‘ตึง!’
เสียงหนึ่งดังลั่นขึ้นทำให้ร่างของพวกซงหยูทั้งสี่ต้องติดตรึงอยู่กลางอากาศไปเสียทั้งอย่างนั้น!
ใช่แล้ว แค่สี่คนเท่านั้น
เพราะอีกหนึ่งคนนั้นยังสามารถขยับร่างกายได้
หลิวยี่!
ตอนนี้ยันต์หนึ่งในมือของเขามันได้กลายเป็นเส้นด้ายจำนวนนับมหาศาลสลายหายไปกับอากาศ
“หึ ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลหนึ่งแผ่นแลกกับผลลมหายใจลับสวรรค์สามผล มันช่างคุ้มค่าเสียจริง!” หลิวยี่มองดูที่ผลลมหายใจลับสวรรค์ทั้งสามอย่างหิวกระหาย สีหน้าท่าทางสุดตื่นเต้นดีใจ
ด้วยผลลมหายใจลับสวรรค์ทั้งสามผลนี้เขาย่อมจะสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นกลางได้ในเวลาสั้นๆ
มีหรือที่ของเช่นนี้เขาจะยอมแบ่งให้ใคร?
นั่นทำให้ดวงตาของพวกซงหยูทั้งหลายต้องเบิกกว้าง พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าหลิวยี่จะมาทำการทรยศเอาในเวลาเช่นนี้
แต่เมื่อเขาลงมือ มันกลับกลายเป็นวินาทีที่สำคัญที่สุด
พวกเขานั้นรู้สึกได้ว่าร่างกายของคนนั้นกำลังถูกแนวคิดบางอย่างเข้าปกคลุมครอบงำจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย
“หลิวยี่ เจ้า… เจ้ากลับกล้าวางแผนทำร้ายพวกพ้องของตนอย่างนั้นหรือ?” ซงหยูร้องบอกอย่างโกรธแค้น
“หากเจ้ากล้าเอาผลลมหายใจลับสวรรค์ไป รับรองเลยว่าเย่หยวนจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่!” กั๋วจิงหยางพูดเสริมขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้นเช่นกัน
ในกลุ่มนี้พวกเขาทั้งหลายย่อมจะดูถูกหลิวยี่มากที่สุด
เพราะระหว่างทางมานี้หลิวยี่เอาแต่เก็บตัวไม่ยอมแสดงพลังฝีมือใดๆ ทำให้พวกเขาทั้งหลายไม่อาจรู้ถึงฝีมือที่แท้จริงของเขา
แต่คนเช่นนี้สุดท้ายกลับชักไม้ตายออกมาในวินาทีสำคัญ
ตอนนี้สีหน้าท่าทางน่าสมเพชของหลิวยี่นั้นจางหายไปสิ้น ความฉลาดหลักแหลมและเจ้าเล่ห์แสนกลปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นของเขาแทน
ในเวลานี้พวกเขาได้รู้ตัวแล้วว่าเจ้าหมอนี่มันใช้แผนปลอมเป็นหมูเพื่อล่อกินเสือ!
“หึๆ ข้านั้นถึงขั้นใช้ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลออกมาเจ้าคิดว่าเจ้าจะไม่กล้าเอาผลลมหายใจลับสวรรค์ไปหรือ? และข้านั้นไม่ได้แค่จะเอาผลลมหายใจลับสวรรค์ไปด้วย แต่ข้าจะ… หึๆ”
พูดมาถึงตรงนี้หลิวยี่ก็หรี่ตาลงด้วยจิตสังหารที่บ้าคลั่ง
เขาคิดที่จะฆ่าปิดปากผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งสิ้น!
ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนมันเป็นสิ่งที่หลิวยี่ได้พบเจอในโบราณสถานของเทพสวรรค์และได้มันมาทั้งสิ้นห้าแผ่น
ของสิ่งนี้มันมีพลังสุดแสนประหลาด อย่าว่าแต่เทพถ่องแท้สามดาว แม้จะเป็นเทพถ่องแท้สี่ดาวก็คงไม่อาจจะขยับหนีออกจากมันได้ในเวลาสั้นๆ
และในระยะเวลาก่อนจะถึงตอนนั้นมันก็มากพอที่จะทำให้หลิวยี่ฆ่าสังหารผู้คนได้
ที่ผ่านๆ มานั้นเพื่อที่จะแย่งชิงของมีค่าจากผู้คนหลิวยี่ได้ใช้ยันต์นี้ไปแล้วถึงสองแผ่น และนี่เป็นแผ่นที่สาม
เจ้ายันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้มันเป็นสิ่งที่หลิวยี่ไว้วางใจมากที่สุด
และมันก็เป็นเพราะการใช้เจ้ายันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้เช่นกันที่ทำให้ดวงชะตาของเขาพุ่งทะยานขึ้นรัศมีจักรพรรดิมาได้ จนทำให้ได้มีโอกาสเดินทางเข้ามาในสนามรบเทพโบราณนี้
การเล่นเป็นหมูเพื่อกินเสือนั้นคือวิธีการถนัดของตัวเขา
แต่ละครั้งที่เขาร่วมกลุ่มเดินทางกับใครในมิติวิเศษเขาก็จะทำเช่นนี้เสมอ ทำการทรยศในวินาทีสำคัญ
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือตราบเท่าที่เขาทำสำเร็จเขาจะฆ่าสังหารผู้คนอย่างไม่ปล่อยให้ใครเหลือรอด!
นั่นทำให้สีหน้าของพวกซงหยูเปลี่ยนไปทันที ซงหยูนั้นพยายามใช้พลังที่มีทั้งหมดออกมาเพื่อจะทำลายพลังที่ตรึงร่างของตนไว้แต่มันกลับไม่เป็นผลใดๆ
ตอนนี้พื้นที่รอบๆ กายของเขานั้นมันแข็งเป็นหินอย่างที่ไม่อาจขยับได้ราวกับถูกยัดไว้กลางแท่นปูน
หลิวยี่นั้นยื่นมือไปเก็บผลลมหายใจลับสวรรค์ทั้งสามมาและหัวเราะลั่น “หึๆ เลิกดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์เถิด ด้วยพลังของเจ้าแล้วมันย่อมจะไม่อาจขยับได้ในช่วงเวลาร้อยอึดใจ! เท่านี้เฒ่าคนนี้ก็คงส่งเจ้าทั้งหลายไปโลกหน้าได้ง่ายๆ”
“หลิวยี่ เจ้ากล้า?! เย่หยวนย่อมไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” ซงหยูตะโกนร้อง
เขานั้นหวาดกลัวอย่างมาก ไม่นึกไม่ฝันว่าชีวิตต้องมาจบลงโง่ๆ เช่นนี้
หลิวยี่หัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “หากเย่หยวนยังอยู่ข้าก็คงไม่กล้าลงมือทำอะไร เจ้าเด็กคนนี้มันฉลาดเหลือเกิน ข้าไม่อาจอ่านมันได้เลย แต่ตอนนี้ข้าคงต้องไปขอบคุณเจ้าศพดำนั่นเสียหน่อย”
ในกลุ่มนี้หลิวยี่นั้นเกรงกลัวเพียงแค่เย่หยวนเท่านั้น
เพราะความลับในตัวของเย่หยวนนั้นมันมีมากเกินไป ทั้งยังมีวิชาวิธีการที่เหนือล้ำกว่าจะจินตนาการ
ตลอดทางที่เดินมานี้หลิวยี่ก็จ้องมองเย่หยวนอยู่ตลอด
แต่ยิ่งเขาดู เขาก็ยิ่งไม่กังวล
หลิวยี่นั้นเข้าใจว่าเย่หยวนนั้นก็กำลังระแวงในตัวเขาอยู่เช่นกัน
เพราะฉะนั้นเขาจึงพยายามไม่แสดงฝีมือใดๆ ออกมาเพื่อไม่ให้เย่หยวนสงสัยใดๆ เพิ่มไปกว่าเก่า
หลิวยี่มองดูคนทั้งสี่อย่างเย็นเยือกก่อนจะชักขวานออกมาในมือและมันกลับกลายเป็นถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!
พวกซงหยูที่เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้าง หลิวยี่คนนี้กลับมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เช่นกัน!
“หึ เจ้าคงตกใจมากสิ? ในอดีตข้านั้นเคยได้รับสมบัติสืบทอดจากเทพสวรรค์ผู้หนึ่งทั้งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลรวมไปถึงวรยุทธ์บ่มเพาะ ทั้งหมดสิ้นมาจากเทพสวรรค์ผู้นั้น เจ้าคิดว่าพวกเจ้าตัวเองเป็นลูกหลานแห่งสวรรค์อย่างนั้นหรือ? น่าขันแท้!”
สำหรับพวกซงหยูที่เกิดมาบนความสุขสบายนี้หลิวยี่ย่อมจะดูถูกดูแคลนอีกฝ่ายอย่างมาก
ตัวเขานั้นเดินขึ้นมาถึงวันนี้ด้วยพลังของตนเอง ก้าวมาอย่างยากลำบากทีละก้าว
แต่พวกซงหยูนี้เล่า?
เหล่านายน้อยทั้งหลายนี้เกิดมาบนกองทรัพยากรบ่มเพาะและเติบโตมาอย่างไม่เคยขาดพวกมัน
หลิวยี่นั้นยกขวานขึ้นคิดฟันมันลงใส่ซงหยู
แต่ในวินาทีนั้นเองก็เกิดคลื่นพลังพุ่งทะยานใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
หลิวยี่หน้าถอดสีก่อนจะร้องขึ้น “พวกเจ้าโชคดีไป!”
พูดจบร่างของเขาก็พุ่งหายไปในม่านหมอกฝุ่นทันที
ความเร็วของเย่หยวนนั้นมันสุดแสนเหนือล้ำ ก้าวกลับมาถึงในพริบตา
เมื่อได้เห็นสภาพของพวกซงหยูทั้งหลายพร้อมด้วยการหายตัวไปของหลิวยี่ เย่หยวนก็เข้าใจเรื่องราวได้ในทันที
“เย่หยวน หลิวยี่มัน…” ซงหยูกล่าวขึ้นอย่างโกรธแค้น
เย่หยวนพยักหน้าพร้อมถอนหายใจยาว “ข้าเองก็ระแวงเจ้าหลิวยี่ผู้นี้มาตลอด ไม่นึกว่าสุดท้ายเจ้าศพดำนั้นมันจะเป็นปัญหากว่าที่คาดทำให้ข้ากลับมาไม่ทันการ”
ซงหยูนั้นสั่นสะท้านขึ้นด้วยความสั่นกลัว เป็นเวลานั้นเองที่เขาได้รู้ว่าเย่หยวนมองหลิวยี่ผู้นั้นออกมาแต่ต้น
พวกเขาทั้งหลายนั้นแค่พาหลิวยี่มาเพื่อเป็นตัวประกอบอย่างโง่เขลาจนสุดท้ายถูกมันทรยศ
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วทำไมยังพามันมาเล่า?” ซงหยูถาม
เย่หยวนตอบไป “หลิวยี่ผู้นี้ข้าไม่อาจมองมันออกได้เลย ทำให้ข้ากลัวว่าหากทำอะไรไปตอนนั้นที่เป็นการเปิดเผยตัวมัน มันอาจจะตอบกลับอะไรมาด้วยวิธีการที่เหนือคาด แต่ก่อนที่จะออกเดินทางมาข้าก็ได้เตือนมันไปแล้ว ไม่นึกว่ามันจะยังกล้าลงมือทำเรื่องเช่นนี้อีก!”
ในเวลานี้ซงหยูเริ่มรู้สึกว่าพลังที่ตรึงตัวเขาอยู่ค่อยๆ คลายออกทำให้เขารีบขยับตัวออกแรงหยุดพ้นจากพันธนาการได้ในที่สุด
“ที่แท้กลายเป็นว่าเจ้าหมอนั่นมันมีสมบัติสืบทอดมาจากเทพสวรรค์ และมันก็ใช้ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลเพื่อจับตรึงพวกเราทั้งสี่ไว้” ซงหยูกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ
เย่หยวนเองก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “ไม่นึกเลยว่ามันจะยังมีฝีมือถึงขนาดนี้ ข้าประมาทมากไปจริงๆ”
ที่เย่หยวนกล้าทิ้งกลุ่มไปนั้นย่อมเพราะเขาคิดว่าตัวซงหยูจะสามารถจัดการหลิวยี่ได้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เก่งกาจเหมือนตัวเย่หยวนจะก้าวข้ามดาวสองดาวได้ง่ายๆ
แต่ดูท่าเย่หยวนจะประมาทจนเกินไป
ด้วยเจ้ายันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้ ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ขั้นกลางก็คงไม่อาจจะหนีพ้นจากการฆ่าสังหารนี้ได้
ซงหยูนึกขึ้นมาได้และหันไปถามเย่หยวน “จริงด้วย! แล้วเจ้าศพดำนั้นเล่า?”
เย่หยวนตอบกลับมา “ไล่มันไปแล้ว คงไม่กล้ากลับมาใกล้พื้นที่แถบนี้อีกพักใหญ่”
ซงหยูขมวดคิ้วขึ้นทันที “ไล่มันไป?”
นั่นคือสัตว์ร้ายที่มีร่างกายเทียบเท่ากับยอดกายทองคำระดับหกขั้นต้น แต่เย่หยวนกลับสามารถไล่มันไปได้?
ดูท่าฝีมือของเย่หยวนนี้จะยิ่งลึกล้ำกว่าที่เขาคาดคิด!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เพราะว่าข้านั้นรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังแปลกๆ ในทิศนี้ข้าจึงรีบใช้วิชาออกไปแต่เจ้าศพดำตนนั้นมันก็สุดจะแข็งแกร่ง เกินกว่าที่ข้าจะสามารถสังหารมันลงได้!”
สังหาร…
ซงหยูนั้นได้แต่ยืนนิ่ง
เพราะหากเป็นตัวเขาแล้วเขาคงวิ่งหนีตั้งแต่แรกเจอมัน แต่เย่หยวนคนนี้กลับคิดถึงขั้นจะสังหารเจ้าศพดำนั้นลง
………………..