลุ้งไปทั่วฟ้าดิน
แค่กลิ่นที่หลุดรอดออกมาจากฝาขวดมันกลับรุนแรงมากถึงขนาดนี้
หลินฉางชิงเบิกตากว้างมองดูขวดนใบน้อยในมือเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ “เจ้า… เจ้าไปเอาโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลมาจากที่ใดกัน?”
เขาที่เกิดมาในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ย่อมรู้ดีว่าโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันเป็นสิ่งของที่หาได้ยากยิ่งแค่ไหน
ต่อให้เป็นในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอกาสที่จะมีโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะโมฆะปรากฏออกมามันก็แทบเป็นไปไม่ได้
แม้ว่ามันจะเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ใดๆ แก่หลินฉางชิงแล้วแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าโอสถนี้ในมือเย่หยวนมันเป็นของไร้ค่า
กลับกัน หากโอสถนี้มันถูกวางขายในตลาดแล้วมันคงมีราคาที่ไม่อาจประเมินค่าได้!
หากเย่หยวนคิดนำโอสถฟ้าตะวันจันทรานี้ไปขายในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ มันคงทำให้เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายต้องคลั่งตาย แม้แต่เหล่าเทพถ่องแท้เองก็คงไม่เว้น
ส่วนในเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันคงเป็นเรื่องที่ใหญ่ยิ่งกว่านั้นมาก
โอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันมีโอกาสที่จะถูกวางขายในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เท่านั้น
ที่สำคัญโอสถฟ้าตะวันจันทรานั้นมันยังเป็นโอสถความยากระดับเก้า อย่าว่าแต่จอมเทพโอสถห้าดาว แม้แต่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวก็ยังไม่อาจจะหลอมมันได้ง่ายๆ
โอสถที่เหนือขึ้นเทวะไปคือขั้นเทวะม่วง ขั้นเทวะโมฆะ ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล ขั้นเทวะวิญญาณมรณา ขั้นเทวะตำนาน แต่ละขั้นนั้นหลอมได้ยากเย็นกว่าขั้นก่อนๆ หลายเท่าตัว
ยิ่งมันมีขั้นสูง มันก็ยิ่งยากเย็นเท่านั้น
เมื่อไปถึงจุดนั้นแล้วความยากของมันจะไม่สามารถก้าวข้ามได้ด้วยความพยายามของจอมเทพโอสถอีกต่อไป
เหล่านักหลอมโอสถทั่วๆ ไปนั้นสามารถขึ้นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาว จอมเทพโอสถห้าดาว หรือจอมเทพโอสถหกดาวก็ยังเป็นไปได้หากมีความพยายาม
แต่ในเรื่องของคุณภาพโอสถนั้นพวกเขาเองก็คงไม่มีทางไปถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลได้เช่นกัน ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามไปมากเพียงใด
การที่จะหลอมโอสถคุณภาพเช่นนี้ได้มันต้องใช้ความเข้าใจในศาสตร์การหลอมโอสถอย่างล้นเหลือ
หากนับขั้นเทวะม่วงเป็นหนึ่งหน่วยความยาก ความแตกต่างของขั้นเทวะโมฆะและขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันก็คงแตกต่างกันนับล้านหน่วย!
นักหลอมโอสถส่วนใหญ่นั้นจะไม่อาจหลอมโอสถให้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลได้เลยในชีวิต!
โอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลของเช่นนี้มันต้องเป็นจอมเทพโอสถที่เก่งกาจชื่อสะท้านโลกาเท่านั้น
หลินฉางชิงนั้นตื่นตกใจอย่างมาก เขานั้นใช้โอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะม่วงเพื่อจะไล่เย่หยวนไป?
ช่างน่าขัน!
แม้ไม่ต้องนับเรื่องศักดิ์ศรีใดๆ แต่เย่หยวนที่มีโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลมีหรือที่จะมาสนใจโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะม่วง?
ตงน้อยนั้นยิ้มเย้ยออกมา “เขามีได้อย่างไร? แน่นอนว่าเขาหลอมมันขึ้นมาเอง”
หลินฉางชิงทำหน้าตาไม่คิดเชื่อออกมา “เขาหลอมมันเอง? เจ้าคิดว่าเทพสวรรค์คนนี้จะเชื่อ? แค่นภาสวรรค์คนหนึ่งจะหลอมโอสถฟ้าตะวันจันทราได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล? เจ้าคิดว่าข้าโง่มาก?”
ตงน้อยได้แต่ยักไหล่กลับไป “เชื่อหรือไม่ก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่มีหน้าที่ใดๆ ต้องมาหว่านล้อมให้เจ้าเชื่อ กับเย่หยวนยิ่งแล้วไปใหญ่”
หลินฉางชิงหัวเราะลั่นขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าคงไปได้โอสถนี้มาจากในมิติวิเศษที่ไหนสักแห่ง! แต่จะมีโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลแล้วทำไม? ต่อหน้าเทพสวรรค์ผู้นี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางชนะ!”
ฟุบ!
เย่หยวนขยับมือและโยนขวดโอสถนั้นไปให้แก่หลินฉางชิงทันที
หลินฉางชิงที่ไม่ทันตั้งตัวจึงรับขวดโอสถไว้อย่างลืมตัว
“โอสถนี้มันไม่มีประโยชน์ใดกับข้าแล้ว หากเจ้ามีผู้น้อยที่ต้องการมอบให้เจ้าก็เอาไปให้พวกเขาเถอะ” เย่หยวนบอก
ทุกผู้คนต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงจนลุกตาแทบหลุดออกจากเบ้า
เรื่องนี้… มันจะบ้าบิ่นเกินไปไหม?
นี่คือโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาล แต่เขากลับมอบมันให้แก่ศัตรูที่หมายเอาชีวิตกัน?
เหล่านักยุทธนภาสวรรค์ทั้งหลายต่างร่ำร้องออกมาจนแทบคลั่งตาย! ทำเช่นนี้มันเป็นการเสียของจนเกินไปแล้ว!
หึ!
เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากปากของเล้งชิวหลิงและพวกตงน้อยอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
เดิมทีหลินฉางชิงคิดใช้โอสถข่มขู่ไล่เย่หยวน แต่ในพริบตาเย่หยวนกลับกลายเป็นฝ่ายโยนโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลออกมาเย้ยอีกฝ่ายแทน ของสิ่งนี้มันเหนือกว่าโอสถขั้นเทวะม่วงที่หลินฉางชิงใช้มากนัก
หลินฉางชิงได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา ในเวลานี้สิ่งที่เขาควรทำคือทำลายโอสถนี้ทิ้งตอบกลับเย่หยวนไป
แต่เขาลังเล!
เพราะนี่คือโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!
ในใจลึกๆ แล้วเขาไม่อาจทำใจทำลายมันลงได้
แน่นอนว่าตัวเขานั้นย่อมไม่ต้องการโอสถนี้ใดๆ อีก แต่ก็อย่างที่เย่หยวนว่าเขานั้นยังมีครอบครัวอีกหลายคนที่ต้องการใช้มัน!
โอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันเป็นสิ่งที่สร้างเทพถ่องแท้ได้
ที่สำคัญกว่านั้นเทพถ่องแท้ที่เกิดขึ้นจากมันจะยังได้รับผลประโยชน์มหาศาลจนอาจขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ไม่ยาก
เมื่อโอสถเช่นนี้ขึ้นมาถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล มันย่อมไม่ได้จะเป็นแค่โอสถหนึ่งเม็ดอีกต่อไป
ไม่เช่นนั้นมีหรือที่คนยิ่งใหญ่อย่างหลินฉางชิงจะลังเลที่จะทำลายโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า?
“อย่าได้อายไปเลย แม้ว่าวันนี้เจ้าคิดจะสังหารข้าแต่ข้าก็ยังต้องขอบคุณเจ้า อยากน้อยๆ เจ้าก็ได้นำข่าวเรื่องลี่เอ๋อมาบอกข้า เรื่องนี้มันนับเป็นที่สุดของข่าวดีแก่ตัวข้า ในวันหน้า หากเจ้ายังคิดอยากได้โอสถใดอีก เจ้าก็สามารถมาหาข้าเพื่อให้ช่วยทำการหลอมให้ได้ แต่… เจ้าคงต้องเตรียมสมุนไพรหลอมโอสถมาเองนะ”
เย่หยวนพูดจาเสียบแทงออกมาอีกครั้งเหมือนอ่านความคิดของหลินฉางชิงได้
แต่คำพูดเหล่านี้มันออกมาจากจิตใจจริงๆ ของเขา
แม้ว่าวันนี้เขาจะเกือบต้องตายลง แต่การได้ข่าวของลี่เอ๋อเช่นนั้นมันย่อมนำพาความยินดีมาให้แก่เขา
เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็ได้รู้ว่าตอนนี้ลี่เอ๋อสบายดี
ปัง!
หลินฉางชิงโกรธจนร่างสั่นสะท้าน วินาทีที่เขาปล่อยพลังออกมาขวดโอสถน้อยๆ นั้นก็แตกสลายเป็นฝุ่นผงไป
โอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลจางหายไปกับสายลม
หลินฉางชิงจ้องมองมายังเย่หยวนคิดหวังอยากเห็นสายตาเสียตาของเย่หยวน
แต่ทว่าเขากลับคิดผิด
เพราะใบหน้าของเย่หยวนยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ไม่มีท่าทางว่าจะเปลี่ยนแปลงอารมณ์ใดๆ ออกมาแม้จะเห็นว่าโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลแหลกไปต่อหน้า
เรื่องนี้มันย่อมหมายความว่าเขาไม่คิดสนใจจริงๆ!
หลินฉางชิงนั้นแทบคลั่งตาย เขาไม่นึกไม่ฝันว่าการเดินทางมาในครั้งนี้มันกลับจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
…………………………