“อาจารย์ ข้าบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้แล้ว! ข้าจะพาท่านกลับไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศได้แล้ว!”
เจียนเฉินนั้นเดินเข้ามาภายในห้องลับของศาลามายาล้ำด้วยท่าทางตื่นเต้นราวกับเด็กตัวน้อยๆ
แต่เมื่อเขาเข้ามาเขากลับต้องพบว่าตอนนี้อาจารย์ของเขากำลังนั่งคุยอยู่กับแขกผู้หนึ่ง
และแขกผู้นี้มันก็มิใช่ใครนอกไปเสียจากเย่หยวน
เย่หยวนมองดูเจียนเฉินด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วยพี่เจียนเฉิน!”
เจียนหงเซียวยิ้มขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าบรรลุแล้วก็จงไปเก็บของเตรียมตัวเถิด พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกัน”
แต่เจียนเฉินนั้นได้แต่ยืนนิ่งมองดูเย่หยวนอย่างมึนงง
“เจ้า…เจ้าเองก็บรรลุแล้ว?” เจียนเฉินถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
เจียนหงเซียวตอบขึ้นมาแทน “เย่หยวนนั้นบรรลุมาก่อนได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว หากไม่ใช่เพราะรอเจ้าอยู่พวกเราคงเดินทางไปนานแล้ว”
เจียนเฉินเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง ความเข้าใจที่เย่หยวนมีมันน่าจะห่างชั้นจากเขามากแต่เหตุใดเขาผู้นี้ถึงได้บรรลุขึ้นมาได้ก่อนกัน?
แม้ว่าจะใช้โอสถฟ้าตะวันจันทรามันก็ไม่น่าจะสามารถทำได้ถึงขั้นนี้หรอกใช่ไหม?
…
เมื่อเจียนเฉินออกมาจากการเก็บตัวคนทั้งสามก็มุ่งหน้าออกเดินทางตรงไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศทันที
ลูกหลานของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นจะไม่ได้อยู่ติดกับที่ใดที่หนึ่งมากนัก พวกเขามักจะไปตั้งรกรากในเมืองอื่นๆ หรืออาจจะไปอยู่ใต้การปกครองดูแลของจักรพรรดิเทพสวรรค์คนอื่นๆ
แต่เมืองทั้งหลายนั้นมันจะเปรียบดังเป็นเมืองเล็กๆ ในเมืองอีกชั้น เป็นพื้นที่ที่ไม่มีใครอาจมาแตะต้อง
เหมือนกับที่เมืองจักรพรรดิเลิศประกายทำได้ แม้ว่าพวกเขาเองจะเป็นแค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ แต่เหล่าเมืองหลวงจักรพรรดิหรือยอดเมืองหลวงจักรพรรดิหรือแม้แต่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ยังไม่เคยคิดเข้ามายุ่มย่ามการปกครองดูแลของพวกเขา
ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้เองก็เช่นกัน!
ตระกูลเจียนนั้นได้ยึดครองดูแลเมืองและแผ่ขยายอำนาจในยังเมืองข้างเคียงอย่างมาก
ตัวตนนี้ของพวกเขามันอาจจะดูเหมือนกับหอมหาสมบัติ แต่มันก็ไม่ได้เหมือนไปเสียทีเดียว
เพราะไม่ว่ายังไงเสียตระกูลเจียนนั้นก็แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนเกินกว่าจะมีใครมายุ่มย่าม!
ด้วยพลังฝีมือที่พัฒนาขึ้นมาเย่หยวนก็ยิ่งได้เข้าใจถึงพลังอำนาจที่ตระกูลเจียนมี
“นี่หรือคือยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศ? ช่างยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือ! ข้ารู้สึกได้เลยว่าอากาศภายในนั้นมันเต็มไปด้วยความลึกลับซับซ้อน ราวกับว่านี่เป็นทะเลแห่งดวงดาวก็ไม่ปาน หืม? ทำไมข้าจึงรู้สึกเหมือนราวกับว่าเมืองทั้งเมืองนี้มันกำลังหมุนอยู่กัน?” เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นพร้อมรองออกมาอย่างตกตะลึง
นี่เองก็เป็นครั้งแรกที่เจียนเฉินได้มายังเมืองนี้และเขานั้นทำได้เพียงยืนนิ่งอย่างตกตะลึง
เจียนหงเซียวพยักหน้ารับ “สหายหนุ่มเย่นั้นช่างยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง! ว่ากันว่ายอดเมืองหลวงนี้มันมีค่ายกลที่ถูกตั้งขึ้นโดยท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เพื่อช่วยเพิ่มพลังในการทำนาย บ้านแต่ละหลังในเมือง ถนนทุกๆ เส้น ต่างล้วนแต่ผสานซึ่งความลับของดวงดาวเอาไว้ มันเป็นมหาค่ายกลขนาดใหญ่ ในเวลานับหมื่นๆ ปีมานี้ผู้คนเข้ามาออกไปแต่ค่ายกลนี้ไม่เคยจะเปลี่ยนแปลงและคอยหมุนวนอยู่ตลอดเวลา แต่เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น ที่สำคัญคือไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่เคยสัมผัสถึงมันได้ ไม่นึกเลยว่าสหายหนุ่มเย่จะสามารถสัมผัสถึงมันได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้าเมืองมา”
เย่หยวนยิ่งได้ฟังก็ยิ่งตกตะลึงถึงความเก่งกาจของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่สามารถทำเรื่องราวสุดแสนมหัศจรรย์เช่นนี้ขึ้นมาได้
การจับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทั้งเมืองหมุนวนตามกระแสดวงดาวเพื่อทำนายเต๋าสวรรค์
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมเหนือล้ำกว่าที่จะคาดคิดถึง
“สมแล้ว! ช่างยิ่งใหญ่จริง! สักวันหนึ่งเย่ผู้นี้เองก็อยากจะเจอจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ให้ได้เสียจริง!” เย่หยวนบอกขึ้นด้วยใบหน้าแสนชื่นชม
เจียนหงเซียวยิ้มออกมา “หากเป็นผู้อื่นข้าคงหัวเราะเยาะที่ไม่รู้จักประเมินตนไปแล้ว แต่กับเจ้านั้น…หึๆ ไม่แน่สักวันเจ้าอาจจะได้มีโอกาสนั้น”
รัศมีผ่าจักรพรรดินั้นเป็นรัศมีดวงชะตาที่มีโอกาสสูงมากว่าจะขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์
เมื่อใดก็ตามที่เขาได้กลายเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วเขาก็คงก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ มันจึงอาจจะมีความเป็นไปได้อยู่จริงๆ
แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งสิ้นนี้มันก็แค่คำว่าอาจ
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นแตกต่างจากจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั่วๆ ไปความสามารถของเขานั้นมันมากพอที่จะทำลายจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้คนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย!
“โอ้ นี่มันผู้อาวุโสหงเซียวมิใช่หรือ? ข้าก็นึกว่าเหตุใดนกในเมืองมันจึงร้องกันร่าเริงนัก ที่แท้กลายเป็นว่าผู้อาวุโสหงเซียวกลับมาแล้ว! ฮ่าๆ…”
ระหว่างที่คนทั้งสามพูดคุยพร้อมเดินทางกันไปก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งนำโดยชายหนุ่มเข้ามาทักพวกเขา
เจียนหงเซียวขมวดคิ้วแน่น “เจ้า… เจียนหยุน?”
“ชิๆ สมเป็นท่านจริงๆ เป็นเกียรติที่ผู้อาวุโสหงเซียวจดจำเจ้าเด็กไร้ความสามารถอย่างข้าได้ แต่ว่า… ข้าต้องขอชมเชยท่านจริงๆ ที่ยังมีหน้ากล้ากลับมาอีก!” เจียนหยุนนั้นพูดขึ้นด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม
เจียนหงเซียวขมวดคิ้วแน่นดูท่าเหมือนจะไม่อยากคุยต่อและหันไปบอกพวกเย่หยวน “ไปกันเถอะ!”
แต่เจียนหยุนนั้นกลับเดินเข้ามาขวางทางไว้ “อย่าเพิ่งไปสิ! มาๆ พี่น้องทั้งหลายท่านจำคนผู้นี้ได้หรือไม่? ขอให้ข้าได้แนะนำเขาให้แก่พวกท่านได้รู้จักอีกครั้ง เฒ่าคนนี้คืออดีตผู้อาวุโสแห่งวังดารา เจียนหงเซียว!”
เมื่อเขาพูดขึ้นมาเช่นนั้นผู้คนที่เดินผ่านไปมาทั้งหลายก็ต้องหันมามองตามต้นเสียงทันที
แค่ได้ยินคำพูดว่า ‘วังดารา’ คนทั้งหลายก็หันมาให้ความสนใจกันในทันที
ตอนนี้แม้แต่ตัวเจียนเฉินเองก็ร่างสั่นเทิ้มหันมองดูเจียนหงเซียวด้วยสายตาอันแปลกประหลาดราวกับว่าไม่เคยรู้จักผู้คนตรงหน้านี้มาก่อน
“อ-อาจารย์ ท่าน… ท่านเป็นอดีตผู้อาวุโสแห่งวังดาราจริงหรือ? ทำไมท่านไม่เคยบอกข้ามาก่อนเลยเล่า?” เจียนเฉินถามขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้น
เจียนหงเซียวนั้นยังคงรักษาสีหน้าไว้และไม่ได้ตอบใดๆ กลับไป
เย่หยวนเองก็มีใบหน้าเรียบเฉย ตัวเขานั้นย่อมไม่มีทางทราบได้ว่าวังดาราที่ว่านี้ยิ่งใหญ่อย่างไรถึงได้สร้างสภาพเช่นนี้ขึ้นมาแก่ผู้คนได้
“ผู้อาวุโสแห่งวังดารา? นี่มัน…ล้อกันเล่นใช่หรือไม่? มีหรือที่นภาสวรรค์เฒ่าคนนี้จะเป็นผู้อาวุโสแห่งวังดาราไปได้?”
“เจียนหงเซียว ชื่อนี้มันช่างฟังดูคุ้นนัก!”
“มันฟังดูคุ้นหู แต่ข้ากลับไม่อาจนึกออกได้เลย”
…
เจียนหยุนมองดูสภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง
“หึ พูดถึงนามผู้อาวุโสหงเซียวนั้นเขาคือสุดยอดตัวตนชื่อเสียงลั่นฟ้าแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศในระยะเวลาหนึ่ง! ยอดเยี่ยมทั้งโหราและดารา มองดูรัศมีทำนายชะตา ไม่มีสิ่งใดที่เขาจะทำไม่ได้ ผู้คนทั้งหลายถึงขั้นขนานนามเขาว่า ‘ผู้ทำนายหมอกดาว’ ว่ากันว่าครั้งหนึ่งเขานั้นเคยจะได้ขึ้นเป็นผู้ดูแลวังดาราทั้งสิ้นในอนาคต!”
คำพูดของเจียนหยุนนั้นมันถูกพูดขึ้นอย่างชัดเจนและเปี่ยมความเคารพ แต่สีหน้าของเขานั้นกลับมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม
ที่เขาพูดเช่นนี้ออกมามันย่อมมิใช่เพื่อเอาใจเจียนหงเซียว
ไม่นานนักสีหน้ามึนงงของผู้คนทั้งหลายรอบๆ ก็จางหายไป ในที่สุดพวกเขาก็จำได้เสียทีว่าชายแก่ผู้นี้คือใคร
“ผู้ทำนายหมอกดาว! แท้จริงแล้วเขาคือผู้ทำนายหมอกดาว!”
“ที่แท้เป็นผู้ทำนายหมอกดาวที่ใช้วิชาลับสังหารพี่น้องและศิษย์แห่งวังดาราไปหลายต่อหลายผู้คนนี่เอง!”
“คนเช่นนี้ยังมีหน้าใช้ชีวิตอยู่ในโลกได้อย่างไร? ทำไมมันไม่ตายๆ ไปเสีย?”
…
คำพูดของเจียนหยุนนี้มันดูเหมือนจะรื้อฟื้นช่วยคนทั้งหลายให้จดจำเรื่องราวขึ้นมาได้
นามของเจียนหงเซียวนั้นคนทั้งหลายอาจจะยังไม่อาจรับรู้ได้ แต่เมื่อได้ยินฉายาผู้ทำนายหมอกดาวแล้วมันย่อมเป็นชื่อที่ดังสนั่นในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศ
เว้นเสียแต่ว่าสภาพของเจียนหงเซียวในตอนนี้มันเป็นเหมือนคนร้ายที่กำลังถูกตามล่าไปทั่ว
ในตอนนี้เสียงด่าว่ามากมายกำลังลอยเข้าหูเจียนหงเซียว
ความตื่นเต้นดีใจของเจียนเฉินในตอนนี้มันกลับกลายเป็นความอึดอัด เขามองดูเจียนหงเซียวอย่างไม่คิดอยากเชื่อพร้อมถามขึ้น “ท-ท่านอาจารย์ ที่พวกเขาทั้งหลายพูดนั้นคือเรื่องจริง?”
เจียนหยุนมองดูภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าๆ เจ้าดูสภาพของผู้คนทั้งหลายแล้วตัดสินใจเอาเถอะว่ามันจริงหรือไม่ ตอนนั้นอาจารย์ของเจ้านี้ได้ขัดแย้งกับพี่น้องและใช้วิชาลับออกมา คิดจะใช้มันเปลี่ยนชะตาสวรรค์สุดท้ายศิษย์แห่งวังดาราทั้งสามสิบหกที่ดูแลวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงจึงได้ถูกสูบชีวิตจนเหือดแห้ง! เรื่องราวนี้ตัวเขาคงไม่เคยเล่าบอกเจ้าใช่ไหมเล่า?”
เจียนเฉินนั้นมองดูเจียนหงเซียวอย่างไม่คิดอยากเชื่อ เวลาหลายปีที่เขาพยายามอยากบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้นี้มันก็เพราะว่าตัวเขาอยากเข้าร่วมวังดารา
แต่เมื่อมาถึงยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเขากลับพบว่าตัวอาจารย์ของเขานั้นเป็นคนบาปแห่งวังดาราเสียอย่างนั้น!
…………………………