‘ครึ้ม ครึ้ม!’
คลื่นพลังจากการหลอมนั้นผ่าลงมาเป็นสายฟ้าเข้ากลางโถง
นั้นทำให้สีหน้าของทั้งเทพสวรรค์เปียวหยูและเย่หยวนเปลี่ยนไปในทันทีตราในฝ่ามือของพวกเขาเริ่มขยับอย่างรวดเร็ว
สายฟ้าอันทรงพลังเหล่านั้นสุดท้ายแล้วมันกลับถูกเทพสวรรค์เปียวหยูและเย่หยวนชักนำไปหาหม้อหลอมแทน
พริบตาต่อมาสายฟ้าก็ลงปะทะเข้ากับหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตและหม้อหลอมมังกรจรจนส่งคลื่นพลังน่าขนลุกออกมา
“พวกเขา…พวกเขากำลังแย่งทุกข์โอสถกัน!” เซินชางร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง
ในฐานะนักหลอมโอสถด้วยกันแล้วพวกเขาย่อมรู้ดีว่าทุกข์โอสถนี้มันรุนแรงเพียงแค่ไหน
ตามหลักการแล้วเมื่อนักหลอมโอสถพบเจ้าเข้ากับทุกข์โอสถพวกเขาจะต้องค่อยๆ ตอบสนองกลับไปอย่างระวังและรอบคอบ
แต่คนทั้งสองนี้กลับดึงเอาทุกข์โอสถมาช่วยหลอมตัวโอสถเสียอย่างนั้น!
และหากแค่ใช้มันช่วยหลอมยังพอว่าแต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังพยายามแย่งทุกข์โอสถนั้นกันราวกับว่ากลัวว่าจะมีทุกข์โอสถไม่พอเสียอย่างนั้น!
คนทั้งสองนี้มันบ้าคลั่งเกินบรรยาย!
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายนั้นได้แต่มองดูภาพตรงหน้านี้อย่างตื่นตะลึงไม่อาจจะหาคำใดมาบรรยาย
เมื่อสายฟ้านั้นผ่าลงเข้าสู่หม้อหลอมไปแล้วทางหม้อหลอมก็ยิ่งปล่อยพลังออกมาอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จนดูท่าใกล้จะเสียการควบคุมเต็มที
‘แครก!’
ตอนนี้หม้อหลอมมังกรจรของเย่หยวนเริ่มค่อยๆ แตกสลายออก
เซินชางหน้าถอดสีในทันทีที่เห็น “จบแล้ว! พลังจากทุกข์โอสถมันรุนแรงจนเกินไปหม้อหลอมโอสถของเย่หยวนไม่อาจจะรับมันไว้ได้แล้ว แค่พลาดอีกครั้งเดียวหม้อนี้คงระเบิดออกแน่!”
เมื่อซือหยู่และชิงหยุนเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงใบหน้าตื่นเต้นดีใจออกมาทันที
“ฮ่าๆ เจ้าเด็กคนนี้มันแพ้แล้ว! ไม่มีปัญญาแม้แต่จะควบคุมหม้อหลอมของตนจะมาหลอมโอสถใดได้?” ชิงหยุนหัวเราะขึ้น
แต่เหล่าผู้อาวุโสขั้นยาฟ้าทั้งหลายนั้นได้แต่มองอย่างเงียบงันเพราะพวกเขารู้ดีว่ารอยแตกบนหม้อหลอมของเย่หยวนนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความไร้ฝีมือใดๆ
แม้ว่าทางฝั่งเทพสวรรค์เปียวอยู่เองก็จะใช้เพียงแค่สมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำเช่นกันแต่ว่าสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำนี้มันถูกดูแลอย่างดีมานับล้านๆ ปีแน่นอนว่าพลังของมันย่อมเหนือล้ำอย่างที่หม้อหลอมของเย่หยวนไม่อาจต้านทานได้
คลื่นที่คนทั้งสองปล่อยออกมานี้มันคือสุดยอดที่การหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ห้าดาวจะปล่อยออกมาได้ แน่นอนว่าพลังของทุกข์โอสถที่เกิดขึ้นนั้นมันย่อมเหนือล้ำกว่าที่หม้อหลอมสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำใดๆ จะรับได้
แม้ว่าหม้อหลอมมังกรจรนี้เองก็จะเป็นสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำที่ไม่เลว แต่มันก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะต้านทานพลังนี้
แต่ทว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้มีท่าทางคิดยอมแพ้แม้แต่น้อยและยังคงตั้งสมาธิควบคุมหม้อหลอมนั้นอย่างเต็มที่พยายามหลอมโอสถต่อไป
เมื่อมังกรทั้งสองด้านบนยังต่อสู้กันต่อไปทุกข์โอสถที่ร่วงลงมาเองก็ยังพุ่งใส่หม้อหลอมโอสถอย่างไม่หยุดยั้ง
หม้อหลอมมังกรจรนั้นยิ่งแตกออกอย่างไม่อาจห้ามได้จนแทบจะแหลกสลายลง
ชิงหยุนนั้นนั่งเฝ้ารอว่าหม้อหลอมนั้นจะระเบิดออกเมื่อใดแต่ไม่ว่าจะรอนานไปเท่าใดหม้อหลอมมังกรจรนี้มันก็ยังไม่แสดงทีท่าว่าจะระเบิดออกมาเลย
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น? หม้อหลอมโอสถของมันนั้นน่าจะถึงขีดจำกัดมานานแสนนานแล้ว แต่ทำไมมันยังไม่ระเบิดออกอีก?” ชิงหยุนร้องขึ้น
หม้อหลอมมังกรจรนั้นเต็มไปด้วยลายแตกร้าวจนไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ต้องแตกออกแน่นอน หากดูตามปกติแล้วมันควรจะระเบิดออกไปนานแสนนานแล้วแต่หม้อหลอมนี้มันกลับไม่ยอมที่จะระเบิดออก!
เซินชางบอก “หม้อหลอมโอสถของเขามันได้ถึงขีดจำกัดไปแสนนานแล้ว แต่เย่หยวนนั้นใช้พลังยอดเต๋าของตนเพื่อรักษาสภาพของหม้อหลอมเอาไว้! พลังในการควบคุมหม้อหลอมของเขานี้มันขึ้นไปถึงขั้นไร้เทียมทานแล้ว!”
ซือหยู่และชิงหยุนนั้นหันมองหน้ากันอย่างที่พูดอะไรไม่ออก
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอผู้ที่สามารถควบคุมหม้อหลอมได้แข็งแกร่งถึงปานนี้
เรื่องเช่นนี้มนุษย์สามารถทำมันได้จริงๆ หรือ?”
‘ปัง!’
‘ปัง!’
‘ปัง!’
บนท้องฟ้าสูงนั้นเจ้ามังกรม่วงและมังกรขาวยังคงปะทะกันอย่างดุเดือดคลื่นพลังใดๆ ที่ปล่อยออกมาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
‘ปัง!’
จู่ๆ หลังจากเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่งมังกรทั้งสองนั้นก็ได้ร่วงแตกสลายลง!
สองเงาร่างนั้นได้เปลี่ยนกลายเป็นก้อนแสงพร้อมๆ กัน
และในเวลานั้นเองที่ทั้งเทพสวรรค์เปียวหยูและเย่หยวนก็รู้สึกถึงแรงสะท้านเปิดดวงตาทั้งสองขึ้นพร้อมๆ กัน
ตอนนี้พลังที่เดิมทีกำลังปะทะกันอย่างรุนแรงกลับได้ผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว!
คลื่นพลังของเย่หยวนค่อยๆ กลายเป็นคลื่นพลังของเทพสวรรค์เปียวหยู ส่วนคลื่นพลังของเปียวหยูก็ได้ค่อยๆ ผสานเข้ากับเย่หยวน
ดูราวกับว่าโอสถทั้งสองเม็ดนี้มันกำลังจะรวมเข้าด้วยกัน!
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พวกเขาไม่ได้กำลังประลองกันอยู่หรือ? เหตุใดสู้กันมาตั้งนานสองนานสุดท้ายกลับเงียบลงสงบศึกแล้วผสานพลังกันเช่นนี้?” เฉินหยู่พูดขึ้นด้วยใบหน้ามึนงง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เซินชางเองก็มีใบหน้าที่มึนงงสงสัยไม่ต่างกันนัก
คลื่นพลังทั้งสองนี้มันหลอมรวมเข้ากันอย่างลงตัวจนสุดท้ายแทบกลายเป็นทะเลผืนเดียวกัน
ไม่นานนักคลื่นพลังของทั้งสองก็ผสานกันจนเข้าที่เป็นหนึ่งเดียว!
จากนั้นก็เกิดลมอันรุนแรงพัดออกมาจนเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต้องตัวปลิวไป
ในเวลานั้นหม้อหลอมของคนทั้งสองนี้ได้ส่องแสงประกายออกมาอย่างรุนแรง
‘หลอม!’
ในตอนนั้นเองที่เทพสวรรค์เปียวหยูและเย่หยวนได้ร้องขึ้นมาพร้อมๆ กัน
คลื่นอันรุนแรงนั้นถูกกดรวมในพริบตาเข้าไปสู่ภายในหม้อหลอมโอสถทั้งสอง
การหลอมโอสถสำเร็จลงแล้ว!
“ฮ่าๆ! ยอดเยี่ยมจริง!” เทพสวรรค์เปียวหยูหัวเราะขึ้นมาด้วยท่าทางสุดแสนพึงพอใจ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีที่เทพสวรรค์เปียวหยูได้ประลองอย่างดุเดือดเช่นนี้
แม้จะเป็นเหล่ายอดคนในหมู่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวเองก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่จะประมือกับเทพสวรรค์เปียวหยูได้
เย่หยวนนั้นพยายามหาคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมตัวได้ แล้วเทพสวรรค์เปียวหยูจะไม่รู้สึกเช่นนั้นหรือ?
การต่อสู้นี้เขาได้แสดงพลังอย่างเต็มที่
‘แครก แครก แครก’
เมื่อโอสถถูกหลอมสำเร็จเจ้าหม้อหลอมมังกรจรก็ไม่อาจคงรูปร่างได้อีกต่อไป แหลกสลายลงกลายเป็นฝุ่นผงในทันที
แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าทุกข์โอสถที่ทั้งสองคนใช้นั้นมันเปี่ยมพลังมากแค่ไหน ถึงขั้นสามารถทำลายสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำให้กลายเป็นผุยผงได้
เย่หยวนนั้นขยับตัวอย่างรวดเร็วและรีบเก็บโอสถลงใส่ขวดที่เตรียมไว้ก่อนหน้า
จากนั้นเย่หยวนก็ยกมือขึ้นคารวะเทพสวรรค์เปียวหยูทันที “ยินดีด้วยผู้อาวุโสเปียวหยู!”
เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นยิ้มออกมาด้วยท่าทางสุดแสนสบายใจ “ต้องขอบคุณเจ้าแท้ๆ! หากไม่มีเจ้าแล้วเฒ่าคนนี้ก็คงไม่อาจก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสเปียวหยูท่านนั้นอยู่ในจุดนั้นก่อนแล้ว ท่านเพียงแค่ขาดคนที่จะประลองฝีมือด้วย ตอนนี้มันก็แค่ผลไม้ที่สุกร่วงจากต้น ต้องยินดีด้วยจริงๆ!”
เทพสวรรค์เปียวหยูยื่นมือออกมาเก็บโอสถลงไปจากนั้นก็ดันหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตให้แก่เย่หยวนไป
“นี่คือหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตที่ติดตามข้ามานับล้านปี ได้มาเจอเจ้าวันนี้ข้ามั่นใจเลยว่าเจ้าจะไม่ทำให้มันเสียค่าแน่! ข้ามอบมันให้เจ้า” เทพสวรรค์เปียวหยูยิ้มกว้าง
เย่หยวนเองก็ไม่คิดเกรงใจใดๆ เก็บหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตลงไปพร้อมยกมือคารวะ “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสเปียวหยู”
ด้วยการประลองนี้เย่หยวนย่อมได้รู้ถึงคุณสมบัติของหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตอย่างชัดแจ้ง
ภายใต้พลังทุกข์โอสถนั้นหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตนี้กลับไม่เกิดแม้แต่รอยขีดข่วน แค่นั้นมันก็มากพอจะตัดสินแล้ว
ไกลออกไปทุกผู้คนที่ได้ยินการสนทนานั้นต่างไม่อาจจะหุบปากที่อ้าค้างของตนลงได้
เพราะสิ่งที่เย่หยวนแสดงความยินดีนั้นพวกเขาทั้งหลายย่อมเข้าใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซือหยู่และชิงหยุนที่ตอนนี้กำลังทำหน้าตาตื่นอย่างดีใจแทบจะลุกขึ้นกระโดดเต้น
“อาจารย์ ท่าน…ท่านบรรลุแล้ว?” ซือหยู่ถาม
เทพสวรรค์เปียวหยูยกมือขึ้นลูบหนวดยาวนั้นด้วยรอยยิ้ม “ใช่! จากวันนี้ไปอาจารย์เจ้าคงต้องเข้าเก็บตัว พวกเจ้าทั้งหลายอย่าได้มารบกวนข้า ตั้งแต่วันนี้ไปเย่หยวนนั้นจะเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งศาลาโอสถสวรรค์ พวกเจ้าทั้งหลายจงเคารพผู้ใหญ่ เข้าใจหรือไม่?”
ทุกคนต่างกล่าวรับขึ้นมาพร้อมก้มหัวรับ “พวกเราขอน้อมรับคำสั่งท่านเปียวหยู!”
พูดจบเทพสวรรค์เปียวหยูก็เดินหายไปจากโถงทันที
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างไม่อาจเข้าใจ ราวกับว่าตัวเองยังคงไม่ได้รับคำตอบที่สำคัญที่สุด
สรุปแล้วศึกนี้ใครชนะกัน?
………………………..