“ขอบคุณเจ้ามากเย่หยวน” เจียนหงเซียวบอกขอบคุณต่อเย่หยวน
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ผู้อาวุโส ตระกูลเจียนนั้นนับถือศาลามายาล้ำเป็นใหญ่มิใช่หรือ? แล้ววังดารานี้คือสิ่งใดกัน?”
เพราะตัวเย่หยวนเองก็ไม่เคยจะรับรู้หรือได้ยินนามของวังดาราจนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
เจียนหงเซียวบอกขึ้น “วังดารานั้นเป็นหัวใจของศาลามายาล้ำ ผู้ที่เข้าไปได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะหนึ่งในหมื่น มีความสามารถเก่งกาจในวิชาการทำนายและผู้อาวุโสแห่งวังดารานั้นก็จะมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นแปดคน มีเพียงยอดคนผู้เก่งกาจและแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นได้”
เย่หยวนพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ
แม้ว่ามหาพิภพถงเทียนมันจะสุดแสนใหญ่โตแต่เหล่ายอดเมืองหลวงจักรพรรดิที่ตระกูลเจียนได้ไปตั้งรกรากสุดท้ายมันก็มิใช่เมืองของพวกเขา ผู้ที่จะเข้าวังดารานี้มาได้จึงต้องเป็นยอดคนของยอดคนมากความสามารถในเต๋าแห่งการทำนาย
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดในตอนนั้นเย่หยวนถึงรู้สึกว่าตัวตนของเจียนหงเซียวนั้นลึกลับเลื่อนลอย
เพราะต่อให้การบ่มเพาะของเขาจะร่วงตกลงมาอย่างรุนแรงแต่วิชาการทำนายของเขาก็ยังสูงส่ง มันเหนือล้ำอย่างที่คนระดับเดียวกันทั้งหลายไม่อาจเทียบเคียงได้
“วังดารานี้มันจะมีตั้งอยู่เพียงแค่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ ที่สำคัญในแต่ละวังนั้นจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดนามวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงอยู่ และหน้าที่ของวังดาราก็คือการใช้เจ้าวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงนี้เพื่อทำนายอ่านเต๋าสวรรค์ ผู้อาวุโสแห่งวังดาราแต่ละคนนั้นก็จะมีหน้าที่ดูแลวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงในส่วนของตน เป็นความรับผิดชอบที่แสนยิ่งใหญ่” เจียนหงเซียวบอกต่อ
เย่หยวนพยักหน้ารับออกมาด้วยท่าทางเข้าใจ “เป็นเช่นนั้นนี่เอง! แล้วเจ้าเจียนหยุนผู้นั้นมันมีความแค้นกับท่านหรือ?”
เจียนหงเซียวได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “พ่อของเจียนหยุนนั้นนามว่าเจียนห่าว ก่อนนั้นเขาถูกข้าล้ำหน้ามาตลอดเพราะตำแหน่งของผู้อาวุโสนั้นมันมีได้เพียงแค่แปดที่ทำให้เขาไม่เคยจะมีโอกาสได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโส ส่วนเรื่องของเจียนหยุนนั้นข้าเคยทำนายชะตาให้เขาไปครั้งหนึ่งและเห็นว่าเขาคงมีอนาคตที่ไม่ไกลนัก ทำให้พ่อลูกคู่นี้ดูท่าจะมีความแค้นอย่างมากกับข้า”
เย่หยวนยิ้มขึ้นมา “ข้ากลัวว่าความแค้นคงไม่ถูกเสียทีเดียว เจ้าเจียนห่าวนั้นดูท่าจะกลัวท่านกลับมาชิงตำแหน่งผู้อาวุโสคืนเสียมากกว่ามั้ง?”
เจียนหงเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ “ด้วยความสามารถของเจียนหยุนแล้วเขาคงไม่อาจทำนายการกลับมาของข้าได้ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเจียนห่าวแน่นอน แต่ด้วยเรื่องราวในครั้งนี้ดูท่าเจียนหยุนคงต้องพิการไปเสียแล้ว”
ระหว่างที่คนทั้งสองพูดคุยกันไปเจียนเฉินที่ด้านข้างก็คิดอยากจะเปิดปากพูดถามแต่ก็ต้องกลืนคำถามลงคอไป
และจู่ๆ เย่หยวนก็คิดเปลี่ยนเรื่องคุยขึ้น “ผู้อาวุโส เรื่องราวในตอนนี้สิ่งสำคัญคือเราควรจะรีบหาสูตรโอสถมาให้ได้เสียก่อนดีกว่า”
เจียนหงเซียวกล่าวขึ้นอย่างตื่นตะลึง “เจ้ายังคิดอยากหลอมโอสถให้ข้าหรือ?”
เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ดูสิท่านพูดอะไรออกมา หากไม่ใช่เพื่อหลอมโอสถนี้แล้วข้าจะเดินทางมาถึงยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้เพื่อเรื่องใด?”
“ต-แต่เจ้าก็รู้ดีว่าข้าเป็นคนบาปของวังดารา!” เจียนหงเซียวตอบกลับ
เขาคิดไปถึงขั้นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันคงทำให้เย่หยวนเปลี่ยนใจไม่คิดหลอมโอสถใดๆ ให้แก่ตัวเขาแล้ว
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียอดีตอันไม่น่าชื่นชมของเขาก็ถูกผู้อื่นนำมาเปิดเผย
ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับยังบอกว่าคิดจะหลอมโอสถให้แก่ตัวเขา
เย่หยวนหันไปมองหน้าเจียนเฉินน้อยๆ ก่อนจะกลับมายิ้มให้เจียนหงเซียว “แล้วทำไมเล่า? ท่านคือผู้อาวุโสที่ข้าเย่หยวนผู้นี้ยอมรับนับถือ ท่านนั้นเปรียบดั่งสหายของข้า ท่านแสดงความเอ็นดูช่วยเหลือตัวข้า ต่อตัวเย่หยวนผู้นี้ เรื่องราวอื่นใดที่เหลือนั้นย่อมไม่เกี่ยวข้องกับข้า! ต่อให้ท่านจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกข้าก็จะหลอมโอสถนี้ให้ท่านอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของทั้งเจียนหงเซียวและเจียนเฉินต่างก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนนั้นจะเป็นคนที่ยึดมั่นในสายสัมพันธ์ถึงขั้นนี้
เจียนหงเซียวนั้นยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มในหัวใจจนน้ำตาเริ่มไหลลงนองหน้า
การที่มีคนเลือกจะเข้าข้างตัวแม้จะต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งโลก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ง่ายๆ
เพราะแท้จริงแล้วในเรื่องนี้เย่หยวนก็พอจะมองมันออกได้ไม่ยาก ดูท่าแล้วเรื่องราวของเจียนหงเซียวมันคงเป็นเรื่องที่เจ็บช้ำจนทำให้เขาไม่คิดอยากจะรื้อฟื้นพูดมันออกมา
เมื่อเติบโตมาจนถึงเวลานี้เย่หยวนย่อมมิใช่คนโง่อ่อนแออีกต่อไป ทุกวันนี้เขามั่นใจในสายตาการมองผู้คนของเขามาก
เจียนหงเซียวนั้นไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้ายไม่สนใจชีวิตผู้คนและไม่ได้มีไอแห่งความชั่วร้ายที่มากมายใดๆ
การใช้วิชาลับนั้นดูท่าแล้วมันคงมีเหตุผลอื่น
ที่สำคัญสุดท้ายแล้วเจ้ายอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้ก็ยังช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้ด้วยโอสถจันทร์สว่างเมฆาม่วง เรื่องนี้มันยืนยันสันนิษฐานของเย่หยวนได้อย่างดี
หากเจียนหงเซียวนั้นเป็นคนร้ายที่ใช้วิชาลับออกมาด้วยเหตุผลอันเห็นแก่ตัวแล้วมีหรือที่เทพสวรรค์ผู้นั้นจะมาช่วยเหลือเขาเช่นนั้น?
“เจ้าไม่อยากรู้หรอกหรือว่าความเป็นจริงแล้วตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจียนหงเซียวถามขึ้น
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากท่านคิดอยากบอก ท่านก็คงบอกข้าไปนานแล้ว ในเมื่อท่านไม่คิดจะบอก เหตุใดข้าต้องไปเปิดแผลนั้นขึ้นมาด้วยเล่า?”
เจียนหงเซียวได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา “การได้มีสหายเช่นนี้ชีวิตนี้ข้ายังจะต้องการสิ่งใดอีก! เย่หยวนจากวันนี้ไปเจ้าและข้านั้นจะเป็นสหายกันจนวันตาย!”
…
ในเวลานี้เองความโกรธแค้นของเจียนห่าวก็ปะทุขึ้นอย่างไม่อาจห้าม
เขานั้นใช้ความคิดพลังสมองทั้งหมดที่มีเพื่อดันให้ลูกชายสามารถเข้าวังดารามาได้
แต่สุดท้ายเจียนหยุนกลับต้องมาพิการไป!
กับคนตระกูลเจียนแล้วตาบอดนั้นมันย่อมไม่ต่างไปกับการเป็นง่อย
โอสถหกชีพจรดวงดาว?
เจียนห่าวย่อมไม่อาจจะคิดถึงมันได้!
หากโอสถเช่นนั้นมันมีจริงครานั้นเจียนหงเซียวก็คงไม่ต้องออกจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศไปอย่างผู้พ่ายแพ้เช่นนั้น
โอสถที่แม้แต่เจ้าเมืองยังไม่อาจหามาได้ แล้วมีหรือที่ตัวเขาจะมีปัญญาไปหามันได้?
“พ่อ ท่านต้องแก้แค้นให้ข้า! เจ้าเฒ่านั้นรวมไปถึงเจ้าเด็กนั่น มันต้องคิดวางแผนมาทำร้ายข้าเป็นแน่!” เจียนหยุนร้องบอก
เจียนห่าวกัดฟันแน่น “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะทำให้เจ้าเจียนหงเซียวต้องหายไปจากโลกในครานี้! หลี่ซุน เจ้าพาผู้คนไปจับตัวพวกเจียนหงเซียวทั้งสามมาให้ข้า!”
ที่ด้านหลังเจียนห่าวนั้นคือเทพถ่องแท้เจ็ดดาวผู้หนึ่งที่พยักหน้ารับคำสั่งและเดินจากไป
ในฐานะผู้อาวุโสแห่งวังดาราแล้วตำแหน่งของเจียนห่าวมันย่อมเหนือล้ำ คนรับใช้รอบตัวต่างเป็นยอดฝีมือสิ้น
หลี่ซุนคัดเลือกนำคนติดตามออกเดินทางไปยังโรงเตี้ยมที่พวกเย่หยวนทั้งสามคนพัก
“เจียนหงเซียว เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้! เจ้ากล้ามาทำร้ายศิษย์วังดาราเรา เจ้าสมควรรับโทษตายพันครั้ง!”
ที่ด้านนอกโรงเตี้ยมหลี่ซุนร้องเรียกด้วยเสียงดังสนั่น
“นั่นมันผู้พิทักษ์หลี่ซุนที่ติดตามผู้อาวุโสเจียนห่าวมิใช่หรือ? ใครกันที่ไปหาเรื่องพวกเขา?”
“ชิๆ ไม่ว่าจะเป็นใครมันก็คงจบไม่สวยแล้ว!”
“ข้าได้ยินว่าลูกชายของผู้อาวุโสเจียนห่าว เจียนหยุนนั้นได้กลายเป็นคนตาบอดไปในวันนี้ หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มนี้กัน?”
…
ที่ด้านนอกทุกผู้คนที่ได้ยินต่างคาดเดาเรื่องราวกันไปต่างๆ นาๆ
แต่สุดท้ายแล้วมันกลับไม่มีใครออกมารับคำเรียก
หลี่ซุนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดขึ้นเสียงดังสนั่นอีกครั้ง “ได้ ในเมื่อเจ้าไม่คิดยอมจำนนดีๆ ข้าก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป! พวกเจ้าทั้งหลายจงเฝ้าไว้ให้ดีอย่าให้พวกมันหนีไปได้!”
ก่อนที่หลี่ซุนจะมานั้นเขาได้ตรวจสอบเรื่องราวมาจนสิ้น คนทั้งสามนี้สองคนเป็นแค่เทพถ่องแท้หนึ่งดาวเดินทางมากับเฒ่านภาสวรรค์ การที่ส่งตัวเขาออกมาจับเช่นนี้มันย่อมเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน
แต่สภาพของเจียนห่าวในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจนไม่อาจสนใจเรื่องนั้นได้แล้ว
ปัง!
หลี่ซุนบุกเข้ามาภายในด้วยการใช้ฝ่ามือทลายประตูลง
“เจียนหงเซียว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหนถึงกล้าคิดมาทำร้ายคนของวังดารา…ผ…ผู้อาวุโสซู่หยาน ท…ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
ภายในโรงเตี้ยมนั้นเจียนหงเซียวกำลังนั่งคุยอยู่กับชายแก่ผู้หนึ่งด้วยท่าทางสบายอารมณ์
เมื่อหลี่ซุนเห็นคนผู้นั้นสีหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงทันที ตอนนี้แม้แต่จะพูดเขายังพูดออกมาได้ติดๆ ขัดๆ
เพราะชายแก่ผู้นี้มีนามว่าเจียนซู่หยาน เป็นผู้อาวุโสแห่งวังดาราเช่นกัน
เพียงแค่ว่าตำแหน่งของเจียนซู่หยานนั้นมันยิ่งใหญ่กว่าเจียนห่าวนัก
เพราะเจียนซู่หยานผู้นี้เป็นถึงเทพสวรรค์!
เจียนซู่หยานยกชาขึ้นจิบก่อนจะหันหน้ากลับไปบอก “เจ้ากลับไปบอกเจียนห่าวเถิดว่าอย่าได้คิดทำการใดกับพวกหงเซียวอีก เพราะท่านเจ้าเมืองเรียกหาเขา”
…………………………