“ออกมาแล้ว! เด็กคนนี้มันออกมาแล้ว!”
“เวลาผ่านไปแค่ไหนกันเชียวมันหลอมเสร็จแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“หลอมกับพ่อเจ้าสิ! ดูอย่างไรก็พลาดแน่ๆ! เวลาเพียงแค่นี้มีหรือที่จะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ความยากเก้าได้?”
…
เมื่อเย่หยวนเดินออกมามันย่อมสร้างความแตกตื่นอย่างมากมาย
เพราะเขานั้นออกมาอย่างรวดเร็วด้วยเวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมงดี
ให้พูดตามหลักการแล้วยิ่งเป็นโอสถที่ความยากสูงมันก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการหลอมมากเท่านั้น
โอสถฟื้นหทัยหยกประณีต โอสถระดับนี้นั้นมันย่อมต้องกินเวลานานโข
ต่อให้เป็นปรมาจารย์อย่างเซินชางก็ยังต้องใช้เวลาราวแปดถึงสิบชั่วโมง หากเป็นคนทั่วไปแล้วคงกินเวลาสิบสองถึงสิบสี่ชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ
แต่เย่หยวนแค่เดินเข้าห้องหลอมไปและกลับออกมาในเวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมง เขาจะไปหลอมอะไรได้?
เขาคิดว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ความยากเก้านั้นมันเป็นผักข้างทางหรือที่จะหลอมอย่างไรก็ได้?
กับเหล่าคนสอดรู้ทั้งหลายนี้เย่หยวนย่อมไม่คิดจะไปเสียเวลาอธิบายใดๆ ด้วย
เขานั้นเดินผ่านฝูงชนมายังร้านของชายวัยกลางคนผู้นั้นอีกครั้ง
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ได้แต่แสดงสีหน้ามึนงงออกมา
เด็กคนนี้มันไปจริง?
ไปหาเรื่องใส่ตัว?
“หืม? เด็กคนนี้มันกลับมารวดเร็วนัก?” การที่มีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่เดินกลับมาเช่นนี้มันย่อมทำให้เซินชางและเจ้าของร้านนั้นรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว
หลังเย่หยวนจากไปทางเซินชางก็ยังคงพยายามต่อรองด้วยวิธีต่างๆ นาๆ แต่ทางเจ้าของร้านเองก็ไม่คิดจะยอมอ่อนข้อและยื่นข้อเสนอเด็ดขาดคือต้องมีโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะมาวางตรงหน้าเท่านั้น
เมื่อได้เห็นเย่หยวนกลับมาเซินชางก็รีบกล่าวขึ้นทันที “เด็กน้อยเจ้ากล้ากลับมาจริงๆ! อย่าบอกนะว่าเจ้าหลอมโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะสำเร็จได้ด้วยเวลาแค่นี้?”
เมื่อชายวัยกลางคนเจ้าของร้านเห็นเย่หยวนเขาก็เบิกตากว้างแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“เรื่องนั้นย่อมแน่นอน! ไม่เช่นนั้นแล้วผู้เยาว์จะกล้ากลับมาหาพวกท่านหรือ?” เย่หยวนยิ้มตอบ
พูดไปเย่หยวนก็หยิบขวดใบน้อยออกมาโยนให้แก่เจ้าของร้าน
เจ้าของร้านรับมันไปมองดูพร้อมใบหน้าที่เปลี่ยนสีไป
ไม่ใช่เพียงแค่เขา ตอนนี้ใบหน้าของเซินชางเองก็เริ่มจริงจังขึ้นมาเช่นกัน
เพราะขวดโอสถใบน้อยนี้แค่ผ่านหน้าพวกเขาทั้งหลายก็ได้กลิ่นของโอสถที่รุนแรง ทำให้คนทั้งหลายรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที
ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าคุณภาพของโอสถนี้มันต้องไม่ธรรมดา
เจ้าของร้านรับขวดโอสถมาและปล่อยจิตของตนลงไปค้นดูภายในและนั่นมันยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาแสดงความแตกตื่นออกมามากกว่าเก่า
จากนั้นหลังความแตกตื่นจากหายไปมันก็กลายเป็นความยินดีแทน
แค่มองภายนอกมันก็อย่างหนึ่ง เรื่องที่ว่ามันจะเป็นโอสถขั้นเทวะจริงหรือไม่นั้นย่อมต้องมีการทดสอบ
ทุกคนต่างหันมามองเจ้าของร้านเป็นตาเดียว สีหน้านี้ของเขาเป็นคำตอบที่ดีแก่ทุกผู้คนทำให้คนทั้งหลายแตกตื่นอย่างมาก
หรือว่าในขวดใบน้อยนี้มันจะมีโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะอยู่จริง?
เย่หยวนมองดูเจ้าของร้านอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้การจะหลอมโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันง่ายแสนง่าย ไม่ต้องพูดถึงขั้นเทวะม่วงเลย
จู่ๆ เจ้าของร้านผู้นั้นก็ได้โยนกล่องกิเลนดินออกมาให้แก่เย่หยวน “กิเลนดินนี้เป็นของเจ้า! คุณภาพของโอสถนี้มันเหนือล้ำกว่าที่ข้าคาดคิดเสียอีก หากเจ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกมาได้เลย”
คำพูดเดียวนี้ทำให้ทุกผู้คนตกตะลึง!
“ม-มันเป็นโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะจริง?”
“ตาข้าต้องฝาดไปแน่! หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีฝีมือด้านโอสถที่เหนือล้ำกว่าอาจารย์เซินชาง?”
…
อาจารย์เซินชางนั้นหยุดต่อรองอยู่ครึ่งวันแต่เจ้าของร้านนั้นกลับไม่คิดยอมอ่อนข้อ
แต่ตอนนี้กิเลนดินกลับถูกมอบให้เด็กหนุ่มคนนี้ไปง่ายๆ!
เรื่องนี้มันย่อมทำให้ผู้คนตกตะลึงอย่างมาก
ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดินั้นโอสถขั้นเทวะมันไม่ได้หายากมากมาย แต่โอสถความยากเก้าขั้นเทวะนั้นมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง
เพราะโอสถความยากเก้านั้นการจะหลอมมันได้แต่ละเม็ดนั้นยากเท่าฟ้า
ขั้นสวรรค์นั้นเป็นอะไรที่พบเจอได้ แต่ขั้นเทวะนั้นเป็นอะไรที่ยากจะเจอ!
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับจ่ายโอสถความยากเก้าขั้นเทวะออกมาง่ายๆ มีหรือที่คนทั้งหลายจะไม่ตื่นตะลึง?
ที่สำคัญตอนนี้มันยังมีเซินชางอยู่ที่ด้านข้างเป็นเครื่องยืนยันถึงความหายาก แน่นอนว่ามันยิ่งทำให้เรื่องราวน่าเหลือเชื่อไปกว่าเก่า
เย่หยวนยื่นมือออกไปรับกิเลนดินนั้นไว้ก่อนจะได้ยินเสียงเซินชางร้องขึ้น “ช้าก่อน!”
เจ้าของร้านขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที “อาจารย์ การค้าขายเสร็จสิ้นไปแล้ว หรือว่าท่านคิดจะทำลายข้อตกลงค้าขายของผู้อื่น?”
ในแหล่งรวมร้อยสมุนไพรข้อเสนอการค้านั้นจะถูกตกลงด้วยคนสองฝ่ายเท่านั้น
การทำลายข้อตกลงด้วยมือที่สามนั้นเป็นโทษความผิดที่รุนแรงแม้แต่คนอย่างเซินชางก็ไม่อาจแบกรับความผิดนั้นได้
เซินชางเองก็ไม่ได้ตอบออกไป เขาแค่ยื่นมือไปหาเจ้าของร้านนั้นและกล่าวขึ้น “ขอข้าดูโอสถนั้นหน่อย”
เจ้าของร้านนั้นลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนที่สุดท้ายจะนำขวดโอสถนั้นออกมาวาง
เขานั้นไม่กังวลว่าเซินชางจะกล้าทำลายมันเพราะคุณค่าของโอสถนี้มันมิใช่สิ่งที่เขาจะหามาทดแทนชดใช้ได้ง่ายๆ
เซินชางปล่อยจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนลงไปในขวดโอสถ
ไม่นานใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อไปเพราะมันเป็นอย่างที่เจ้าของร้านคนนี้ว่าจริงๆ
“เด็กน้อย เจ้าเติบโตมาจากตระกูลใด?” เซินชางถามเย่หยวน
“เติบโต?” เย่หยวนมึนงงไปพักใหญ่
“เลิกวางท่าได้แล้ว! ดูอายุของเจ้าคงไม่เกินสองพันปีเสียด้วยซ้ำ หากเจ้าสามารถหลอมโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตได้ใกล้เคียงกับขั้นเทวะม่วงเช่นนี้ด้วยอายุเท่านี้เฒ่าคนนี้จะเสียเวลาทั้งชีวิตไปเพื่ออะไรกัน?” เซินชางบอก
ได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายก็เริ่มทำหน้าตาเข้าใจออกมา
ใช่!
เด็กคนนี้มันต้องมาจากตระกูลนักหลอมโอสถชื่อดังแน่ ทำให้เบื้องหลังเขามีจอมเทพโอสถสุดแกร่งอยู่มากมาย
และในจำนวนคนเหล่านั้นมันต้องไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอาจารย์เซินจางแน่ หรือบางทีอาจจะสูงส่งกว่าเสียด้วยซ้ำ
ไม่เช่นนั้นแล้วอาจารย์เซินชางคงไม่ทำหน้าจริงจังถึงขนาดนี้
ส่วนเรื่องที่เย่หยวนใช้เวลาหลายชั่วโมงในห้องหลอมโอสถมันก็เพื่อที่จะอวดอ้างปกปิดเรื่องราวที่แท้จริงนี้
ได้ยินคำของเซินชางเย่หยวนก็ผงะไปทันที
หรือว่าฝีมือนี้ของเขาจะเก่งกาจจนเกินไป?
เซินชางคนนี้ถึงกับไม่เชื่อว่าเขานั้นเป็นคนหลอมโอสถนี้ขึ้นมาเอง
หากเขานั้นหลอมโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลแล้วเซินชางจะไม่คิดว่าคนผู้อยู่เบื้องหลังเขาเป็นโอสถบรรพกาลเลยหรือ?
“โอสถนี้ข้าเป็นคนหลอมขึ้นเอง” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ
เซินชางมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย “หนุ่มน้อย การอยากมีชื่อเสียงมันก็ดีหรอก แต่เจ้านั้นต้องใช้พลังฝีมือของตน! ด้วยคำพูดของเจ้าในตอนนี้หากเจ้ากลายเป็นคนดังชื่อเสียงสะท้านแผ่นดินมีผู้คนเดินทางมาขอให้เจ้าหลอมโอสถแล้วเจ้าจะทำอย่างไร? เจ้านั้นมีพื้นฐานเบื้องหลังที่ไม่เลว อย่าได้ทำอะไรหาเรื่องใส่ตัวเลย!”
ดูท่าแล้วเซินชางจะไม่คิดเชื่อเย่หยวนแม้แต่น้อย
เย่หยวนเดินออกไปซื้อสมุนไพรและใช้เวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมงไปในกับการหลอมโอสถให้ถึงขั้นเทวะม่วง
ในสายตาของเซินชางแล้วเย่หยวนนั้นทำเรื่องราวทั้งหมดก็เพื่อปกปิดความจริง หวังว่าคนอื่นๆ จะเชื่อว่านี่คือโอสถที่เขาหลอมขึ้นมาเอง
ในความคิดของเซินชางนั้นแท้จริงแล้วเย่หยวนน่าจะมีโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะติดตัวมาแต่แรก
หากเขามาจากตระกูลหลอมโอสถชื่อดังจริงแล้วการจะพกโอสถเช่นนี้ติดตัวมันก็เป็นไปได้
เพียงแค่ว่าการ ‘แสร้ง’ นี้ของเย่หยวนมันทำให้เซินชางปวดใจ
ที่ด้านข้างทั้งไป๋เฉินทั้งหนิงเทียนปิงต่างไม่อาจทนรับฟังได้อีกต่อไปจนแทบจะเถียงขึ้นมาแต่กลับเป็นเย่หยวนที่ห้ามพวกเขาไว้
“ท่านอาจารย์เซินชางสั่งสอนได้ดี ผู้เยาว์รับทราบแล้ว แต่ทว่าตระกูลที่ข้าเติบโตมานั้นไม่ได้อยู่กับข้าที่นี่ คิดว่าท่านคงต้องผิดหวังแล้ว” เย่หยวนยิ้มตอบไป
เย่หยวนนั้นเข้าใจดีว่าไม่ว่าจะอธิบายไปเท่าใดชายแก่คนนี้ก็คงไม่มีทางจะเชื่อในคำพูดของเขาอย่างแน่นอน จึงได้แต่ต้องตอบตามน้ำไปเพื่อตัดปัญหา
………………………