โถงโอสถสวรรค์นั้นคือสถานที่ที่เหล่ายอดฝีมือระดับตำนานของศาลาโอสถสวรรค์จะมาพูดคุยปัญหาภายในกัน
มีเพียงแค่เหล่ายอดฝีมือที่มีตราเหรียญยาฟ้าเท่านั้นจึงจะสามารถผ่านเข้ามาในที่แห่งนี้ได้
เหล่านักหลอมโอสถในศาลาโอสถสวรรค์นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นหกระดับ ทองแดง เงิน ทอง จิตม่วง เกล็ดดำ และขั้นสูงสุดขั้นยาฟ้า
เมื่อขึ้นมาจนถึงขั้นยาฟ้าได้คนทั้งหลายนี้ต่างเป็นยอดฝีมือจอมเทพโอสถหกดาวขั้นสุดทั้งสิ้น
ที่สำคัญพวกเขาทั้งหลายนี้ยังมีฝีมือมากกว่าจอมเทพโอสถคนอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่างมาก!
ศาลาโอสถสวรรค์นั้นมีนักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าอยู่ทั้งสิ้นสิบห้าคนและเจ็ดคนในนั้นก็ได้ปักหลักอยู่ที่ศาลาโอสถสวรรค์นี้เป็นการถาวร
ส่วนคนอื่นๆ เองล้วนเป็นยอดคนชื่อดังทั่วฟ้ามีอำนาจล้นมือในเขตดินแดนของตน
และคนทั้งเจ็ดนี้เองที่เป็นผู้ดูแลควบคุมกิจการงานของศาลาโอสถสวรรค์ทั้งหมด
ในเวลานี้กำลังมีสามนักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้านั่งมองหน้ากันอยู่ภายในโถง
ที่ตรงกลางมีชายหนวดขาวผู้หนึ่งพูดขึ้น “เจ้าหนุ่มเย่หยวนคนนี้ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรกัน?”
ชายชราชุดเทากล่าวขึ้น “ศึกกว่าร้อยครั้งเด็กคนนี้มันหลอมโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลได้กว่ายี่สิบครั้ง ขั้นเทวะโมฆะกว่าหกสิบครั้ง และขั้นเทวะม่วงเพียงไม่ถึงสิบครั้ง! พลังฝีมือเช่นนี้มันเหนือล้ำอย่างที่ไม่เคยจะได้ยินได้ฟังมาก่อน!”
ชายวัยกลางคนในชุดเขียวอีกผู้ก็พูดขึ้นตามพร้อมพยักหน้า “เด็กคนนี้มันมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำ! เพียงแค่ว่าระดับความยากของโอสถที่ใช้ในสังเวียนเงินนั้นมันไม่ได้สูงส่งนัก เรื่องที่ว่าเขานั้นแท้จริงเก่งกาจเพียงใดมันคงต้องรอพิสูจน์กันอีกสักพัก”
ชายหนวดขาวพูดขึ้นต่อ “เป็นเช่นนั้นจริง! แต่ในสายตาของข้าแล้วพลังฝีมือของเขานั้นคงมากพอที่จะขึ้นขั้นเกล็ดดำได้!”
คนทั้งสองที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าออกมาอย่างพร้อมเพรียงไม่มีท่าทางขัดใดๆ
เพราะตามความเป็นจริงแล้วเหล่าผู้คนที่ขึ้นไปถึงขั้นเกล็ดดำได้ล้วนแล้วแต่เป็นจอมเทพโอสถหกดาวกันสิ้น
เว้นเสียแต่ว่าการจัดระดับของศาลาโอสถสวรรค์นี้มันไม่ได้แบ่งกันไปตามการบ่มเพาะแต่แบ่งกันตามความสามารถในการหลอมโอสถ
ในหมู่ทองทั้งหลายเองก็มีจอมเทพโอสถหกดาวอยู่บ้าง แต่พวกเขานั้นไม่ได้มีพลังฝีมือมากพอจะขึ้นขั้นเกล็ดดำ
ตรงกันข้ามบางครั้งบางทีก็อาจจะมีจอมเทพโอสถห้าดาวที่มีพลังฝีมือเหนือล้ำก้าวข้ามหน้าเหล่าจอมเทพโอสถหกดาวขึ้นมาได้
โดยทั่วไปแล้วจอมเทพโอสถหกดาวนั้นควรจะเก่งกาจกว่าจอมเทพโอสถห้าดาว แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เด็ดขาดแต่อย่างใด
เพราะเช่นนั้นแล้วการที่จอมเทพโอสถห้าดาวจะหลอมได้ถึงขั้นเทวะแต่จอมเทพโอสถหกดาวไม่สามารถหลอมได้มันจึงไม่แปลกนัก
มันแค่แสดงให้เห็นว่าจอมเทพโอสถห้าดาวคนนั้นมีศักยภาพมากกว่า
เมื่อพวกเขาเหล่านี้บรรลุขึ้นถึงหกดาวได้แล้วพวกเขาก็ย่อมจะเก่งกาจกว่าจอมเทพโอสถหกดาวทั่วๆ ไปอย่างแน่นอน
เหล่าคนที่เคยได้สู้ในสังเวียนประลองโอสถของศาลาโอสถสวรรค์นี้จนขึ้นไปถึงระดับทองขั้นสูงสุดได้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนในหมู่ยอดคน พลังฝีมือของพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่อาจดูถูกได้เลย
ชายหนวดขาวเองก็เข้าใจดีถึงความเก่งกาจของเย่หยวนต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นจอมเทพโอสถหกดาวขั้นกลางมันก็คงไม่อาจเทียบเคียงฝีมือเขาได้
ระหว่างที่คนทั้งสามคุยกันไปนี้ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาในโถง
ชายชรากล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “เฉินหยู่ ส่งคนไปเรียกข้ามาอย่างรีบร้อนมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เจ้าไม่รู้หรือว่าช่วงนี้ข้ายุ่งแค่ไหน?”
ชายหนวดขาวตอบกลับไป “หึ เซินชางเฒ่า เจ้ายุ่งมากสิ! ระหว่างช่วงหลายวันที่เจ้าไม่อยู่นี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในศาลาโอสถสวรรค์แล้ว!”
ชายชราที่เพิ่งเข้ามานี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกจากเซินชางที่ไปแย่งซื้อกิเลนดินกับเย่หยวนที่แหล่งรวมร้อยสมุนไพรนั่นเอง
เฉินหยู่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเย่หยวนออกมาให้เซินชางฟังจนหน้าถอดสี
“เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าเขานามเย่หยวน?”
เซินชางย้อนกลับไปนึกถึงชื่อเย่หยวนที่เหมือนคุ้นหูเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
เฉินหยู่พยักหน้ารับ “ใช่แล้ว จะว่าไปเจ้าเด็กคนนี้มันก็ช่างเป็นสัตว์ประหลาดแท้ อายุแค่พันกว่าปีแต่กลับมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำจนน่ากลัว!”
เซินชางสั่นสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวนั้นได้ เขาบ่มพึมพำกับตัวเองออกมาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “บ้าน่า! เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้! มีหรือที่จะเป็นเขาไปได้?”
เฉินหยู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมหรือ? เจ้าเคยพบเจอเขา?”
เซินชางยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่น่าจะใช่ผู้เดียวกัน! ช่างเถอะ ไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง!”
พูดจบเขาก็ขยับร่างจางหายไปจากโถงโอสถสวรรค์
…
สังเวียนทอง เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องสนั่นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดพัก
ในเวลาไม่กี่วันมานี้เย่หยวนได้ทำการประลองชนะไปกว่ายี่สิบครั้ง โค่นยอดฝีมือของสังเวียนทองคำนี้ลงไปหลายต่อหลายคน
เพราะเช่นนั้นเองตอนนี้เย่หยวนจึงเริ่มมีผู้ติดตามชื่นชอบขึ้น
บนสังเวียนนั้นเย่หยวนยืนหนักแน่นราวขุนเขาอย่างที่ไม่อาจมีใครไปสั่นคลอนได้
และผู้คนที่กำลังประลองกับเขาอยู่นั้นเองก็เป็นหนึ่งในห้ายอดนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับทอง
แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเย่หยวนแล้วมันย่อมเป็นได้แค่เด็กน้อย
ในความเป็นจริงแล้วตั้งแต่ที่ทุกผู้คนรู้ถึงความเก่งกาจของเย่หยวนเหล่ายอดฝีมือที่ครองสังเวียนนี้มานานต่างก็อาสาออกไปท้าทายเย่หยวนกันคนแล้วคนเล่า
พวกเขาย่อมไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะหวังชนะเย่หยวน แต่เพื่อหวังจะเรียนรู้จากเย่หยวน
การประลองกับยอดฝีมือเช่นนี้มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ
ตอนนี้สังเวียนประลองของเย่หยวนจึงได้กลายเป็นห้องเรียนไปแล้วอย่างสมบูรณ์
ภายใต้การแนะนำของเย่หยวนเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทองทั้งหลายที่มีความสามารถเข้าใจได้รวดเร็วต่างพอที่จะเข้าใจในวิชาโอสถขึ้นบ้าง
นี่เป็นโอกาสที่ล้ำค่าแก่พวกเขา
ระหว่างที่การประลองกำลังเกิดขึ้นอย่างดุเดือดก็มีเงาร่างหลายเงาพุ่งผ่านเข้ามายังสังเวียนทอง
“พวกเจ้าดูสิ นั่นมันท่านอาจารย์เซินชางมิใช่หรือ?”
“แถมยังมีท่านอาจารย์เฉินหยู่ด้วย! หลายปีก่อนเขาได้ทำการสอนวิชา ข้าล่ะโชคดีจริงๆ ที่ได้ไปฟังในวันนั้น!”
“พระเจ้าช่วย เก่งกาจเสียจริง อาจารย์เย่หยวนนั้นได้ทำให้เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าหันมาสนใจได้แล้ว”
…
ตอนนี้เหล่าผู้คนทั้งหลายต่างแตกตื่นกันถ้วนหน้าเพราะการที่มียอดคนมากมายเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมันย่อมเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คนทั้งหลายในสังเวียนทองนี้ต่างเป็นผู้คนที่เมื่อออกไปยังโลกภายนอกแล้วจะมีชื่อเสียงโด่งดังล้นฟ้า
แต่ต่อหน้าเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าพวกเขานั้นไม่มีค่าใดๆ ให้ต้องกล่าวถึง
เพราะพวกเขาเหล่านี้คือตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
เซินชางเดินเข้ามาในเขตประลองและได้เห็นร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่บนนั้น ภาพนี้มันทำให้ทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยสายตาที่ไม่อาจจะละไปจากเขาได้
“เป็นอะไรไปพี่เซิน?” เฉินหยู่บอก
เซินชางนั้นรู้สึกราวกับว่าสมองของตัวจะแตกระเบิดออก
“โอสถนี้ข้าเป็นคนหลอม” คำพูดนั้นของเย่หยวนดังก้องขึ้นในหัวอย่างหยุดไม่ได้
ในตอนนั้นเซินชางแค่คิดว่าเย่หยวนนั้นเพียงแค่คิดโกหกเพื่อสร้างชื่อเสียง
แต่คำโกหกนี้มันจะเกินจริงจนเกินไป
มีหรือที่จอมเทพโอสถห้าดาวจะสามารถหลอมโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะได้?
คำโกหกเช่นนี้แม้จะเป็นเด็กตัวน้อยก็คงไม่มีทางเชื่อ
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเย่หยวนทำการหลอมอย่างง่ายดายและลื่นไหลตรงหน้าแล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงท่าทางของยอดฝีมือ
เย่หยวนนั้นหลอมโอสถได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล แค่หลอมโอสถความยากเก้าขั้นเทวะมันก็มิใช่จะเป็นไปไม่ได้
หรือว่าโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตนั้นเขาจะเป็นคนหลอมจริง?
“เป็นเขาจริงๆ” เซินชางพูดพร้อมสูดหายใจเข้าลึก
เฉินหยู่เองก็ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เจ้าเด็กคนนี้มันไปทำอะไรมา ทำไมเจ้าจึงได้ตื่นตกใจเช่นนั้น?”
เซินชางจึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นออกมาทำให้เหล่ายอดคนทั้งหลายต่างตกตะลึง
“เจ้าจะบอกว่าเขาหลอมโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะได้ด้วยเวลาแค่สี่ชั่วโมงกว่า? นี่มัน… จะเป็นไปได้อย่างไร?” เฉินหยู่บอกขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
เซินชางส่ายหัวออกมา “มันไม่แน่ว่าจะเป็นเขาที่หลอม มันอาจจะเป็นของติดตัวจากตระกูลของเขาก็ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียโอสถความยากห้าหรือหกมันก็ไม่อาจเทียบโอสถความยากเก้าได้ เพียงแค่ว่าข้าไม่นึกเลยว่าวิชาโอสถของเด็กคนนี้มันจะเก่งกาจได้ปานนี้ เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกันแน่?”
…………………………