“พระเจ้าช่วย ช่างเป็นพ่อหนุ่มที่หล่อเหลา! มาเร็ว รีบเข้ามา! ดงปิติเรานั้นเป็นแหล่งรวมความบันเทิง ข้าขอยืนยันเลยว่าท่านจะต้องสุขจนไม่รู้ลืม”
เมื่อเย่หยวนมาถึงดงปิติเขาก็ได้พบกับหญิงวัยกลางคนหน้าตาดีรีบเดินเข้ามาจับคว้าตัวของเขาไว้ก่อนจะค่อยๆ ชักนำเขาเดินเข้าไปด้านในตัวตึก
เย่หยวนมองดูที่แม่เล้าผู้นั้นและถามขึ้น “ร้านของท่านมีหญิงชื่อเจียงไห่ถังหรือไม่?”
เมื่อแม่เล้าคนนั้นได้ยินนางก็ถามเย่หยวนขึ้นมาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “นายน้อย นางผู้นั้นเต็มไปด้วยหนามคม แม้ว่านางจะดูรูปงามแต่นิสัยใจคอของนางนั้นดุร้าย! เรานั้นมีหญิงงามให้เลือกอีกมากมาย ทำไมท่าน… ไม่เลือกคนอื่นดูเสียก่อนเล่า?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “นายน้อยผู้นี้ชอบม้าป่าแรงเถื่อน ข้าต้องการนาง ช่วยจัดเตรียมห้องและนำพานางมาให้ข้าด้วย”
แม่เล้านั้นหรี่ตามองก่อนจะพยักหน้าออกมา “หากนายน้อยท่านต้องการเช่นนั้นมันก็ไม่มีปัญหา เอาล่ะ เด็กๆ มาพาแขกขึ้นไปรอบนห้องหน่อย”
ได้ยินเช่นนั้นก็มีเด็กรับใช้รีบวิ่งออกมารับหน้าเย่หยวนและพาเข้าขึ้นไปบนห้อง
ดินแดนแห่งความหรรษานี้มันเป็นที่นิยมในหมู่นักยุทธอย่างมาก
เพราะเส้นทางการบ่มเพาะวรยุทธนั้นมันช่างแสนเดียวดาย ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถไล่ตามเต๋าด้วยใจเด็ดเดี่ยวได้
หลังจากนักยุทธทั่วๆ ไปพัฒนาตนขึ้นมาได้ถึงจุดหนึ่งพวกเขาทั้งหลายก็จะมาถึงทางตันที่ไม่อาจบ่มเพาะให้บรรลุได้อีกต่อไป และแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วพวกเขาย่อมใช้ชีวิตไปกับแสงสีของโลก
และนักยุทธประเภทนี้แท้จริงแล้วมันนับเป็นคนส่วนมากเสียด้วยซ้ำ
ระหว่างเดินทางขึ้นไปยังห้องเย่หยวนก็ได้รับรู้ว่ากิจการของดงปิตินี้คึกคักเต็มไปด้วยลูกค้า
ใบหน้ารูปร่างของหญิงสาวทั้งหลายที่ทำงานเองก็ดูดีไม่น้อย แถมแต่ละผู้คนยังบ่มเพาะตนขึ้นมาได้อย่างสูงส่งไม่ใช่แค่หญิงบำเรอทั่วๆ ไป
เมื่อบ่มเพาะมาได้ถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าหรือแม้แต่อาณาจักรนภาสวรรค์แล้วมันจะมีสักกี่คนกันที่จะยอมปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นแค่ของเล่นของผู้ชายเช่นนี้?
เย่หยวนรักษาใบหน้านิ่งๆ นั้นไว้จนมาถึงห้องและพบว่าการตกแต่งภายในนั้นสุดแสนที่จะหรูหรา
ไม่นานนักเขาก็เห็นชายร่างกำยำสองคนลากพาตัวหญิงสาวนางหนึ่งเข้ามา
เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าร่างกายของนางนั้นและเห็นว่าหญิงสาวนางนี้มีร่างกายซูบผอม ทั้งยังมีแผลรอยช้ำบนใบหน้าไม่น้อย
แขนและขาของนางนั้นถูกมัดรวมไว้โดยกุญแจมือและโซ่ล่าม
แต่ก่อนจะถูกส่งขึ้นมาบนห้องนี้เองนางก็น่าจะถูกจัดแต่งสวยอย่างดีจึงพอที่จะกลบเกลื่อนร่องรอยทั้งหลายได้
แม้จะดูซูบผอมแต่ความไม่คิดยอมในสายตาของนางก็ยังส่องประกายอย่างเจิดจ้าอย่างที่ไม่มีอะไรจะปิดบังได้
เย่หยวนที่ได้เห็นสภาพเช่นนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
หลังจากเข้ามาแล้วนางก็จ้องมองดูเย่หยวนตาเขม็ง
หากสายตาสามารถฆ่าผู้คนได้ เย่หยวนก็คงได้ตายไปนับร้อยๆ ครั้งแล้ว
แต่เย่หยวนนั้นกลับพูดขึ้นอย่างไม่คิดสนใจสายตานั้น “ปลดกุญแจมือและโซ่ตรวนนาง”
ชายร่างกำยำทั้งสองผงะไปเล็กน้อยก่อนจะแสดงท่าทางลังเลออกมา “เรื่องนั้น… มันจะไม่ดีมั้งท่าน? นางผู้นี้ดุร้ายอย่างมากทำร้ายแขกเราไปหลายต่อหลายคนแล้ว”
เย่หยวนกล่าว “เจ้าคิดว่านางที่ถูกปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ไว้นี้จะทำร้ายข้าได้?”
เมื่อคิดได้เช่นนั้นชายผู้หนึ่งก็เข้ามาปลดเครื่องพันธนาการออกจากตัวเจียงไห่ถัง “เจ้าอยู่นิ่งๆ! หากเจ้ากล้าทำอะไรเสียมารยาทต่อแขกอีกเข้าคงรู้ผลที่จะตามมาใช่หรือไม่?”
พูดจบแล้วชายทั้งสองก็เดินจากไป
เย่หยวนยกเหล้าขึ้นมาเทตรงหน้าก่อนจะยกเทใส่อีกแก้วที่ตรงข้ามพร้อมทำท่าเชิญด้วยรอยยิ้ม “มานั่งคุยกันก่อน ค่อยๆ ดื่มให้มันหายกังวล”
เจียงไห่ถังไม่คิดนั่งและมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาเย็นเยือก “เจ้าคนหน้าไม่อาย คิดจะใช้เหล้ามอมสติข้าหรือ? ฝันไปเถอะ!”
เย่หยวนแต่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้นและยกแก้วขึ้นดื่มไปคนเดียว “เจ้ามีนามว่าเจียงไห่ถัง?”
“แล้ว?”
“พ่อเจ้าคือเจียงยู่ถัง?”
นั่นทำให้เจียงไห่ถังหน้าถอดสีทันที “เจ้าเป็นใครกัน?”
เย่หยวนมองดูที่นางพร้อมด้วยรอยยิ้ม “เวลาแปดร้อยปีเจ้ากลับสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวได้ ไม่เลวๆ! ดูท่าโอสถยอดหยกโมฆะนั้นจะได้ใช้ประโยชน์จริงๆ”
ได้ยินเช่นนั้นเจียงไห่ถังก็ตื่นตกใจขึ้นมาอย่างมาก
นางมองดูที่เย่ยหวนพร้อมถามขึ้น “เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่? ทำไมเจ้าถึงได้รู้ว่าข้าเคยกินโอสถยอดหยกโมฆะ?”
เรื่องที่เจียงไห่ถังกินโอสถยอดหยกโมฆะขั้นเทวะลงไปนั้นมันเป็นเรื่องที่มีแค่นางและพ่อเท่านั้นที่ทราบ
เช่นนั้นแล้วชายหนุ่มคนนี้จะไปรู้เรื่องราวมาจากไหน?
เว้นเสียแต่ว่า…
เย่หยวนยิ้มขึ้น “เจ้าคงเดาได้แล้วใช่หรือไม่?”
เจียงไห่ถังมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดเชื่อ “เจ้า… เจ้าคือเย่หยวน? บ้าน่า! พ่อข้าบอกว่าตอนที่เจ้าออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปเจ้านั้นเป็นแค่ราชันพระเจ้าหนึ่งดาว นี่มันเพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่ร้อยปีมีหรือที่เจ้าจะสามารถบ่มเพาะขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ห้าดาวได้? เว้นเสียแต่ว่า… เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะไปเจอผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์มาหรือ?”
เย่หยวนนั้นทำท่าเชิญอีกครั้ง เพื่อบอกให้นางลงมานั่งคุยกันดีๆ
และครั้งนี้เจียงไห่ถังก็ไม่คิดปฏิเสธนั่งลงตรงข้ามเย่หยวน
เว้นเสียแต่ว่าสุดท้ายนางก็ยังไม่คิดดื่ม
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ว่านางยังคงมีจิตใจกังวลในตัวเขาอยู่
ดูท่าแล้วเรื่องที่เจียงยู่ถังถูกจับและเรื่องที่ตัวนางถูกขายให้หอนางโลมนี้มันจะทำให้นางเกิดความกังวลกลัวต่อทุกผู้คนขึ้นมา
“ยื่นมือออกมา” เย่หยวนบอก
เจียงไห่ถังผงะไปเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกมาตามที่เย่หยวนบอก
เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ได้ยื่นมือออกไปจับชีพจรเจียงไห่ถังและค่อยๆ หลับตาลง
ไม่นานนักเขาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมพยักหน้า “ไม่เลว สมเป็นโอสถยอดหยกโมฆะที่ข้าหลอมกลั่นกับมือ”
เจียงไห่ถังที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงถามขึ้น “เจ้าสงสัยข้า?”
เย่หยวนยิ้ม “อย่างที่เจ้าคิดสงสัยข้า ข้าก็ย่อมไม่คิดเชื่อเจ้าอย่างเต็มที่”
เจียงไห่ถังคิดได้เช่นนั้นก็พยักหน้าออกมา “ก็ได้ แต่ข้านั้นกินโอสถยอดหยกโมฆะไปกว่าแปดร้อยปีแล้วเจ้าจะสามารถยืนยันว่าข้าเป็นเจียงไห่ถังได้ด้วยแค่การจับชีพจรหรือ? หรือว่า… เจ้ากำลังหลอกลวงข้า?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “โอสถขั้นเทวะนั้นมันมีฤทธิ์ทนนานไม่จางหายไปง่ายๆ ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็น่าจะสัมผัสได้ถึงผลของมันใช่ไหมเล่า โอสถศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับคุณภาพสูงมันจะยิ่งส่งผลนาน โอสถขั้นเทวะม่วงหรือขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นสามารถส่งผลประโยชน์ให้แก่นักยุทธได้ทั้งชีวิต และนี่มันยังเป็นโอสถที่ข้าหลอมเองกับมือ ผลมันจะเป็นเช่นไรข้าย่อมรู้ดี”
เจียงไห่ถังนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนพูดความจริง เพราะด้วยพรสวรรค์อย่างนางมีหรือที่จะสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวได้อย่างรวดเร็วปานนี้?
หลายปีมานี้ในการบ่มเพาะของนาง เจ้าโอสถยอดหยกโมฆะมันยังคงส่งผลประโยชน์ออกมาอย่างไม่มีทีท่าจะหมดลงไป ทำให้นางสามารถบรรลุผ่านคอขวดมาได้อย่างรวดเร็ว
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียตอนนี้เจียงไห่ถังก็มีพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเจียงยู่ถังผู้เป็นพ่อแล้ว!
ความเร็วในการพัฒนาระดับนี้มันเหนือล้ำกว่าที่นางจะทำเองได้
“ข-ขอบคุณมาก!” เจียงไห่ถังบอก
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “แค่เจ้าไม่เกลียดชังข้ามันก็นับเป็นโชคดีแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้ามีหรือที่พ่อของเจ้าจะถูกโยนเข้าคุกขังรอความตายเช่นนี้ ตัวเจ้าเองก็คงไม่ต้องตกต่ำมาถูกขายให้กับที่แบบนี้ด้วย”
แต่เจียงไห่ถังกลับส่ายหัวออกมา “เจ้าไม่ต้องคิดเช่นนั้นหรอก พ่อข้าบอกว่าท่านนั้นติดค้างหนี้เจ้าอย่างมาก สัญญาที่ได้ให้ไว้มันต้องทำให้สำเร็จ! ข้ารู้ดีว่าทั้งหมดนั้นท่านทำเพื่อข้าทั้งสิ้น…”
พูดมาถึงตรงนี้น้ำตาของเจียงไห่ถังก็ไม่อาจกลั้นไว้อยู่อีกต่อไป นางปล่อยมันไหลลงมาเหมือนเขื่อนที่แตกรั่ว
เย่หยวนได้แต่ถอนหายใจยาว “พี่เจียงนี้ช่างน่านับถือ! เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เขาต้องตายลงเช่นนี้แน่ แต่เป็นเจ้านี่แหละ… ทำไมเจ้าถึงได้โง่เขลาไปถามหาความช่วยเหลือจากตัวต้นตอเรื่องกัน?”
เจียงไห่ถังได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บใจ “ข้า… ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
ได้ยินคำเล่าพร้อมทั้งน้ำตาของเจียงไห่ถัง ไฟแห่งความโกรธแค้นของเย่หยวนก็ได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
แท้จริงแล้ววันที่เจียงไห่ถังไปหาหยูจินซงวันนั้น เขาผู้นั้นได้บอกให้นางสละร่างกายแลกกับการที่จะให้เขาปล่อยเจียงยู่ถังออกมา
ด้วยนิสัยของเจียงไห่ถังมีหรือที่นางจะยอมรับเรื่องเสียเกียรติง่ายๆ เช่นนั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าทางหยูจินซงกลับจุดเทียนกินวิญญาณไว้ในห้องที่พูดคุยกัน
เขานั้นแย่งชิงความบริสุทธิ์ของเจียงไห่ถังไปพร้อมๆ ปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของนางและส่งนางไปขายที่ดงปิติ
ด้วยนิสัยไม่กลัวตายของเจียงไห่ถังนั้นนางได้เตรียมใจที่จะตายมานานแสนนานแล้วเพียงแค่ว่าเรื่องราวความเป็นความตายของเจียงยู่ถังยังไม่กระจ่างชัด สุดท้ายนางจึงได้แต่ทนอยู่อย่างอัปยศมาจนถึงทุกวันนี้
เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมาหลังได้ยินเช่นนั้น สุดท้ายเขาจึงยื่นมือไปดึงตัวเจียงไห่ถังขึ้น “ไปกัน ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง”
…………………………