“จ…เจียนหงเซียว! นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
สภาพของเจียนหงเซียวในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยพลังเขากลับขึ้นมาอยู่ในยอดของอาณาจักรเทพถ่องแท้และยังดูแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าก่อนที่จะต้องรับการสะท้อนจากเต๋าสวรรค์ไปในครานั้นเสียอีก
ทางเจียนห่างนั้นรู้ดีว่าการที่เจียนหงเซียวจะสามารถกลับมาหายจากการสะท้อนได้มันย่อมต้องใช้โอสถหกชีพจรดวงดาว
แต่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้จะมีโอสถหกชีพจรดวงดาวอยู่ที่ใด?
หากมันมีอยู่จริงแล้วเจียนหงเซียวก็คงไม่ต้องออกไปอยู่ที่เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนับแสนปี
ปัญหาในตอนนี้ก็คือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ภายในวังดารานั้นหลายต่อหลายคนย่อมจะรู้จักเจียนหงเซียวดี
และแต่ละผู้คนนั้นก็มึนงงอย่างมากไม่คิดอยากเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ยอดเทพถ่องแท้ผู้นี้มันคือเจียนหงเซียวจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
ก่อนหน้านี้หลังจากเกิดเรื่องราวขึ้นทุกผู้คนต่างคิดว่าเจียนหงเซียวนั้นคงไม่อาจกลับมาลุกขึ้นได้อีก
ใครจะไปคาดคิดว่าเวลาหนึ่งแสนปีต่อมาเจียนหงเซียวกลับสามารถกลับมายืนยังจุดสูงสุดขึ้นเป็นผู้อาวุโสวังดาราได้อีกครั้ง?
“เดี๋ยวก่อน! ต่อให้จะเป็นโอสถหกชีพจรดวงดาวจริงแต่เขาก็ไม่น่าจะหายกลับขึ้นมาได้สมบูรณ์ปานนี้! เว้นเสียแต่ว่าโอสถหกชีพจรดวงดาวนั้นมันจะเป็นขั้นเทวะ!” เจียนห่าวนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน
เมื่อทุกผู้คนได้ยินพวกเขาทมั้งลายก็ยิ่งตื่นตกใจ
“โอสถหกชีพจรดวงดาวนั้นเป็นโอสถความยากเก้า แม้แต่ขั้นสูงยังไม่อาจหาได้ง่ายๆ แต่ขั้นเทวะ…จะเป็นไปได้อย่างไร?”
“หรือว่าเขานั้นจะได้โอสถหกชีพจรดวงดาวขั้นเทวะมาจริง?”
“ไม่นึกเลย ไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสหงเซียวนั้นจะกลับมายืนในวังดาราได้อีกครั้ง!”
…
เวลานั้นผ่านไปกว่าแสนปีและที่ผ่านๆ มานั้นเจียนหงเซียวก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ภายในเมืองจักรพรรดิน้อยๆ แห่งหนึ่ง
แต่จู่ๆ กลับสามารถย้อนกลับมาในจุดสูงสุดได้ ความเป็นไปได้เดียวนั้นมันย่อมจะเป็นโอสถหกชีพจรดวงดาว
แต่เรื่องราวเช่นนั้นมันช่างมหัศจรรย์จนเกินกว่าจะเชื่อลง
แต่พวกเขาทั้งหลายนั้นได้ไม่เห็นเลยว่าเจียนซู่เทาผู้ที่นั่งอยู่ใกล้กับวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงนั้นเป็นผู้ที่ตื่นตกใจมากที่สุดในหมู่ผู้คนทั้งหลาย
วันก่อนนี้เขาได้ใช้พลังของวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงในการทำนายออกมาและพบว่าตำแหน่งผู้อาวุโสของวังดารานั้นกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
และคนที่จะมาแทนที่นั้นมันก็คือตัวเจียนหงเซียวนี่เอง
นอกจากนั้นตัวเขาย่อมรู้เรื่องอาการของเจียนหงเซียวดีกว่าคนอื่นๆ
ห้าปี!
มันเป็นเวลาสั้นๆ แค่ห้าปีที่เย่หยวนใช้ในการศึกษาโอสถหกชีพจรดวงดาว!
นี่มัน…เป็นตัวโอสถบรรพกาลมาสิงร่างเด็กหนุ่มคนนี้หรือ?
จอมเทพโอสถหกดาว! ที่สำคัญเขายังเป็นแค่เทพถ่องแท้หนึ่งดาวผู้หนึ่ง แต่เขากลับใช้เวลาเพียงแค่ห้าปีในการเรียนรู้ศึกษาโอสถหกชีพจรดวงดาว?
ที่สำคัญดูจากสภาพของเจียนหงเซียวในตอนนี้แล้วเขากลับเริ่มขึ้นมาแตะช่วงคอขวดได้แล้วด้วย
หากเป็นเช่นนั้นจริงเจียนหงเซียวอาจจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ในอีกไม่ช้า!
เทพสวรรค์!
มันมีเทพถ่องแท้มากมายเพียงใดที่วิ่งตามคำนี้ทั้งชีวิตแต่กลับไม่อาจเข้าใกล้มันได้?
แต่เจียนหงเซียวนั้นกลับมีทุกขลาภ ช่วยส่งตัวเขาให้ขึ้นมาถึงจุดนี้ได้
การที่สามารถก้าวขึ้นมาถึงขั้นนี้ได้มันย่อมหมายความว่าโอสถที่เจียนหงเซียวได้มานั้นมันต้องมิใช่โอสถหกชีพจรดวงดาวธรรมดาอย่างแน่นอน
แล้วเจ้าเด็กคนนั้นมันต้องเป็นตัวตนระดับใดกัน?
เป็นเวลาอันยาวนานจนถึงวันนี้เองที่เจียนซู่เทาได้รู้ตัวแล้วว่าตนนั้นได้ดูถูกเย่หยวนไป
ดูถูกเขามากจนเกินไป!
เด็กคนนี้มันย่อมมิใช่รัศมีผ่าจักรพรรดิธรรมดาๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงไม่อาจจะใช้ศาสตร์ดูรัศมีกับเย่หยวนได้
เมื่อได้กลับมายืนในวังดาราอีกครั้งเจียนหงเซียวก็รู้สึกเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งจนจุกอก
ตอนที่เขานั้นใช้วิชาเปลี่ยนชะตาแล้วพลาดพลั้งไปเขาได้ยอมรับไปแล้วว่าชีวิตของเขาคงเป็นเช่นนี้
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจักรพรรดิน้อยๆ เช่นนั้นอย่างสบายใจ
จนถึงวันหนึ่งที่เขาได้ทำนายดวงชะตาของตน
แต่ด้วยชะตาที่เขาอ่านได้นั้นมันกลับยุ่งเหยิงอย่างที่ไม่อาจนำมาตีความใดๆ ได้เลย
จากนั้นเขาก็ได้พบกับเย่หยวนที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไป!
วันนี้ในที่สุดเขาก็กลับมายืนในที่แห่งนี้ได้
“คนบาปหงเซียวกลับมาแล้ว!” เจียนหงเซียวก้มหัวลงในโถงใหญ่ด้วยความรู้สึกอันเหลือล้น
ภายในห้องโถงนี้มันปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน หลังจากเวลาผ่านไปแสนนานในที่สุดก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นตอบรับ “ดีใจที่เห็นเจ้ากลับมาได้ ไปนั่งเถอะ”
“ขอรับ!
เจียนหงเซียวนั้นตอบรับและเดินไปยังทางที่นั่งผู้อาวุโส
เจียนห่าวนั้นยังคงยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่อาจตัดใจเดินจากไปได้ เป็นท่าทางที่แสนอึดอัด
“น้องเจียนห่าว หลายปีมานี้คงลำบากเจ้าแล้ว” เจียนหงเซียวบอกแก่เจียนห่าวด้วยรอยยิ้ม
นั่นทำให้ริมฝีปากของเจียนห่าวกระตุกแรงด้วยใบหน้าที่แสนอึดอัด ตอนนี้เขาคิดหวังอยากจะมุดดินหนีไปเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด
เขานั้นพยายามอย่างหนักมากว่าแสนปีเพื่อรักษาตำแหน่งนี้ แต่สุดท้ายกลับถูกเจียนหงเซียวปัดทิ้งลงง่ายๆ
เวลาหนึ่งแสนปีมานี้เขานั้นเป็นได้เพียงแค่ตัวแทนชั่วคราว
เมื่อเจ้าของตำแหน่งเดิมกลับมาแล้วเขาจึงถูกโยนทิ้งอย่างง่ายดาย
เขานั้นไม่คิดอยากยอมรับมัน
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก
เพราะในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้คำพูดของเจียนซู่เทานั้นนับเป็นกฎเหล็ก ไม่มีใครอาจหาญกล้าท้าทาย
ในสายตาของเจียนห่าวแล้วต่อให้เจียนหงเซียวรักษาตัวกลับมาได้แล้วมันจะเป็นอย่างไร?
เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็เป็นคนบาปที่ทำเรื่องสุดยิ่งใหญ่ไว้ จะบอกว่าเวลาแสนปีที่ผ่านไปนี้มันทำให้บาปของเขาจางหายไปหรือ?
แล้วใครกันเล่าที่จะมาทวงถามความยุติธรรมให้แก่เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่ตายลง?
แต่เจียนซู่เทากลับไม่คิดจะอธิบายเรื่องราวใดๆ
เท่านั้นเรื่องราวทั้งหลายมันก็สิ้นสุดลง
เขา เจียนห่าว กลับต้องไปนั่งตำแหน่งผู้พิทักษ์เช่นเดิม
ช่างน่าขัน!
“ยินดีกับผู้อาวุโสหงเซียวด้วยที่ได้กลับมา!” เจียนห่าวกัดฟันพูดก่อนจะเดินออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสไป
เหล่าศิษย์ทั้งหลายในวังดาราต่างมองดูภาพนี้ด้วยร่างกายที่สั่นเกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
เพราะเรื่องนี้มันช่างแสนอึดอัดแก่ทุกผู้คนที่พบเห็น
…
“ข้าไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้มีโอกาสกลับขึ้นมาเหยียบวังดาราอีกครั้ง! เย่หยวน เรื่องนี้เฒ่าคนนี้ต้องขอบคุณเจ้าที่ได้ให้โอกาสข้าเกิดใหม่!” เจียนหงเซียวกล่าวขอบคุณเย่หยวนด้วยความรู้สึกที่สุดลึกล้ำ
เขานั้นได้ทำนายดวงชะตาของตนและพบว่าเรื่องราวทั้งหลายนั้นมันล้วนขึ้นอยู่กับเย่หยวน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่เคยนึกเคยฝันว่าตัวเขาจะสามารถกลับขึ้นมายังวังดาราได้อีกครั้ง
ที่สำคัญมันยังเป็นเวลาที่แสนสั้น!
โอสถหกชีพจรดวงดาวนี้เขาย่อมรู้ดีว่าเย่หยวนจะสามารถหลอมมันได้แน่ แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะมอบโอสถหกชีพจรดวงดาวขั้นเทวะวิญญาณไพศาลให้แก่เขา!
ตอนที่เขาได้เห็นโอสถนั้นร่างของเขาถึงกับแข็งทื่อไม่อาจขยับ
หลังจากกลืนโอสถนั้นลงไปแล้วจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็แทบจะลอยออกจากร่าง
มันไม่ได้เพียงแค่เพิ่มพลังวิญญาณในกายเขาแต่มันยังเพิ่มความเข้าใจในวรยุทธวิญญาณลับโกลาหลให้แก่ตัวเขาทำให้สุดท้ายสามารถขึ้นไปแตะฐานของอาณาจักรเทพสวรรค์ได้!
ทุกผู้คนต่างสั่งสอนคนรุ่นหลังว่าให้ตอบแทนคุณเป็นเท่าตัว แต่สิ่งที่เย่หยวนตอบแทนให้เขามานี้มันมากมายจนเขาแทบไม่อาจทำใจรับไว้ได้
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่หงเซียวทำเช่นนี้อีกแล้วนะ? ระหว่างเรานั้นมันยังต้องมีสิ่งใดให้ต้องขอบคุณอีกเล่า?”
“ฮ่าๆ เฒ่าคนนี้…เฒ่าคนนี้ห้ามตัวไม่ไหวจริงๆ! จริงด้วย ตอนนี้มันยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าที่สนามรบเทพโบราณจะเปิดออก เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายจะเริ่มมารวมตัวกันในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศในอีกไม่นานแล้ว แม้ว่าชะตาของเจ้านั้นจะแกร่งกล้าแต่ภายในสนามรบเทพโบราณนี้ไม่ว่าจะเป็นชะตาเช่นใดมันก็ไร้ค่า ข้าเคยได้ยินมาว่าแม้แต่เต๋าบรรพกาลก็ยังเคยตายลงในที่แห่งนั้น” เจียนหงเซียวบอก
นั้นทำให้เย่หยวนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงทันที “เต๋าบรรพกาล? พวกเขานั้นมิใช่ว่าอยู่คงเป็นนิรันดร์หรือ?”
เจียนหงเซียวส่ายหัวออกมา “ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ นั้นข้าก็ไม่ทราบได้ แต่ตัวตนระดับนั้นมีหรือที่พวกเราจะเข้าใจได้? ข้าแค่เคยได้ยินเฟิงฉีพูดถึงเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว”
ตอนนี้เย่หยวนนั้นได้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นและรู้จักว่า ‘เฟิงฉี’ ผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นลูกสาวของเจียนซู่เทา ส่วนทางด้านเจียนหงเซียวนั้นเป็นลูกเขยของเขา!
ตอนนั้นเจียนเฟิงฉีผู้นี้ได้พบเจอทุกข์โชคร้าย ตั้งแต่นั้นมานางก็ได้แต่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่อาจขยับไปไหนได้อีก
เจียนหงเซียวนั้นรักเจียนเฟิงฉีจนหมดใจทำให้เขาไม่สนคำห้ามปราบของน้องชายแท้ๆ ของตนและใช้วิชาลับเปลี่ยนชะตาออกมา
แต่เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมันก็เกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของวิชาที่มันส่งผลร้ายขึ้นไปถึงวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงทำให้ชีวิตของศิษย์ทั้งสามสิบหกและน้องชายของเขานั้นเหือดแห้งไป
เรื่องราวในครั้งนั้นมันเป็นแผลใจของเจียนหงเซียวอย่างมากทำให้เขาไม่อยากที่จะพูดถึงมันขึ้นมาอีก
ตอนที่เย่หยวนได้ยินเรื่องราวครั้งแรกเขาก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกาย
………………………….