คลื่นปราณเทวะอันหนาแน่นและอบอุ่นค่อยๆ ไหลเข้ามาในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจียงไห่ถังผ่านเส้นชีพจรของนาง
การทำลายผนึกเช่นนี้ออกมามันง่ายดายเหมือนกวาดเศษใบไม้
ทำให้ตอนนี้นางเริ่มรู้สึกได้ถึงปราณเทวะที่ไหลเข้าสู่แขนขาอีกครั้ง
เจียงไห่ถังมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาตื่นตะลึง
“นี่มัน… นี่มันคือผนึกเฉพาะของดงปิติ ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือนถาสวรรค์เก้าดาวก็ไม่อาจจะทำลายผนึกนี้ลงได้ง่ายๆ แต่เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
ดินแดนแห่งความสำราญอย่างดงปิตินี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยหญิงบริการที่มีการบ่มเพาะสูง
ส่วนเรื่องการจะควบคุมหญิงเหล่านั้นอย่างไรนั้นทางดงปิติย่อมมีวิธีการที่เด็ดขาดของตน
ผนึกนี้มันเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วๆ ไปไม่อาจจะแตะต้องได้ ไม่ต้องพูดถึงการทำลายลงเลย
ต่อให้เป็นแขกผู้มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาวมันก็ไม่อาจจะทำลายผนึกนี้ลงได้ง่ายๆ
แต่เย่หยวนกลับปัดมันออกเหมือนแค่กวาดเศษใบไม้
“แค่ผนึก ไม่ใช่เรื่องใหญ่ใดๆ ไปกัน” เย่หยวนยิ้มขึ้น
เจียงไห่ถังนั้นได้แต่นั่งนิ่งและสุดท้ายก็ส่ายหัวออกมา “เราเดินออกไปเช่นนี้ไม่ได้! ดงปิตินี้มันมีจวนเจ้าเมืองหนุนหลังอยู่ และที่แห่งนี้ยังมีนภาสวรรค์เก้าดาวเป็นผู้ควบคุม! ไม่ใช่สถานที่ที่ใครคิดจะพาคนออกไปก็สามารถทำได้”
ในเมืองหลวงจักรพรรดินั้นเทพถ่องแท้เป็นตัวตนที่อยู่สูงที่สุด
ในงานดูแลทั่วๆ ไปเช่นนี้มันย่อมไม่มีเทพถ่องแท้คนไหนจะลดตัวลงมาทำ
และในความเป็นจริงแล้วแค่นภาสวรรค์เก้าดาวมันก็มากพอที่จะจัดการนักยุทธส่วนใหญ่ของเมืองหลวงจักรพรรดิได้ง่ายๆ
ที่สำคัญผู้อยู่เบื้องหลังกิจการของดงปิตินี้มันคือจวนเจ้าเมือง จะมีใครกล้ามาก่อเรื่องราวในที่แบบนี้กัน?
แต่เย่หยวนกลับแค่ยิ้มตอบ “หากข้าอยากพาเจ้าออกไปมันย่อมไม่มีใครจะหยุดได้”
พูดจบเย่หยวนก็ไม่สนใจอีกต่อไปว่าเจียงไห่ถังจะยอมร่วมมือด้วยหรือไม่และลากพาตัวนางเดินออกประตูไปทันที
เอี้ยด!
เมื่อบานประตูถูกเปิดออกเขาก็พบว่ามีชายร่างกำยำห้าคนยืนรออยู่ที่ด้านนอก
แม่เล้าคนเดิมมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ย “ข้ารู้ตั้งแต่ที่ท่านถามหานางนี่แล้วว่าท่านคงไม่ได้มาดีแน่ หากท่านนั้นแค่มาเพื่อหาความสนุก ดงปิติเราย่อมพร้อมต้อนรับอย่างดี แต่หากท่านคิดจะลักพาตัวผู้คนไป เรื่องนั้นดงปิติเราคงยอมไม่ได้ ช่วยทำอะไรให้ฉลาดหน่อยเถอะ”
เย่หยวนหันไปมองแม่เล้าคนนั้นพร้อมพูดขึ้น “ข้าอยากไถ่ตัวแม่นางไห่ถัง ว่าราคามา”
เมื่อแม่เล้าคนนั้นได้ยินนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา “ต้องขอโทษท่านลูกค้าด้วยแต่เบื้องบนสั่งการกำชับมาว่านางผู้นี้ห้ามขายออก! ข้าว่าท่านวางนางลงก่อนจะดีกว่า พวกท่าน…ออกไปจากที่นี้พร้อมกันไม่ได้ ท่านดูพวกเขาทั้งหลายนี้สิ พวกเขาต่างมีใบหน้าท่าทางดุดัน หากพวกเขาต้องลงมือทำร้ายท่านแล้วมันคงจบไม่สวยแน่”
เมื่อได้เห็นเหล่าชายกำยำทั้งหลายเจียงไห่ถังก็หน้าซีดเผือดลงทันที
“เย่หยวน เจ้า…เจ้าไปเองเถอะ!”
เหล่าชายร่างกำยำทั้งหลายนี้ต่างมีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดา ล้วนแล้วต่างเป็นถึงนภาสวรรค์ขั้นกลางทั้งสิ้น
การที่จะมาเป็นผู้ดูแลของหอนางโลมนี้ได้มันย่อมต้องเป็นนักยุทธที่มีพลังฝีมือไม่น้อย
เย่หยวนมองดูด้วยท่าทางเฉยชา “เรอะ? หากไม่ขายเช่นนั้นข้าคงได้แต่ต้องใช้กำลังพานางออกไปแล้ว”
พูดไปเย่หยวนก็ดึงตัวเจียงไห่ถังเดินออกไปด้านนอกทันที
แม่เล้าคนนั้นที่ได้เห็นก็หมดความอดทนลงทันที นางร้องตะโกนสั่ง “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา จัดการมันเสีย!”
ชายร่างกำยำทั้งห้านี้เดินมุ่งหน้าเข้ามาหาเย่หยวนในทันที
ผัวะ!
เสียงตบดังสนั่นขึ้นส่งร่างของแม่เล้าคนนั้นปลิวลงจากชั้นสองทันที
เหล่าชายกำยำทั้งหลายเองก็ได้แค่จับความอากาศ ไม่อาจแตะต้องได้แม้แต่ชายเสื้อของเย่หยวน
“พระเจ้าช่วย! เจ้ายอดคนนรกส่งนี่! ไปเรียกท่านฝางคุนมาเร็ว! มีคนมาก่อเรื่องแล้ว!”
ที่ด้านล่างมีเสียงแหลมสูงของแม่เล้าดังลอยขึ้นมา
เย่หยวนเองก็ไม่ได้ช้าหรือเร็วจนเกินไป ค่อยๆ เดินพาตัวเจียงไห่ถังลงตามบันไดมา
ดงปิติแห่งนี้มันมีค่ายกลขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ภายใน ปิดกั้นมิตินี้ออกจากภายนอก
ต่อให้จะเป็นเทพถ่องแท้ก็ไม่อาจจะย้ายร่างหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้
ไม่เช่นนั้นแล้วใครจะกล้ามาประกันว่าจะไม่มีคนที่ลักพาตัวนางโลมหนี หรือเสร็จกิจแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน?
เพราะฉะนั้นแม้ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจและเข้าใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติเพียงใดเขาก็ไม่อาจพุ่งพาตัวออกไปได้ในพริบตาจากที่แห่งนี้
แต่ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นไม่อาจใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาได้
การยกย้ายมิติมุมต่างๆ ภายในตัวตึกนี้มันไม่ได้เป็นปัญหาเลย
เจียงไห่ถังที่เดินตามเย่หยวนออกมาได้แต่มองแผ่นหลังนี้ราวกับว่าตัวเองได้ฝันไป
ยามเฝ้านับไม่ถ้วนมุ่งหน้าเข้ามาแต่สิ่งที่นางเห็นกลับเป็นเพียงแค่แสงสว่างขึ้นมาในเสี้ยวพริบตา
เหล่านภาสวรรค์ขั้นกลางทั้งหลายนั้นถูกสังหารลงด้วยดาบเดียว!
แม้แต่นภาสวรรค์หกดาวขั้นสุดก็ยังไม่อาจรอดดาบเดียวนี้ไปได้
เจียงไห่ถังนั้นเดิมทีคิดว่าเย่หยวนเป็นเพียงแค่นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งคงไม่ได้เก่งกาจมากกว่าตัวนางมากมาย
แต่ตอนนี้นางได้รู้แล้วว่าความคิดนั้นมันผิดไปมากเพียงใด
พลังของเย่หยวนนี้มันเหนือกว่าที่นางคาดคิดจินตนาการไปมากมาย
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาทั้งหลายก็ไม่อาจรอดพ้นจากดาบเดียวนี้ไปได้
สภาพของเย่หยวนในสายตาของเจียงไห่ถังตอนนี้มันเหมือนวีรบุรุษแห่งยุคสมัย
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นอย่างเรียบร้อยและอยู่ในการคำนวณ ทุกสิ่งอย่างนั้นง่ายดายไม่ต้องพยายามใดๆ ราวกับว่าโลกใบนี้มันได้อยู่ในกำมือของเขาแล้ว
ในเวลานี้ดวงตาของเจียงไห่ถังจึงเกิดแสงแห่งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
บางทีเช่นนี้พ่อของนางอาจจะรอดไปได้จริงๆ!
และไม่นานนักมันก็ไม่มีใครจะกล้าเดินเข้ามาขัดขวางอีก
เหล่ายามทั้งหลายต่างกลัวกันจนหัวหดหน้าซีดเผือด ที่ใดที่เย่หยวนเดินผ่านพวกเขาทั้งหลายย่อมจะเปิดทางกว้างด้วยความกลัวที่ว่าจะถูกเย่หยวนเข่นฆ่าสังหารลง
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
จนในที่สุดก็มีเงาร่างปรากฏขึ้นมาขวางทางเย่หยวนอีกครั้ง
คนที่นำหน้ามานั้นเป็นถึงนภาสวรรค์แปดดาว
ในคนทั้งสี่ที่ขึ้นมาปิดทางไว้นี้ คนที่อ่อนแอที่สุดยังเป็นถึงนภาสวรรค์เจ็ดดาว!
“หึๆๆ! ยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ พวกเจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี รีบจัดการฆ่าสังหาร…”
แม่เล้าคนนั้นกำลังพูดจาอย่างผู้เหนือกว่าก่อนที่จะถูกดาบแสงพุ่งทะลุร่างจนทุกสิ่งอย่างดับเงียบลง
ตอนนี้หัวและลำตัวของนางมันไม่ได้ติดต่อกันอีกต่อไปแล้ว
นภาสวรรค์แปดดาวคนนั้นเบิกตากว้างเพราะเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้เห็นว่าเย่หยวนขยับตัวเลยแม้แต่น้อย!
เย่หยวนมองดูที่พวกเขาทั้งหลายและตะโกนไล่ “ไปให้พ้น!”
พูดไปเย่หยวนก็ดึงพาตัวเจียงไห่ถังเดินออกไปอีกครั้ง
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวของเจียงไห่ถังแม้ภายนอกเย่หยวนจะยังคงดูเย็นชาไม่สนใจใดๆ แต่ภายในใจของเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นอย่างร้อนแรง
ตอนนี้เขาจึงกำลังมองหาคนที่จะระบายอารมณ์ทั้งหลายนี้ออกมา
และดงปิติที่มีจวนเจ้าเมืองเป็นคนหนุนหลังนี้มันช่างเหมาะเจาะที่จะระเบิดความโกรธออกมาเสียเหลือเกิน
เมื่อเห็นท่าทางดุดันนั้นของเย่หยวนยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ต่างถอยหลังกันไปคนละก้าวอย่างไม่ได้นัดหมาย
เย่หยวนขยับเคลื่อนอีกครั้ง พวกเขาก็ถอยหลังไปอีกครา
จนในที่สุดนภาสวรรค์แปดดาวที่นำหน้ามานั้นไม่อาจทนเห็นสภาพนี้ได้อีกต่อไปจึงตะโกนร้องสั่งขึ้น “โจมตีมัน! สังหารมันเสีย!”
นั่นทำให้ดาบสี่เล่มพุ่งลงมาพร้อมๆ กับพลังโลกทั้งสี่ก่อให้เกิดเขตแดนแปลกๆ ล้อมตัวเย่หยวนและเจียงไห่ถังไว้อย่างหนาแน่น
นี่คือท่าสังหารอย่างไม่ต้องสงสัย!
ผู้พิทักษ์ทั้งสี่นี้ดูท่าแล้วคงฝึกฝนร่วมกันมาไม่น้อยเพราะการร่วมมือของทั้งสี่นั้นดูเป็นแบบแผนอย่างมาก
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือพลังโลกที่พวกเขาปล่อยออกมานั้นมันกลับผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวทำให้เกิดคลื่นพลังที่หนาแน่นกว่าเดิมขึ้นมามาก
“เจ้าหนุ่มคนนี้มันมาจากไหนกัน? ถึงได้มีพลังเหนือล้ำขนาดนี้!”
“ใช่ไหมเล่า? เป็นแค่นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งแต่กลับฟันนภาสวรรค์ขั้นกลางคนอื่นๆ เสียราวกับว่าเป็นแค่เศษกระดาษ”
“แต่เขาเองก็บ้าบิ่นเกินไป ยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่นั้นมิใช่ตัวตนที่จะท้าทายเล่นๆ ได้! เมื่อพวกเขาทั้งสี่รวมพลังกันเช่นนี้แล้วแม้แต่นภาสวรรค์เก้าดาวพวกเขาก็เคยฆ่าสังหารลง! แถมยังมีท่านฝางคุนที่ไม่ได้ลงมือใดๆ เลยด้วยอีก!”
“หึๆ โกรธแค้นขนาดนี้เพื่อผู้หญิงคนเดียว ข้าล่ะชอบน้ำใจของมันจริง!”
…
พลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมานั้นมันเหนือล้ำ
แต่เมื่อต้องมาเจอกับยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่เช่นนี้แล้วพวกเขาคงไม่มีใครจะคิดเข้าข้างเย่หยวนอีก
ห่างกันหลายต่อหลายดาว ทั้งยังเป็นการต่อสู้แบบสี่ต่อหนึ่ง แถมคนทั้งสี่นั้นยังฝึกฝนร่วมกันมาอย่างดี
ไม่ว่าจะมองอย่างไรเย่หยวนก็ไม่มีโอกาสจะชนะได้เลย
…………………………