“ท่านเจ้าโถงมู่เฟิงกลับขอโทษต่อเย่หยวน!”
“ช่างน่าเหลือเชื่อนัก! ท่านเจ้าโถงมู่เฟิงนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้ขั้นสุดแต่กลับต้องพูดกล่าวขอโทษต่อเด็กหนุ่มนภาสวรรค์!”
“เจ้าจะไปรู้อะไร! เย่หยวนนั้นชนะยู่หยิงได้แน่นอนว่าเขาย่อมมีพลังฝีมือมากพอจะขึ้นไปยังขั้นยาฟ้าได้ และนั่นมันคือตัวตนในระดับเดียวกับท่านเจ้าโถงมู่เฟิง! คนเช่นนั้นแล้วท่านเจ้าโถงมู่เฟิงเองก็จะไปลบหลู่ง่ายๆ คงไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดทางโถงวาโยขจีแต่แรกด้วย”
…
การกระทำนี้ของเจ้าโถงมันทำให้ผู้คนตกตะลึง
มู่เฟิงนั้นเป็นสุดยอดตัวตนในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว คนอื่นๆ แม้คิดจะอยากพบยังไม่สามารถพบได้
หากเป็นคนอื่นแล้วต่อให้มันจะเป็นความผิดของทางโถงวาโยขจีเอง ตัวเขาก็คงไม่ยอมก้มหัวลงกล่าวขออภัยง่ายๆ เช่นนี้
แต่ใครจะไปนึกไปฝันว่าเขากลับเลือกที่จะยอมรับผิดและขอโทษต่อเด็กหนุ่มนภาสวรรค์ผู้หนึ่ง?
“ท่านเจ้าโถง…”
ยู่หยิงและเจียงหยวนนั้นมีใบหน้าซีดเผือดและกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่กลับถูกทางมู่เฟิงยกมือขึ้นมาห้ามไว้เสียก่อน
คนทั้งสองนั้นจึงได้แต่ยืนอับอายด้วยใบหน้าขาวซีด
เรื่องราวที่พวกเขาก่อขึ้นมานี้มันกลับต้องให้ท่านเจ้าโถงออกมาเช็ดล้างจัดการให้
เย่หยวนมองดูมู่เฟิงพร้อมบอก “เรื่องที่ว่าผู้อาวุโสยู่จะออกไปจากเมืองหรือไม่มันย่อมไม่ได้สำคัญใดๆ กับข้า วันนี้เย่ผู้นี้ได้รับทราบถึงความเห็นแก่ตัวของโถงวาโยขจีแล้ว เมื่อท่านเจ้าโถงคิดออกมารับหน้าแทนเช่นนี้ เย่ผู้นี้ก็ย่อมไม่คิดจะตามรังควานบีบบังคับใดๆ อีก ให้เรื่องทั้งหลายมันจบลงเท่านี้เถอะ”
เย่หยวนนั้นรู้ขีดจำกัดของตัวดี เพราะสุดท้ายไม่ว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอาณาจักรนภาสวรรค์ผู้หนึ่ง
มู่เฟิงนั้นขอโทษเขาต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้แล้วมันย่อมทำให้เย่หยวนไม่อาจจะตามเอาความผิดใดๆ ได้อีก
เพียงแค่ว่าตอนนี้เขาได้รับรู้ถึงธาตุแท้ของโถงวาโยขจีแล้วและแม้มู่เฟิงจะมาแสดงท่าทีเป็นมิตรใดๆ เขาก็ย่อมจะไม่รับมันไว้
เรื่องทั้งหมดทั้งสิ้นให้มันจบลงเท่านี้
กับโถงวาโยขจีเองเย่หยวนก็รู้สึกไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวใดๆ ด้วยอีก
เพราะไม่ว่าจะเป็นยู่หยิงหรือเจียงหยวน พวกเขาต่างก็แสดงนิสัยที่เย่หยวนไม่อาจรับได้ออกมาทั้งคู่
เจ้าโถงนั้นยังคงยิ้มกว้างออกมาราวกับว่าไม่เห็นท่าทางไม่พอใจนี้ของเย่หยวน “สหายหนุ่มเย่นั้นช่างมีสายตากว้างไกล โถงวาโยขจีเราต้องขอบคุณเจ้ามาก ผู้อาวุโสยู่ ผู้อาวุโสเจียง ทำไมยังไม่ขอบคุณสหายหนุ่มเย่อีก?”
เมื่อคนทั้งสองได้ยินพวกเขาก็ก้มหัวลงทันที
เย่หยวนเองก็พยักหน้ารับออกมาเป็นคำตอบ
ไม่มีใครคาดฝันว่าเรื่องราวสุดแสนใหญ่โตมันจะจบลงง่ายๆ เช่นนี้
และสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันมากที่สุดก็คือทางโถงวาโยขจีกลับต้องเป็นฝ่ายออกมาขอโทษแก่เด็กหนุ่มนภาสวรรค์!
การประลองของเย่หยวนและยู่หยิงนั้นดังลั่นสะท้านทั้งศาลาโอสถสวรรค์ไปอย่างรวดเร็วและยังแพร่กระจายออกไปในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวทั้งหมดสิ้น
หลังจากนั้นเบื้องหลังประวัติของเย่หยวนก็ถูกขุดค้น
และนั่นมันทำให้ทั้งเมืองต้องตกตะลึง!
เพราะเดิมทีพวกเขาต่างคาดเดาเรื่องของเย่หยวนไปสารพัด
บ้างว่าเขาน่าจะมาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์บ้าง บ้างบอกว่าเขามาจากตระกูลใหญ่โต บ้างถึงขั้นบอกว่าเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับโอสถบรรพกาล
เพียงแค่ว่าไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นแค่มาจากเมืองจักรพรรดิหนึ่ง
เมื่อขุดลึกลงไปอีกเมืองจักรพรรดินั้นมันยังเป็นแค่เมืองจักรพรรดิบ้านนอกหนึ่ง!
นักหลอมโอสถที่ไม่มีที่มาใหญ่โตใดๆ กลับใช้เวลาแค่พันกว่าปีในการเรียนรู้ขึ้นมาชนะนักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำได้ นี่มันเป็นพรสวรรค์ที่ทำให้เทพปีศาจใดๆ ต้องร่ำร้องกันระงม
ทำให้ในเวลานี้เย่หยวนจึงได้กลายเป็นที่ชื่นชมของเหล่านักหลอมโอสถกันอย่างไม่ขาดปาก
ในศาลาโอสถสวรรค์เองเหล่ายาฟ้าทั้งหลายก็ตื่นตะลึงกันอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเซินชางที่ตอนนี้เขาไม่อาจจะอธิบายอารมณ์ความรู้สึกที่มีในใจออกมาเป็นคำพูดได้แล้ว
“หรือว่าแท้จริงแล้วโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตนั้นเองก็เป็นตัวเขาที่หลอมขึ้นมา? จอมเทพโอสถห้าดาวกลับสามารถหลอมโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะได้ นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน?” เซินชางยังคงไม่คิดอยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น
เพราะแม้ว่าสมองจะสามารถคาดเดาเรื่องราวได้แล้วแต่จิตใจของเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะรับมัน
อย่างแรกเลยคือฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมาในสังเวียนจิตม่วงนั้นมันค่อยๆ เบาบางอ่อนแอลง อย่างที่สองนั้นคือเรื่องเช่นนี้มันเกินกว่าที่จะเป็นไปได้
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับแสดงออกมาว่าแม้จะเป็นโอสถความยากแปดแต่เขาก็ยังสามารถหลอมมันขึ้นไปได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล เช่นนั้นแล้วการจะหลอมโอสถความยากเก้าให้ถึงขั้นเทวะมันก็ดูไม่ไกลเกินเอื้อม
เฉินหยู่พูดขึ้นมาด้วยท่าทางประหลาดใจ “เช่นนั้นแล้วเขาคงมีคุณสมบัติพอจะขึ้นมาเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้ากับพวกเรา! ดูท่าแล้วหากแค่วัดกันด้วยการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า แม้พวกเราก็คงไม่อาจเทียบเขาได้!”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็ต้องหันไปมองหน้ากันทันที
โอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะนั้นมีพวกเขาคนใดบ้างที่คิดหลอมได้ตามใจนึก?
หากไม่ใช่ความบังเอิญโชคช่วยอย่างมหาศาลแล้วพวกเขาย่อมไม่อาจจะหลอมมันขึ้นมาได้
แต่เย่หยวนกลับหลอมได้!
จอมเทพโอสถห้าดาวที่เข้ามาในขั้นยาฟ้า ไม่ว่าจะคิดอย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจนเกินรับ
เซินชางนั้นไม่อาจพูดจาใดๆ ได้อีกต่อไป เขาย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องที่แหล่งรวมร้อยสมุนไพร ตอนนั้นเขายังมีหน้าไปบอกแนะนำสั่งสอนเย่หยวน มันช่างน่าขันเสียจริงๆ
เขาได้รู้แล้วว่าเย่หยวนนั้นมีความเก่งกาจที่เกินกว่าอายุไปอย่างมากแต่กลับยังมีท่าทางปกติไม่โอหังอวดดี
หากเป็นคนหนุ่มคนอื่นๆ ที่เก่งกาจได้อย่างเย่หยวนและมีคนมาบอกว่าโอสถที่เขาหลอมเองนั้นมิใช่ของที่เขามีปัญญาทำ พวกเขาทั้งหลายคงเดือดดาลขึ้นมาแล้ว
แต่เย่หยวนกลับไม่มีท่าทีเช่นนั้น!
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังรับคำของอีกฝ่ายไปอย่างไม่เถียงให้มากความ
หากเย่หยวนนั้นเถียงกลับมาแล้วทำการหลอมโอสถต่อหน้าทุกผู้คนตรงนั้น ใบหน้าเฒ่าๆ นี้คงแตกสลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
เมื่อนึกย้อนกลับไปเซินชางก็รู้สึกขอบคุณเย่หยวนขึ้นมาจับใจ
อายุยังน้อยแต่กลับมีความคิดเยือกเย็น เรื่องนี้มันยิ่งแสดงถึงความไม่ธรรมดา
“หึ นักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าเราไม่ได้มีสมาชิกใหม่มานับแสนปีแล้วใช่หรือไม่? วันนี้มันคงได้เวลาที่จะได้สมาชิกใหม่เสียที การที่ให้เย่หยวนขึ้นขั้นยาฟ้ามามันย่อมจะเป็นประโยชน์แก่ศาลาโอสถสวรรค์เราแน่!” เซินชางบอก
เฉินหยู่เองก็พยักหน้ารับ “เด็กคนนี้มีอนาคตที่ไร้จำกัด การให้เขาขึ้นขั้นยาฟ้ามามันจะมีแต่สร้างชื่อเสียงให้พวกเราในวันหน้าแทน”
…
‘ตุบ!’
เจียงหยวนใช้แรงเพียบงเล็กน้อยก็ส่งร่างของเจียงหัวลงคุกเข่าต่อหน้าเย่หยวนได้
“น้องเย่ ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่เจียงผู้นี้ไม่รู้จักควบคุมลูกน้องและเกือบทำให้เกิดหายนะ วันนี้ข้าได้นำตัวเจ้าคนชั่วร้ายนี้มาส่งรับคำตัดสินเจ้าแล้ว!” เจียงหยวนยกมือขึ้นคารวะเย่หยวน
วันนั้นหลังจากเจียงหัวหนีจากศาลาโอสถสวรรค์ไปเขาก็พยายามที่จะหลบซ่อนหนีไป
น่าเสียดายที่ว่าด้วยพลังอำนาจของโถงวาโยขจีที่ถูกใช้ออกมาอย่างเต็มที่มีหรือที่จะปล่อยให้นภาสวรรค์ผู้หนึ่งหนีรอดออกไปได้?
หลายวันต่อมาพวกเขาได้พบว่าเจียงหัวไปแอบอยู่กับบ้านของชาวบ้านผู้หนึ่ง
วันนี้มู่เฟิงและเจียงหยวนจึงได้นำตัวเจียงหัวมาส่งถึงหน้าเรือนหอมปิติให้เย่หยวนตัดสิน
เจียงหัวนั้นมีสายตาที่สิ้นหวังได้แต่คลานเข้ามาหาเย่หยวน “ท่านเย่หยวน ไว้ชีวิตข้าเถอะ! ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่! ทุกสิ่งอย่างมันล้วนเป็นความผิดที่ข้าน้อยทำลงไปสิ้น!”
เย่หยวนมองดูเจียงหัวพร้อมกล่าว “วันนั้นที่เรือนรับรองมันจะมิใช่เรื่องใหญ่โตใดๆ เลยที่เจ้าไล่ข้าออกมา หากเจ้าไม่ให้ข้าพบผู้อาวุโสเจียงข้าก็แค่ไม่พบและใช้วิธีการอื่นเพื่อพบเขา แต่เจ้านั้นกลับไม่คิดปล่อยมันผ่านไปและคิดฆ่าสังหารข้า ในเมื่อเจ้าคิดสังหารผู้คน เจ้ากับข้าก็ได้เข้าสู่สถานะต้องมีผู้ใดผู้หนึ่งตายลง แล้วเจ้ายังจะมาร้องขอชีวิตอีก?”
เมื่อเจียงหัวได้ยินเช่นนั้นเขาก็แสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมา “ท่านเย่หยวน ข้าน้อยรู้ตัวแล้วว่าผิด! ข้าน้อยรู้ตัวแล้ว! โปรดท่านไว้ชีวิตเมตตาด้วย!”
เย่หยวนไม่คิดสนใจพูดกับเขาอีกจึงหันไปบอกเจียงหยวน “ผู้อาวุโสเจียง นี่คนของท่าน ท่านจัดการเองเถอะ”
เจียงหยวนเองก็เกลียดแค้นเจียงหัวจนถึงกระดูกดำ “ข้าเลี้ยงดูเจ้าอย่างดีมานับแรมปีแต่เจ้ากลับตอบแทนคุณด้วยการกระทำเช่นนี้! ความคิดชั่วร้ายของเจ้านี้เกือบทำให้ข้าฉิบหายอย่างไม่อาจกู้กลับได้แล้ว! หากวันนี้ข้าไม่สังหารเจ้าลงเสียความแค้นนี้ก็คงไม่มีทางจางหายไปได้!”
เจียงหัวนั้นยังพยายามพูดออกมาแต่เจียงหยวนกลับตบฝ่ามือลงกลางศีรษะส่งเขาสู่ยมโลกทันที
…………………………