“หึๆ พี่เซินรู้หรือไม่ว่าทำไมผู้อาวุโสเปียวหยูท่านถึงไม่ได้ว่ากล่าวให้ข้าอยู่ต่อเลย?” เย่หยวนถามเซินชางด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
นั่นทำให้เซินชางแสดงใบหน้ามึนงงออกมาในทันที “นั่นสิ ผู้มากพรสวรรค์ดั่งหยกงามเช่นเจ้า ท่านเปียวหยูไม่น่าจะปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ เหตุใด…”
“เพราะเขารู้ดีว่าข้าจะไม่อยู่ เขาจึงไม่คิดจะเปิดปากพูดให้เสียแรง” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป
เซินชางสะดุ้งตัวขึ้นทันทีที่ได้ยิน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเขานั้นกำลังยุ่งไม่เข้าเรื่องอยู่
คนอย่างเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นฉลาดหลักแหลมเพียงใด? แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ดีว่าการให้เย่หยวนอยู่ต่อนั้นมันเป็นผลประโยชน์ที่มากมายกับที่แห่งนี้มากเพียงใด
แต่เขานั้นไม่ได้เปิดปากยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดจนสุดท้ายก็เข้าเก็บตัวไป
ดูแล้วเทพสวรรค์เปียวหยูคงมองออกถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ของเย่หยวนจึงไม่ได้คิดจะเสียแรงไปกับการพูดจาใดๆ ที่เปล่าประโยชน์
การเปิดปากพูดเรื่องนี้สุดท้ายมันจะมีแต่ถูกปฏิเสธ แล้วจะยังเสียแรงพูดไปเพื่ออะไร?
“พี่เซิน วางใจเถอะ ต่อให้ตัวข้าไม่อยู่ข้าก็ยังเป็นผู้อาวุโสของศาลาโอสถสวรรค์ ความสัมพันธ์ของข้ากับหอมหาสมบัติเองมันก็ไม่มีทางตัดขาดได้ง่ายๆ” เย่หยวนบอกด้วยรอยยิ้ม
…
เมื่อกลับมาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เย่หยวนก็เข้าสู่การเก็บตัวในทันที
เขานั้นนำพาสมุนไพรวิญญาณมากมายกลับมาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวและได้เริ่มเข้าสู่การค้นคว้าหาทางสร้างสูตรโอสถครองวิญญาณผสานเต๋าให้แล้วเสร็จ
ประสบการณ์ที่เขาได้มาจากการประลองกับเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมันทำให้เย่หยวนได้เข้าใจสิ่งที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทิ้งไว้ให้ได้มากขึ้นกว่าเก่าและยังเข้าใจถึงวิธีการหลอมโอสถได้ดีขึ้นด้วย
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่อาจขึ้นอาณาจักรบรรพกาลได้แต่วิชาการหลอมโอสถของเขามันก็แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าก่อนหน้าอย่างมาก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นการคิดอยากสร้างสูตรของโอสถครองวิญญาณผสานเต๋าให้สำเร็จมันก็ยังมิใช่เรื่องง่ายดาย
เย่หยวนนั้นใช้เวลาอย่างมากไปกับการอยู่ในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพเพื่ออนุมานทดลองทำสูตรอย่างไม่หยุดยั้ง
ในวันนี้จู่ๆ ก็เกิดคลื่นลมแรงมหาศาลพัดขึ้นมาจากทางหอยุทธ์พร้อมด้วยพลังวิญญาณอันมหาศาลที่ถูกดึงและไหลไปในทิศทางนั้น
นั้นทำให้ทั้งเมืองต้องสั่นสะท้าน!
“คลื่นพลังที่รุนแรงเช่นนี้เหมือนว่ามันจะมีใครกำลังบรรลุอยู่!”
“ไม่มีทางมั้ง? คนผู้นี้ต้องบรรลุในระดับใดจึงจะสามารถสร้างความโกลาหลได้รุนแรงปานนี้? ต่อให้เป็นการบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาวมันก็คงไม่มีทางสร้างคลื่นพลังที่รุนแรงเช่นนี้ได้ใช่หรือไม่?”
“ต่อให้เป็นอาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาวก็ไม่มีทางทำได้ขนาดนี้ หรือว่า…จะเป็นอาณาจักรเทพถ่องแท้?”
…
ที่ด้านล่างหอยุทธ์ในตอนนี้ต่างมีผู้คนมามุงดูและคาดเดากันไปต่างๆ นานา
ทุกผู้คนต่างทราบกันดีว่าตอนนี้ในเมืองนั้นมันมีนภาสวรรค์เก้าดาวขั้นสุดอยู่เพียงแค่ผู้เดียว
เพราะต่อให้เย่หยวนก็ยังเป็นแค่นภาสวรรค์แปดดาวในตอนนี้ ในเวลาการเก็บตัวแค่ไม่กี่วันเขาคงไม่มีทางบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้
แต่พอคิดไปคิดมาแล้วพวกเขาทั้งหลายก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียนี่ก็คือเย่หยวน อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เมื่อเป็นเขา
ยิ่งคลื่นพลังนั้นรุนแรงมากขึ้นเท่าใดเหล่าคนทั้งหลายก็ยิ่งเชื่อว่านี่คือการบรรลุของเทพถ่องแท้อย่างไม่ผิดแน่
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นก็ไม่เคยมีเทพถ่องแท้เกิดขึ้นมาก่อน
ไป๋ตงนั้นไม่ค่อยแสดงตัวออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายนักทำให้คนทั้งหลายในเมืองนั้นยังไม่รับรู้ว่าแท้จริงแล้วเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมีเทพถ่องแท้สี่ดาวคอยดูแลอยู่
ตอนนี้เมื่อจะมีเทพถ่องแท้คนแรกปรากฏตัวขึ้นแน่นอนว่ามันย่อมกลายเป็นเรื่องใหญ่แสนโกลาหล
จากวันนี้ไปเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นก็จะได้มีเทพถ่องแท้คอยอยู่ปกป้องดูแลแล้ว
จนในที่สุดคลื่นลมอันรุนแรงทั้งหลายก็ได้พัดผ่านก่อนจะเผยให้เห็นเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากหอยุทธ์
“เป็นเขา! เป็นเขาผู้นั้นจริงๆ นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”
“นั่นมันศิษย์ของท่านเย่หยวน ไป๋เฉินมิใช่หรือ? ได้ยินว่าเขานั้นหลอมซับผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์ไปมิใช่หรือ เหตุใดจึงยังสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้กัน?”
“หรือว่าเรื่องทั้งหลายจะเป็นแค่ข่าวลือ? มีหรือที่ผู้หลอมซับผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์จะสามารถบรรลุใดๆ ได้อีก?”
…
หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เรื่องราวที่ว่าไป๋เฉินนั้นหลอมซับผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์ไปนั้นมันย่อมมิใช่ความลับใดๆ ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเหล่าผู้คนที่ติดตามเย่หยวนทั้งหลายนั้น รวมไปถึงแม้แต่เจ้าเมืองอย่างโซชูเจียก็ยังพัฒนาพลังฝีมือกันอย่างก้าวกระโดดมีเพียงแค่ไป๋เฉินผู้เดียวเท่านั้นที่เอาแต่ย้ำอยู่กับที่
แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปข่าวลือทั้งหลายนั้นมันก็แทบจะถูกยืนยันด้วยเรื่องนี้
เพราะไม่ว่าเย่หยวนเสียเย่หยวนก็กล้าที่จะทำลายโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลต่อหน้าหลินฉางชิง
หากไป๋เฉินนั้นสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้เย่หยวนย่อมจะไม่ทำลายของให้เปล่าประโยชน์เช่นนั้น
แต่ตอนนี้คนผู้นี้ที่หลอมซับผลวิญญาณเต๋าเข้าไปและมีชะตาไม่อาจพัฒนาตนกลับสามารถบรรลุขึ้นมาได้อีกหนึ่งครั้ง!
เหล่าผู้คนทั้งหลายระหว่างที่ยังไม่ทราบว่ามันเป็นใครกันแน่ต่างคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าอาจจะเป็นเล้งชิวหลิง หนิงเทียนปิงและพวก แต่มันไม่มีใครเลยที่เชื่อว่าจะเป็นไป๋เฉิน
ไม่มีใครคาดคิดว่าเทพถ่องแท้คนแรกของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้จะเป็นไป๋เฉินผู้นั้น!
ไป๋เฉินที่เพิ่งบรรลุมาได้หมาดๆ จึงยังไม่อาจจะกลบคลื่นพลังที่ปล่อยออกมาจากกายได้ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่เห็นร่างของเขาก็ต้องรู้สึกขนลุกซ่าไปทั้งกาย
จากสายตาของเมืองจักรพรรดินั้นยอดฝีมือเทพถ่องแท้นั้นมันคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่จนเกินกว่าจะเผชิญได้
ทุกผู้คนในตอนนี้ต่างเงยหน้ามองดูไป๋เฉินที่ลอยตัวอยู่บนอากาศด้วยความเลื่อมใสอย่างมาก
เพราะไม่ว่าอย่างไรยอดฝีมือก็จะได้รับความเคารพเสมอ
ไป๋เฉินมองดูที่ยอดหอยุทธ์เขานั้นรับรู้ได้ถึงความเลื่อมใสที่ผู้คนด้านล่างมีมายังตัวเขาอย่างมาก
ในเวลานั้นเองที่จิตใจของเขาพองโตด้วยความปลาบปลื้มและกล้าหาญ!
“อ้า!”
ไป๋เฉินร้องร่ำออกมาระบายความรู้สึกสุดอัดอั้นที่มีตลอดมานี้
ที่ผ่านๆ มานี้เขารู้สึกถึงความเครียดสิ้นหวังและกดดันที่เกิดขึ้นจนล้นเปี่ยมใจอย่างที่ไม่อาจทนได้ และความรู้สึกด้านลบทั้งหลายนั้นมันได้ถูกปล่อยออกมาในวินาทีนี้จนสิ้นแล้ว
คำพูดดูถูกในทุกหนแห่ง สายตาอันเหยียดหยาม ในที่สุดมันก็จางหายไปในวินาทีนี้แล้ว!
ไป๋เฉินนั้นไม่เคยนึกเคยฝันว่าวันที่เขาสามารถบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้มันจะมาถึงได้!
เขาได้แต่มองย้อนกลับไปถึงตอนที่ตัวยังเป็นนักยุทธ์อาณาจักรปฐมพระเจ้าแสนอ่อนแอ
ใครจะไปคาดคิดว่าเวลาผ่านมาพันปีเขาคนนี้กลับสามารถบรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้! เพราะนี่คืออาณาจักรที่เหล่าผู้คนทั้งหลายในมหาพิภพถงเทียนต่างเฝ้าฝัน
และทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นมาได้เพราะอาจารย์ของเขา!
อาจารย์ของเขานั้นได้เปลี่ยนของเน่าเสียให้กลายเป็นเพชรเม็ดงาม แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้สุดท้ายเขาก็ยังทำให้เกิดขึ้นได้
จากนั้นมีก็หลายเงาร่างพุ่งตัวขึ้นมาหาไป๋เฉิน
“ฮ่าๆ ยินดีกับน้องไป๋ด้วยที่บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ในคราเดียว ช่างน่าอิจฉาเสียจริงๆ! ไม่นึกเลยว่านายท่านจะทำมันได้สำเร็จจริงๆ!” หนิงเทียนปิงยกมือขึ้นคารวะและแสดงความยินดี
เพราะแม้หนิงเทียนปิงจะเชื่อเย่หยวนจนไม่ลืมหูลืมตาเพียงใด ในเรื่องนี้เขาก็ยังขาดความมั่นใจไปมาก
ไม่นึกไม่ฝันว่าสุดท้ายแล้วเย่หยวนก็จะยังทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้
โอสถครองวิญญาณผสานเต๋านั้นจะเรียกว่าเป็นโอสถเปลี่ยนโลกเลยก็ว่าได้!
จากวันนี้ไปการหลอมซับผลวิญญาณเต๋ามันอาจจะกลายเป็นทางลัดในการบ่มเพาะแทน
สำหรับเหล่านักยุทธ์ที่สิ้นหวังในการพัฒนาไปแล้วก็อาจจะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
ผลกระทบของโอสถชนิดนี้มันจะส่งผลเป็นวงกว้างจนแม้แต่หนิงเทียนปิงก็ยังไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะยิ่งใหญ่เพียงใด
อิ้งหมัวหู่ โซชูเจีย เล่งหยูและแม้แต่เล้งชิวหลิงพร้อมด้วยเหล่านักยุทธ์นภาสวรรค์ทั้งหลายต่างเข้ามาแสดงความยินดีกันยกใหญ่
ไป๋เฉินนั้นตอบกลับทุกผู้คนไปด้วยใจที่ปลาบปลื้มอย่างถึงที่สุด
…
ภายในห้องลับนั้นไป๋ตงจ้องมองหน้าเย่หยวนด้วยสีหน้าแปลกๆ
“เจ้ามันเป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกัน? ถึงขั้นสามารถคิดค้นสูตรโอสถอย่างโอสถครองวิญญาณผสานเต๋าขึ้นมาได้! แต่ต่อไปนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไปกับสูตรโอสถนี้เล่า?” ไป๋ตงถาม
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “เพื่อการสร้างสูตรโอสถครองวิญญาณผสานเต๋านี้ข้าได้ทุ่มกำลังไปมาก แน่นอนว่าข้าจะต้องใช้มันเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ก่อน ข้าคิดจะให้ทางหอมหาสมบัติเป็นตัวแทนข้าในการออกจำหน่ายโอสถครองวิญญาณผสานเต๋าและแบ่งผลประโยชน์กัน เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการทำการค้านั้นมันก็มิใช่สิ่งที่ข้าถนัดนัก”
ไป๋ตงพยักหน้ารับ “นั่นแหละดีแล้ว! แต่เมื่อใดก็ตามที่ชื่อของโอสถครองวิญญาณผสานเต๋าแพร่ออกไปเหล่าค่ายสำนักยักษ์ใหญ่ของมหาพิภพถงเทียนต้องไม่ยอมอยู่นิ่งแน่ๆ ครั้งนี้เจ้าและหอมหาสมบัติคงได้ผลประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล”
เย่หยวนนั้นภูมิใจอย่างมากเพราะโอสถครองวิญญาณผสานเต๋าที่เขาพัฒนาขึ้นมานี้มันเป็นสิ่งที่เขายึดถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่
เพราะไม่ว่าอย่างไรนี่มันก็เป็นโอสถที่ไม่มีอะไรมาทดแทน!
“หึๆ ข้าได้บอกเรื่องนี้ไปแก่หอมหาสมบัติแล้ว แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นข้าคงต้องรีบบรรลุก่อน!”
พูดแล้วเย่หยวนก็ได้หยิบขวดโอสถใบน้อยออกมา
และภายในขวดนั้นมันก็มิใช่โอสถใดนอกไปเสียจากโอสถแก่นโกลาหลพันทุกข์ขั้นเทวะวิญญาณมรณา!
…………………………