“น้องเย่ เรื่องทั้งหมดสิ้นนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของข้า เจียงผู้นี้ต้องขออภัยด้วย ข้ารู้ดีว่าการสังหารเจ้าสัตว์ร้ายนั่นไปมันก็ไม่อาจจะช่วยระบายความโกรธแค้นของน้องเย่ได้ข้าจึงได้นำสิ่งของมามอบเป็นของขวัญให้ด้วย”
พูดไปเจียงหยวนก็ยกมือขึ้นตบหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณให้เหล่าคนรับใช้มากมายเดินนำกองภูเขาสมบัติเข้ามา
“น้องเย่ นี่คือรายชื่อของที่นำมาโปรดรับมันไว้ด้วย”
พูดไปเจียงหยวนก็ยื่นรายชื่อสีแดงยาวออกมาให้ ประเมินจากสายตาแล้วมันคงมีมากกว่าร้อยรายการ
เมื่อหนิงเทียนปิงเห็นเย่หยวนพยักหน้ารับเขาจึงเดินหน้าออกไปรับรายชื่อนั้นมา
เมื่อลองก้มลงมองดูหนิงเทียนปิงเองก็อดไม่ต้องที่ต้องอ้าปากค้าง
ช่างน่ากลัวยิ่ง นี่สินะที่เขาบอกว่าคนรวยมีปากเสียงมากกว่าคนจนๆ
ของขวัญแต่ละอย่างบนรายการนี้ไม่มีสิ่งใดเลยที่มิใช่สมบัติล้ำค่า
หนิงเทียนปิงนั้นได้แต่ประหลาดใจกับความร่ำรวยของโถงวาโยขจีอยู่ในใจ แต่แน่นอนว่าเขาต้องประทับใจในตัวของเจ้านายตนมากกว่า
เพราะโถงที่ยิ่งใหญ่อย่างโถงวาโยขจีนี้กลับต้องมาขอโทษนายเขาถึงหน้าประตู
นอกจากเรื่องสังหารเจียงหัวแล้วมันยังมีสิ่งของแทนคำขอโทษอีกมากมาย
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ “เย่ผู้นี้ขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสเจียง”
เจียงหยวนนั้นรีบตอบกลับมา “ไม่เลย! เจียงผู้นี้ต่างหากที่ต้องขอบคุณน้องเย่ที่จิตใจกว้างขวางเรื่องราวแล้วไปแล้วก็ปล่อยมันผ่านไป!”
เด็กหนุ่มตอบ “เช่นนั้นเรื่องราวทั้งหมดให้มันจบเท่านี้ เรื่องของพวกท่านกับข้านับว่าหายกัน ท่านเจ้าโถงมู่ ท่านผู้อาวุโสเจียง เชิญ!”
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะยังไม่ขึ้นไปถึงขั้นยาฟ้าแต่พวกเขาย่อมรู้ดีว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่
และตำแหน่งของนักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้านั้นมันเหนือล้ำกว่าเจ้าโถงใดๆ
เพราะฉะนั้นตอนนี้เย่หยวนจึงมั่นใจที่จะไล่อีกฝ่ายกลับไปได้
เพราะเขาในตอนนี้ไม่ต้องไปพึ่งพาโถงวาโยขจีอีกต่อไปแล้ว
ในความเป็นจริงแล้วเหล่าเจ้าโถงแห่งหอมหาสมบัติในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวอีกสามคนต่างได้ส่งคนมาพยายามติดต่อกับเย่หยวนกันก่อนแล้ว
ไม่ใช่แค่สามโถงนี้เท่านั้น ตอนนี้เหล่าค่ายสำนักต่างๆ ก็พยายามคิดหาทุกวิถีทางที่จะติดต่อให้เย่หยวนเป็นคู่ค้า
เย่หยวนนั้นได้ปล่อยข่าวออกไปด้วยตำแหน่งฐานะของเขาในตอนนี้ว่าเขานั้นกำลังมองหาคู่ค้าด้วยทำให้มีผู้คนมากมายคิดอยากร่วมงานกับเขา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องไปร่วมมือกับโถงวาโยขจีที่เขามีเรื่องราวด้วยแล้ว
เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนไล่พวกเขากลับทันทีทางเจียงหยวนก็หน้าซีดขาวลง
พวกเขานำของขวัญใหญ่โตมาส่งแน่นอนว่ามันย่อมมิใช่แค่เพียงขอโทษเย่หยวนให้จบสิ้นเรื่องราว
พวกเขานั้นได้ยินคำที่เย่หยวนประกาศออกไปว่ากำลังหาคู่ค้าอยู่ทำให้เจียงหยวนแทบอยากฆ่าสังหารเจียงหัวลงอีกนับพันๆ ครั้ง
เจ้าสัตว์ร้ายนี้มันทำให้เรื่องราวเสียหายไปหมดสิ้น!
ด้วยพลังความสามารถด้านโอสถของเย่หยวนแล้วการได้คู่ค้าเช่นเขามันย่อมจะเป็นประโยชน์แก่ทางโถงวาโยขจีอย่างไร้สิ้นสุด
สมุนไพรวิญญาณนั้นจะมีค่าใด? สิ่งที่ผู้คนต้องการกันอย่างแท้จริงนั้นคือโอสถคุณภาพสูงต่างหาก!
การหลอมโอสถความยากแปดให้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันจะเพิ่มมูลค่าได้มากเป็นพันเท่าหรืออาจจะเป็นหมื่นเท่าจากราคาตัวสมุนไพร!
ที่สำคัญกว่านั้นคุณภาพของโอสถนี้มันยังเป็นสิ่งที่ขาดตลาดไม่มีใครสามารถหลอมได้
ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถร่วมมือทำการค้ากับเย่หยวนได้โถงวาโยขจีย่อมจะสามารถกลายเป็นผู้ผูกขาดตลาดโอสถคุณภาพสูงไป
ใครที่คิดอยากได้โอสถคุณภาพสูงย่อมต้องมาขอร้องต่อโถงวาโยขจี
และเมื่อเป็นเช่นนั้นพลังอำนาจของโถงวาโยขจีก็จะยิ่งกว้างไกล
มันเป็นผลประโยชน์ที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบได้!
แต่น่าเสียดายที่เรื่องทั้งหลายนั้นกลับถูกเจียงหัวทำลายสิ้น
เดิมทีนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ แต่ตอนนี้กลับเสียไปจนไกลเกินเอื้อม
เจียงหยวนนั้นมองดูที่มู่เฟิงด้วยท่าทางสุดกังวลแต่ชายร่างอ้วนกลับยิ้มออกมา “สหายหนุ่มเย่ ที่ข้ามาวันนี้แท้จริงแล้วข้ามีผู้คนจะพามาแนะนำด้วย”
ชายร่างอ้วนคนนี้มีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา แต่เย่หยวนก็มองออกได้ทันทีว่าเขานั้นมิใช่คนธรรมดาเลย
แม้ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกลแค่นับเรื่องการขอโทษของเขาต่อหน้าผู้คนมันก็เป็นเรื่องที่ผิดจากคนปกติธรรมดาแล้ว
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่มีตำแหน่งสูงส่ง
หากไม่ใช่เพราะท่าทางนั้นของมู่เฟิงเย่หยวนเองก็คงไม่ยอมปล่อยเรื่อยผ่านไปง่ายๆ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ท่านเจ้าโถงมู่ เรื่องราวระหว่างโถงของท่านและเย่คนนี้นับว่าจบกันตรงนี้ ข้าไม่ต้องการมีสายสัมพันธ์ใดๆ กับโถงของท่านอีก ข้ารู้และขอบคุณในความหวังดีของท่านเจ้าโถงมู่ แต่การแนะนำตัวนี้ข้าคงต้องขอปฏิเสธ”
เพราะความไร้เหตุผลของโถงวาโยขจีนั้นมันยังคงติดตาเย่หยวนจนถึงวันนี้
ไม่ว่ามู่เฟิงจะทำอะไรออกมาความขยะแขยงในจิตใจของเย่หยวนก็ย่อมไม่มีทางจะหายไปได้ง่ายๆ
แต่มู่เฟิงนั้นกลับยิ้มตอบ “สหายหนุ่มเย่ อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธไป คนผู้นี้เจ้าย่อมต้องอยากรู้จักไว้แน่”
เด็กหนุ่มกำลังจะเปิดปากปฏิเสธออกไปอีกครั้งแต่กลับเห็นสองเงาร่างเดินเข้ามาหาก่อน
“เย่หยวน!” ผู้มาถึงนั้นยิ้มกว้างมาแต่ไกลด้วยใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ลงไม่น้อย
“พี่เซียว? ทำไม…” เย่หยวนตื่นตกใจไม่น้อย
เพราะคนที่มาถึงนี้มันมิใช่ใครที่ไหน เขาคือเซียวเฟิงนั่นเองพร้อมที่ด้านข้างก็มีชายแก่ผมขาวเดินตามมาด้วย
หลายวันก่อนหน้านั้นเซียวเฟิงได้บอกว่ามีเรื่องต้องไปจัดการและออกเดินทางไป ไม่นึกว่าวันนี้เขาจะกลับมาพร้อมชายชราคนหนึ่ง
“เย่หยวน ข้า…” เซียวเฟิงพูดติดๆ ขัดๆ เหมือนมีอะไรไปขวางคอไว้
มู่เฟิงยิ้มและบอก “สหายหนุ่มเย่ ขอข้าแนะนำพวกเขาอีกครั้ง นี่คือผู้พิทักษ์ขั้นสูงของโถงวาโยขจีเรา เซียวเฟิง ส่วนนี่คือลู่เจ๋อ ผู้อาวุโสแห่งโถงวาโยขจีเรา”
เย่หยวนเข้าใจได้ในทันทีว่ามู่เฟิงนั้นมีแผนการใด!
แต่เขาเองก็ประทับใจในวิธีการนี้ของมู่เฟิงไม่น้อย เพราะเขาถึงขั้นใช้การเลื่อนขั้นให้คนสนิทของเขาอย่างเซียวเฟิง
เซียวเฟิงนั้นเป็นผู้ดูแลขั้นต่ำผู้หนึ่ง ห่างไกลจากคำว่าผู้พิทักษ์อย่างมากมาย
ผู้พิทักษ์ขั้นสูงนั้นคือตำแหน่งที่มีแต่นักยุทธ์นภาสวรรค์จะขึ้นไปได้ถึง เซียวเฟิงนั้นจะเรียกว่าเป็นหนูตกถังข้าวสารก็ไม่ผิด
เย่หยวนนั้นรู้แล้วว่าเหตุใดเซียวเฟิงถึงได้อ้ำๆ อึ้งๆ เช่นนั้น แท้จริงแล้วมันเป็นเพราะว่าเขายอมรับแผนการของโถงวาโยขจีและกลัวว่าเย่หยวนจะไม่พอใจถึงได้มีสภาพเช่นนั้น
แต่ทว่าวิธีการนี้ของมู่เฟิงเด็กหนุ่มคงบอกไม่ได้ว่าชอบมันนัก
เขานั้นเข้าใจดีว่าเซียวเฟิงนั้นมีความรู้สึกที่ลึกล้ำต่อโถงวาโยขจี แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะสนิทกันมากเพียงใดแต่ความสัมพันธ์ของเขาต่อโถงวาโยขจีนั้นมันก็สุดแสนจะลึกซึ้ง
จะเรียกว่าโถงวาโยขจีนั้นคือบ้านของเขาก็ไม่ผิด
ที่สำคัญกว่านั้นคือแม้แต่ลู่เจ๋อก็ยังถูกลากเข้ามาด้วย
ตอนนี้ด้วยความสนิทสนมที่มากมายเช่นนี้หากเย่หยวนไม่เลือกโถงวาโยขจีแล้วเย่หยวนจะไปเลือกใครได้?
“หึๆ ยินดีกับการเลื่อนขั้นของพี่เซียวด้วย ข้าขอคารวะท่านผู้อาวุโสลู่ เรื่องราวก่อนหน้านี้ข้าต้องขอขอบคุณผู้อาวุโสลู่มาก” เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ
เรื่องราวของบุญคุณที่ติดค้างนั้นเย่หยวนย่อมจำได้ดีว่าเขานั้นติดค้างลู่เจ๋ออยู่
ลู่เจ๋อรีบตอบกลับมา “ท่านเย่จะถ่อมตนเกินไปแล้ว เรื่องเช่นนั้นมันลำบากก็แค่เขียน ที่สำคัญตัวตนของเฒ่าคนนี้เองก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรได้มากมายเลย ข้าคงทำให้ท่านเย่หัวร่อแล้ว”
ตัวตนของเย่หยวนนั้นลู่เจ๋อได้รู้มาจากเซียวเฟิงอย่างดี
ต่อหน้าเด็กหนุ่มแล้วเขาย่อมไม่กล้าเอาความอาวุโสมาข่มใดๆ
เย่หยวนยิ้มตอบ “มันมิใช่ว่าชื่อท่านผู้อาวุโสลู่ไม่มีค่า เพียงแค่ว่ามีคนชั่วร้ายมาขัดขวางก็เท่านั้น ข้ามีโอสถติดตัวมานี้ขอมอบให้ ท่านผู้อาวุโสลู่โปรดรับไว้”
พูดไปเย่หยวนก็หยิบโอสถหลายขวดออกมามอบให้
ลู่เจ๋อหน้าถอดสีทันทีที่ได้เห็นมันก่อนจะร้องปฏิเสธออกมา “ข้าไม่อาจรับของที่มีค่ามากมายเช่นนี้ได้หรอก ท่านเย่ โอสถทั้งหลายนี้มันมีค่าเกินไป”
เมื่อเห็นว่าพลังชีวิตของลู่เจ๋อเริ่มจางหายไปจากใบหน้า แถมดูท่าอายุขัยของเขาคงใกล้หมดเต็มที เย่หยวนจึงได้มอบโอสถยืนอายุขัยไปให้แก่อีกฝ่าย
ด้วยความเป็นเย่หยวนแล้วโอสถที่เขานำออกมามันย่อมไม่ธรรมดามีหรือที่ลู่เจ๋อจะกล้ารับไว้?
เย่หยวนยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสลู่ นอกจากเรื่องที่ว่าท่านได้ช่วยข้ามาก่อนหน้าแล้วข้ากับพี่เซียวยังนับถือกันเป็นพี่น้อง และท่านคืออาจารย์ของพี่ข้า แน่นอนว่าท่านเองก็ย่อมเป็นญาติผู้ใหญ่ของข้า หากท่านไม่รับไว้เย่มันคงเป็นการดูถูกเย่คนนี้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็เริ่มแสดงท่าทีผ่อนคลายออกมาเพราะเขาได้รู้แล้วว่าเย่หยวนไม่ได้โกรธใดๆ จึงรีบหันไปบอกอาจารย์ “ท่านอาจารย์ รับไปเถอะ”
ลู่เจ๋อที่เห็นเด็กหนุ่มพูดมาขนาดนี้จึงได้แต่จำใจรับมันมา
…………………………