“หายแล้ว? หรือว่าเขาจะมีโอสถอมตะใดติดตัวไว้กัน?”
“ความเร็วในการฟื้นฟูนี้มันจะเหนือล้ำเกินไปหรือไม่? ก่อนหน้านี้เขายังมีสภาพใกล้ตายรอมร่อ แต่กลับหายเป็นปกติได้ในเวลาสามวันหรือ?”
…
เมื่อทุกผู้คนได้เห็นเย่หยวนลุกขึ้นเดินมาหามารกระดูกเทพสวรรค์เหล่าผู้คนทั้งหลายก็ได้แต่ตื่นตะลึงจนไม่อาจทำใจให้สงบได้
สามวันก่อนเย่หยวนนั้นยังไม่มีแรงแม้แต่จะคลาน
สามวันถัดมาตัวเย่หยวนกลับลุกเดินได้เป็นปกติ
เจ้าหมอนี่มันกินโอสถใดลงไปกันแน่?
“ผู้อาวุโส โปรดลงมือ!” เย่หยวนบอกด้วยสายตาดุดัน
มารกระดูกนั้นมองดูเย่หยวนและค่อยๆ เปิดปากออกพูด “เด็กน้อย เจ้านั้นไม่อาจก้าวไปได้มากกว่านี้แล้ว ดาบนี้เองเจ้าก็คงรับไม่ได้เช่นกัน ดาบที่สามของข้านี้มันเป็นดาบที่ผสานแนวคิดทั้งห้าเข้าด้วยกัน มีพลังเหนือล้ำจนเจ้าไม่อาจคาดเดาได้”
ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างใจเต้นสั่นรัว
ผสานแนวคิดห้าแนวคิด มันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยหรือ?
หรือว่าเหล่ายอดอัจฉริยะในอดีตนั้นจะสามารถผสานแนวคิดสี่หรือห้าแนวคิดได้ทั้งสิ้น?
เย่หยวนตอบกลับไป “อย่าได้เตือนอีกเลย ผู้อาวุโส เชิญลงมือ!”
มารกระดูกนั้นตอบกลับมาอย่างเรียบเฉย “สงครามสิ้นโลกนั้นมันได้กลบฝังสิ่งต่างๆ ไปมากมาย เจ้าเองก็ไม่ต้องมากลัวเสียหน้ากับเรื่องเท่านี้หรอก แต่ในเมื่อเจ้าคิดยอมรับความตายเอง เทพสวรรค์ผู้นี้ก็คงต้องสงเคราะห์ให้ เจ้าดูให้ดีเล่า”
พูดจบมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นก็แทงดาบออกมาอีกครั้ง
มันเป็นท่าเดิม เพียงแค่ว่าในครั้งนี้มันกลับดูธรรมดากว่าเดิมอย่างมากมาย
ตอนนี้โลกทั้งใบนี้มีแต่ความเงียบสงัด
แค่มารกระดูกยกดาบขึ้นมาเย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงความตายที่มาเยือนอยู่ตรงหน้า
ดาบนี้มันไม่อาจจะใช้คำพูดใดอธิบายได้
เมื่อได้เห็นความสุดยอดในความธรรมดานี้คนทั้งหลายจึงลืมแม้แต่จะหายใจ
ทุกสิ่งอย่างนั้นมันอยู่กับดาบนี้
ดาบนี้มันเป็นการใช้แนวคิดแห่งดาบออกมาอย่างงดงามจนถึงขั้นสุดยอด!
คนที่สามารถควบคุมดาบได้ถึงระดับนี้เย่หยวนแทบไม่เคยพบเจอเลยในชีวิต
ดูท่าว่าอีกฝ่ายนั้นในตอนมีชีวิตก็คงไม่ได้ต่างจากตัวเย่หยวนมากนัก เขาใช้พลังของแนวคิดอื่นผสานกับแนวคิดแห่งดาบเพื่อที่จะขึ้นถึงจุดสูงสุดที่แท้
เพียงแค่ว่าการผสานสี่แนวคิดเข้ากับแนวคิดแห่งดาบนั้นมันเป็นอะไรที่แม้แต่ตัวเย่หยวนก็ยังไม่อาจคาดคิด
เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกาย ตอนนี้พวกเขาเริ่มฉลาดขึ้นมาและขยับร่างกายถอยออกไปไกลจากวงการต่อสู้ของคนทั้งสองเผื่อว่าจะมีพลังลูกหลงใดๆ
ครั้งก่อนนั้นพวกเขาทั้งหลายแค่กระอักเลือดออกมา แต่ครั้งนี้มันไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะจบลงแค่นั้น
เพราะมารกระดูกเทพสวรรค์ตนนี้เองก็บอกมาแล้วว่าพลังของดาบนี้มันจะเหนือล้ำกว่าดาบที่สองถึงห้าสิบเท่า!
พลังในระดับนั้นมันเหนือล้ำกว่าคำว่าน่าเกรงกลัวใดๆ ไปไกลลิบ
พวกเขานั้นไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าเย่หยวนนั้นจะใช้พลังใดออกมารับการโจมตีของดาบที่สามนี้ได้
แต่พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างคาดหวังให้เกิดปาฏิหาริย์
เพราะหากเย่หยวนตายลงด้วยดาบนี้แล้วพวกเขาทั้งหลายก็คงต้องเป็นเป้าดาบของมารกระดูกเทพสวรรค์ต่อไป
คนที่เหลือทั้งหมดนี้มันมีใครบ้างที่มั่นใจว่าจะรอดจากดาบแรกของมารกระดูกเทพสวรรค์ได้?
หากเย่หยวนตาย พวกเขาทั้งหลายทั้งสิ้นนี้ก็คงต้องตายลงด้วยแล้ว
แต่ปัญหาคือเย่หยวนจะรับมันได้หรือไม่?
ระหว่างที่พวกเขาทั้งหลายยังคงเคลือบแคลงสงสัยทางมารกระดูกเทพสวรรค์ก็ได้ปล่อยดาบนั้นออกมา
ตอนนี้มันไม่ได้มีคลื่นพลังดาบหรือสิ่งใดนำ สิ่งที่เข้ามานั้นคือร่างของมารกระดูกเทพสวรรค์เอง!
มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นจับดาบของตนพุ่งเป้าแทงเข้ามายังหัวใจของเย่หยวน
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ได้คิดจะตั้งท่าใช้ดาบสลักกลวงใดๆ
ยอมแพ้?
ทุกผู้คนนั้นต่างเข้าใจดีว่าเมื่อดาบนี้ของมารกระดูกเทพสวรรค์เข้ามาถึงตัวของเย่หยวนมันคงกลายเป็นพลังที่มหาศาลสั่นสะท้านฟ้าดิน
เพราะมันเร็วเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
ในเวลาไม่ถึงพริบตามารกระดูกเทพสวรรค์ก็ได้พุ่งมาถึงเบื้องหน้าเย่หยวน
“พี่เย่ระวัง!
“พี่เย่!”
…
ซงหยูและพวกนั้นไม่เข้าใจว่าเย่หยวนกำลังคิดจะทำอะไรเมื่อได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงมีใบหน้าขาวซีดด้วยความหวาดกลัว
ทุกผู้คนต่างร่ำร้องออกมาอย่างตื่นตกใจไม่เข้าใจว่าเย่หยวนคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่
แต่ในวินาทีนั้นเองที่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
เพราะตอนนี้ในจุดตันเถียนของเย่หยวนมันกลับมีสายฟ้าพุ่งพวยทะยานออกมารับดาบกระดูกนั้นไว้อย่างนับไม่ถ้วน
‘ฟู ฟู ฟู…’
อากาศรอบๆ เกิดเสียงร่ำร้องขึ้นที่ใดที่ดาบนั้นพุ่งผ่านเหล่าลายพระเจ้าทั้งหลายต่างพังทลายลง
แต่เมื่อเหล่าลายพระเจ้าทั้งหลายเริ่มรวมกันหนาแน่นความเร็วของดาบนั้นมันก็ยิ่งช้าเชื่องลงเรื่อยๆ
“นี่มัน… ลายพระเจ้า?”
นี่นับเป็นครั้งแรกที่มารกระดูกเทพสวรรค์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงอารมณ์ตื่นตกใจ
เทพถ่องแท้สองดาวผู้หนึ่งจะบ่มเพาะลายพระเจ้าได้อย่างไร?
พลังของดาบนี้มันสุดแสนรุนแรง ในตอนแรกเหล่าลายพระเจ้าทั้งหลายต่างไม่อาจต้านทานมันได้
แต่นานเข้าเหล่าลายพระเจ้ามันก็ยิ่งรวมตัวกันหนาแน่นขึ้น
จนสุดท้ายดาบนั้นกลับถูกตรึงไว้กลางอากาศ
แต่ทว่าเหล่าลายพระเจ้าทั้งหลายยังไม่หยุดลงเท่านั้น มันค่อยๆ ขยับเข้าไปพันร่างของมารกระดูกไว้
จนในที่สุดมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นกลับไม่อาจขยับร่างได้แม้แต่น้อย
มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นตื่นตะลึงอย่างมากและพยายามออกแรงให้มากกว่าเก่า
จากเทพถ่องแท้สองดาว เป็นพลังเทพถ่องแท้สามดาว จนกลายเป็นพลังเทพถ่องแท้สี่ดาว
แต่มันก็ยังไม่อาจดิ้นหลุดได้!
คลื่นพลังจากร่างของมารกระดูกเทพสวรรค์จึงพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อมันพุ่งกลับขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เจ็ดดาวเขาจึงพอที่จะฉีกลายพระเจ้าที่ล้อมรอบอยู่ให้ขาดลงได้!
เมื่อขึ้นไปถึงพลังเทพถ่องแท้เก้าดาวเย่หยวนก็ไม่อาจจะพันธนาการมารกระดูกเทพสวรรค์ไว้ได้อีกจนถูกคลื่นพลังนั้นดีดซัดไปไกล
ทุกผู้คนต่างมองดูภาพตรงหน้านี้อย่างตกตะลึงและหวาดกลัว
มารกระดูกเทพสวรรค์ที่สุดแสนแข็งแกร่งนั้นกลับต้องเพิ่มพลังบ่มเพาะกลับขึ้นไปเพื่อจะหนีจากเจ้าสายฟ้าทั้งหลายนี้
ไหนว่าจะใช้แค่วิชาดาบเล่า?
ไหนว่าจะใช้แค่พลังในระดับเดียวกันเล่า?
ดาบที่สามนี้มารกระดูกเทพสวรรค์พ่ายแพ้อย่างไม่มีทางขัดขืนเลย!
เย่หยวนนั้นยังไม่ทันได้ทำอะไรมารกระดูกเทพสวรรค์ก็ถูกลายสีฟ้าของเย่หยวนนี้จัดการจนอยู่หมัด
ภาพตรงหน้านี้มันทำให้ทุกผู้คนต้องอ้าปากค้างมองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึง
ตอนนี้เย่หยวนค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น
แต่นัยน์ตาของเขานั้นมันกลับไร้ความรู้สึกอารมณ์ใดๆ ทำให้พวกเขาทั้งหลายสั่นผวาไปทั้งใจ
ช่างเป็นดวงตาที่เย็นชาราวน้ำแข็ง!
สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันแตกต่างจากก่อนหน้าราวกับกลายเป็นคนละคน
ดวงตาของเขานั้นมันเหมือนผู้มองผ่านชีวิตทั้งหลายโดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
เต๋าสวรรค์!
นี่คือคลื่นพลังแบบเดียวกับเต๋าสวรรค์!
แล้วเทพถ่องแท้สองดาวผู้หนึ่งจะมีคลื่นพลังอันน่ากลัวเช่นนี้ออมาจากร่างได้อย่างไร?
“เจ้าพูดกล่าวถึงว่ายอดอัจฉริยะในอดีตเก่งกาจอย่างนั้นอย่างนี้ ดาบที่สามมันรุนแรงเช่นนั้นเช่นนี้ แล้วดูสิ สุดท้ายมันก็แค่เท่านี้” เย่หยวนมองดูที่ร่างของมารกระดูกด้วยสายตาสุดแสนเย็นเยือก
ท้าทาย!
เย่หยวนนั้นกำลังท้าทายอีกฝ่าย!
เขานั้นกำลังท้าทายยอดฝีมือระดับเทพสวรรค์!
เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วหรือ?
แต่ทว่าตัวเขานั้นก็ได้ใช้คำของมารกระดูกเทพสวรรค์ต่อตัวมารกระดูกเทพสวรรค์เอง ทำให้เย่หยวนได้ตบหน้ามารกระดูกฉาดใหญ่
เย่หยวนนั้นไม่เพียงแค่รับดาบนี้ไว้ได้ แต่เขายังทำให้มารกระดูกเทพสวรรค์ต้องเพิ่มพลังบ่มเพาะขึ้นไปจนถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เก้าดาว
นี่มันเหมือนกับเป็นการตบหน้ามารกระดูกเทพสวรรค์อย่างรุนแรงด้วยมือของมารกระดูกเทพสวรรค์เอง!
แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะไม่ได้เป็นคนทำเองแต่เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายก็ได้รู้สึกปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมา
เพราะจากปากของมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นแม้จะเป็นยอดอัจฉริยะในอดีตเองพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่รับดาบที่สามนี้ไว้
แต่เย่หยวนกลับสามารถทำให้เทพสวรรค์ต้องเร่งพลังของตนขึ้นจนถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เก้าดาว
แค่นี้มันก็มากพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าเย่หยวนนั้นมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำกว่ายอดคนในอดีตมากมาย!
มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นใช้เบ้าตาที่กลวงโบ๋มองดูเย่หยวนส่วนเย่หยวนก็ใช้ดวงตาที่เย็นเยือกนั้นจ้องกลับไปยังมารกระดูกเทพสวรรค์
ดวงตาทั้งสองนั้นจ้องมองกันอย่างเงียบงัน
หลังผ่านไปนานแสนนานในที่สุดทางมารกระดูกเทพสวรรค์ก็กล่าวขึ้น “ข้าขอถอนคำพูด! เทพถ่องแท้บ่มเพาะลายพระเจ้า เรื่องเช่นนี้ข้าไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน พรสวรรค์ของเจ้านี้มันเหนือล้ำกว่าที่จะใช้สามัญสำนึกใดๆ มาวัดได้แล้ว”
พูดไปมารกระดูกเทพสวรรค์ก็ได้โยนดาบกระดูกในมือไปให้เย่หยวน
นั่นทำให้ใบหน้าของทุกผู้คนเปลี่ยนสีทันที มารกระดูกเทพสวรรค์ตนนี้กลับยอมแพ้ลง!
“ดาบกระดูกนี้เป็นของเจ้าแล้ว ส่วนเรื่องกระดูกของนายท่าน เจ้าก็เอามันไปได้! ยอดอัจฉริยะระดับนี้ปรากฏตัวขึ้นมา ดูท่า… สงครามสิ้นโลกครั้งต่อไปคงอยู่อีกไม่ไกลแล้วใช่หรือไม่? นายท่าน ข้าได้ทำภารกิจลุล่วงแล้ว ข้าขอพักก่อนล่ะ”
พูดจบร่างของมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นก็แตกสลายลงหายไปกับสายลมทันที
เย่หยวนเก็บดาบกระดูกลงไปด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะเดินหน้าขึ้นไปยังยอดเขากระดูก
บนยอดนั้นแสงที่กระดูกจักรพรรดิกิเลนปล่อยออกมามันทำให้ผู้คนที่พบเห็นต้องสั่นสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณ
…………………………