ต่อให้เทพสวรรค์นั้นจะตายลงไปยาวนานเพียงใดแม้จะยาวนานนับหมื่นๆ ปีซากร่างของเขานี้มันก็ยังส่องแสงกระจ่างจ้าพร้อมด้วยคลื่นพลังอันมหาศาลที่หลั่งไหล
กระดูกทองนี้มันทำลายไม่ได้และไม่มีวันเสื่อมสลาย
“ช่างเป็นคลื่นพลังที่รุนแรง เทพสวรรค์ผู้นี้คงเข้าใกล้อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์มากก่อนจะตายแน่” ซงหยูบอก
เย่หยวนพยักหน้าออกมา “เหล่ามารกระดูกนั้นมันคงได้รับอิทธิพลพลังจากซากร่างเทพสวรรค์นี้ทำให้มันได้เติบโตขึ้นมาด้วยเต๋าของเขาและพัฒนาตนขึ้นจนถึงระดับนั้นได้ พวกซัวโม่ทั้งหลายที่คิดอยากได้ซากร่างของเทพสวรรค์นี้จึงทำให้พวกมันทั้งหลายโกรธแค้นอย่างบ้าคลั่ง”
กั๋วจิงหยางหัวเราะขึ้น “พวกมันล่อมารกระดูกไปจนสิ้น ทำให้เราได้ประโยชน์มหาศาล ทั้งเต๋าและพลังงานที่เทพสวรรค์ผู้นี้หลงเหลือไว้มันย่อมมากพอที่จะส่งพวกเราพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้อีกหลายระดับ”
ซากของเทพสวรรค์นี้มันมีพลังงานวิญญาณอัดแน่นอยู่มากที่สำคัญมันยังมีพลังที่จะช่วยในการบ่มเพาะปราณเทวะช่วยให้เข้าใจเส้นทางของเต๋าสวรรค์ ทำให้การฝึกฝนวิชาใดๆ ง่ายดายขึ้นเป็นเท่าตัว
หากถามว่าอะไรคือสุดยอดแห่งโชคลาภ?
มันก็ย่อมต้องเป็นสิ่งนี้! นี่แหล่งคือสุดยอดแห่งโชคลาภ!
ในสนามรบเทพโบราณนี้มันมียอดฝีมือไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ที่ต้องตายตกลง
ต่อให้มันจะเป็นแค่เศษซากพลังของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันก็มากพอจะเป็นประโยชน์ให้พวกเขาไปได้ทั้งชีวิต
“ข้ารู้สึกว่าซากร่างเทพสวรรค์นี้มันควรเป็นของพี่เย่ที่สุด เพราะระหว่างทางมานั้นหากไม่มีเขาแล้วพวกเราคงได้ตายกันไปไม่รู้กี่ครั้ง” หูเฟยบอก
นั่นทำให้ทางซงหยูแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาแต่หลังจากคิดอยู่อีกนานสองนานในที่สุดเขาก็พยักหน้ารับ “ที่เขาว่ามาก็ถูก พี่เย่ เจ้าเอาซากร่างเทพสวรรค์นี้ไปเถอะ”
สมบัติอยู่ตรงหน้าเช่นนี้จะบอกว่าไม่อยากได้มันก็คงเป็นคำโกหก แต่พวกเขานั้นย่อมรู้ตัวดีว่าหากไม่มีเย่หยวนแล้วพวกเขาก็ย่อมจะไม่มีทางได้มาเจอมันแค่แรก
ระหว่างทางมาเย่หยวนนั้นเป็นคนที่ทำงานหนักที่สุด แต่ยังกลับแบ่งสมบัติให้ทุกคนเท่าๆ กัน
เย่หยวนยิ้มขึ้น “คนที่เห็นมันย่อมมีสิทธิ์จะได้มัน ให้ข้าเก็บมันไปคนเดียวจะได้อย่างไรกันเล่า? ซากร่างเทพสวรรค์นี้ทุกคนต้องแบ่งกันให้เท่าเทียม”
ซงหยูนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้ยิน “พี่เย่ไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่? ซากร่างของเทพสวรรค์เช่นนี้มันหายากยิ่งเสียกว่าสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เสียอีกนะ แล้วที่สำคัญเราจะแบ่งกันอย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “เราแบ่งไม่ได้ แต่มีคนแบ่งให้เราได้!”
ทุกผู้คนนั้นต่างไม่เข้าใจในความหมายนั้นแต่ระหว่างที่ยังไม่มีใครเข้าใจอะไรเย่หยวนก็เดินเข้าไปหาซากร่างนั้นเสียแล้ว
จากนั้นเขาก็หยิบกระดูกนั้นขึ้นมาและเริ่มทำการหลอมมันในทันที
‘ตูม!’
ในเวลานั้นเองที่เกิดคลื่นพลังวิญญาณอันมหาศาลพุ่งทะยานออกมาจากซากร่างเทพสวรรค์นั้น
“ฮ่าๆ! เฒ่าคนนี้ติดอยู่ภายในมานับหมื่นๆ ปี! วันนี้จะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้งแล้ว! เด็กน้อย เพื่อเป็นการตอบแทนเจ้า เจ้าจะได้กลายเป็นร่างเนื้อให้เฒ่าผู้นี้!”
เมื่อได้เห็นเงาร่างของคนแก่นั้นพวกซงหยูทั้งหลายก็หน้าถอดสีขาวซีดลงทันที
“เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์! เทพสวรรค์ผู้นี้กลับแฝงเสี้ยววิญญาณของตนไว้ในซากร่าง!” ซงหยูร้องบอก
“พี่เย่ระวัง!” กั๋วจิงหยางและพวกร้องบอกด้วยใบหน้าขาวซีด
คลื่นพลังของเสี้ยววิญญาณนี้มันสุดแสนที่จะรุนแรงจนทำให้จิตศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาทั้งหลายนั้นสั่นสะท้าน
เพราะเดิมทีเทพสวรรค์นั้นก็เป็นสุดยอดตัวตนของโลกใบนี้อยู่แล้ว
พลังของพวกเขานั้นมันยากที่จะเข้าใจได้
เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าเสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์เช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่อาจจะต้านทานใดๆ ได้เลย
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดที่จะหนีใดๆ มาตั้งแต่แรก เขาต้องมองใบหน้าของร่างวิญญาณนั้นและกล่าว “ผู้อาวุโส ข้าต้องขอลำบากท่านแบ่งซากร่างนี้เป็นห้าส่วนให้ด้วยแล้ว”
เทพสวรรค์ผู้นั้นกำลังตื่นเต้นดีใจที่จะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำของเย่หยวนเขาจึงได้แต่หันมามองอย่างมึนงง
เจ้าเด็กคนนี้มันไม่มีสมองหรือ?
ตอนนี้เฒ่าคนนี้กำลังจะเข้าสิงร่างเจ้าแล้ว!
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ตัวเขาเท่านั้นแต่พวกซงหยูทั้งหลายเองก็มึนงงไม่แพ้กัน
เย่หยวนกำลังคิดจะทำอะไร?
เรื่องราวมันไม่ควรเป็นเช่นนี้!
หรือว่าเย่หยวนนั้นจะกลัวเสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นี้จนไม่อาจคิดใดๆ ได้อีกแล้ว?
“เด็กน้อย เทพสวรรค์ผู้นี้กำลังจะสิงร่างเจ้าแล้ว เจ้าไม่เข้าใจหรือ?”
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นั้นแสดงสีหน้ามึนงงออกมา
เจ้าเด็กคนนี้ดูอย่างไรมันก็ไม่น่าจะใช่คนโง่เง่าไร้สมอง!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “ข้าขอให้ท่านแบ่งซากร่างนี้เป็นห้าส่วน ท่านไม่เข้าใจหรือ?”
โง่!
โง่อย่างมหัน!
ในเวลานั้นเองที่เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ได้เปลี่ยนความคิดไป เจ้าเด็กคนนี้มันต้องเป็นสุดยอดของคนโง่อย่างไม่ต้องสงสัย!
“ช่างเถอะ ช่างเป็นคนโง่เง่า แต่ข้าจะช่วยให้เจ้าหายโง่เอง ขอบคุณเทพสวรรค์ผู้นี้ไว้ในใจเสีย!”
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นั้นรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะพูดคุย เพราะเดิมทีแล้วเย่หยวนควรจะตัวสั่นต่อหน้าเขาก้มลงคุกเข่าร้องขอชีวิต
แต่เรื่องราวมันกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคิดแม้แต่น้อย
เขานั้นคิดอยากสิงร่างเย่หยวน แต่เย่หยวนกลับบังมาบอกให้เขาแบ่งซากร่าง
ตอนนั้นก่อนที่จะตายลงในสงครามตัวเขาบาดเจ็บอย่างสาหัสมาพักในที่แห่งนี้
แต่เขานั้นไม่คิดยอมแพ้และหวังที่จะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้หลอมการบ่มเพาะทั้งชีวิตลงไปในกระดูกนี้
จากนั้นเขาก็ส่งเสี้ยววิญญาณยัดลงใส่ในกระดูกไปด้วยก่อนจะเข้าสู่การหลับใหลที่แสนยาวนาน
ตราบเท่าที่มีใครคิดจะหยิบกระดูกเขานี้ไปหลอมกลั่นพลัง ตัวเขาก็จะถูกปลดปล่อยและออกมาสิงสู่ร่างคนผู้นั้นทันที
ตอนนี้มันมีคนที่หลอมกลั่นกระดูกของเขาแล้วเขาจึงได้ออกมา
เขานั้นคิดว่าอีกฝ่ายคงต้องกลัวจนตัวสั่น แต่เย่หยวนกลับไม่ทำเช่นนั้น
‘ตูม!’
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ผู้นี้เปลี่ยนตัวเองเป็นหมอกควันสีดำและพยายามที่จะพุ่งเข้าสิงร่างของเย่หยวน
“พี่เย่ระวัง!”
สีหน้าของพวกซงหยูนั้นเปลี่ยนไปอย่างทันทีคิดอยากพุ่งตัวเข้ามาช่วยแต่ร่างกายเจ้ากรรมกลับไม่ยอมขยับแม้แต่ก้าวเดียว
ในเวลานั้นมันกลับเกิดคลื่นพลังที่รุนแรงกว่าปะทุออกมาจากร่างของเย่หยวน
คลื่นพายุวิญญาณอันมหาศาลดึงดูดทุกสิ่งอย่างเข้าไปราวกับว่ามันคิดจะดูดเสี้ยววิญญาณของเทพสวรรค์ผู้นี้เข้าไปด้วย
“อ้า! สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์! ให้ตายสิ!”
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นั้นร่ำร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เจ้าหมอกควันสีดำนั้นพยายามที่จะพุ่งตัวหนีออกไปแต่กลับถูกคลื่นพลังนั้นดูดไว้
มีหรือที่หวู่เฉินจะปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ
ไข่มุกสยบวิญญาณนั้นคือศัตรูตัวร้ายของเหล่าวิญญาณทั้งหลาย
ก่อนนั้นไข่มุกสยบวิญญาณถูกจอมเทพนิรันดร์ดูดพลังงานออกไปจนสิ้น
แต่หลังจากได้มาอยู่ในมือเย่หยวนนานปี ไข่มุกสยบวิญญาณก็ได้ฟื้นฟูพลังคืนมาได้ราวหกถึงเจ็ดส่วนแล้ว
และแม้พลังแค่หกถึงเจ็ดส่วนนี้มันอาจจะไม่พอต้านทานเทพสวรรค์ที่แท้จริง แต่มันก็มากพอที่จะจัดการเสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์เช่นนี้
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นั้นพยายามที่จะใช้ทุกวิถีทางที่จะหนีจากพลังของไข่มุกสยบวิญญาณแต่ตัวมันนั้นกลับเหมือนถูกทรายดูด ไม่อาจจะดิ้นรนหนีไปได้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม
ตอนนี้เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นั้นเริ่มเปลี่ยนสีหน้าจากตกตะลึงเป็นหวาดกลัว
“สหายหนุ่ม เฒ่าคนนี้ผิดไปแล้ว ปล่อยเฒ่าคนนี้ไปเถอะนะ? เฒ่าคนนี้ผิดไปแล้วจริงๆ!”
มีหรือที่เขาจะยังเหลือภาพของเทพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่เมื่อสักครู่? ตอนนี้คำพูดของเขานั้นมันแฝงไปด้วยเสียงร้องโหยหวน
เขานั้นกลัวอย่างมาก!
เพราะภัยที่สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทวิญญาณนี้มีต่อเขามันมากล้ำจนเกินไป
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “ข้าย่อมปล่อยท่านได้ แต่ท่านต้องแบ่งซากร่างนี้เป็นห้าส่วน”
แล้วมีหรือที่เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นั้นจะยังกล้าขัดขืนใด? เขารีบตอบกลับมา “เอาที่สหายหนุ่มเจ้าว่าเลย! อย่าว่าแต่ห้า จะให้แบ่งเป็นห้าสิบส่วนเฒ่าคนนี้ก็พร้อมจะทำให้”
เย่หยวนพยักหน้ารับส่งให้พลังของพายุวิญญาณนั้นค่อยๆ ผ่อนเบาลงเมื่อแรงกดดันที่เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นั้นมีจางหายไปเขาก็ปรากฏร่างออกมาได้อีกครั้ง
เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้ร่างวิญญาณนั้นมันดูเบาบางลงมาก ทั้งยังใบหน้าเหยเกนั้นของเขาดูท่าแล้วคงได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย
ซงหยูและพวกที่เห็นเช่นนั้นต่างได้แต่อ้าปากค้าง ไม่อาจที่จะเก็บความตื่นตะลึงไว้ในใจได้
แผนการเช่นนี้มันก็มีด้วย?
…………………………