“พี่เย่!”
พวกซงหยูทั้งหลายหน้าถอดสีรีบพุ่งตัวตามเย่หยวนไปทันที
เพราะพวกเขาทั้งหลายกลับรู้สึกว่าเย่หยวนผู้อยู่ตรงหน้านี้มันกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าไป
“พี่เย่จะไปไหน?”
วิชาการเคลื่อนย้ายของเย่หยวนนั้นมันสุดแสนเหนือล้ำเป็นทุนเดิม ซงหยูและพวกนั้นไม่อาจจะตามหลังเขาไปได้ทันจึงได้แต่ร้องตะโกนถาม
อีกด้านจู่ๆ เย่หยวนก็หยุดเท้าลงก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “อย่าตามข้ามา ไม่เช่นนั้นอย่าได้หาว่าข้าไม่สนใจความเป็นสหาย”
นั่นทำให้ใบหน้าของพวกซงหยูทั้งหลายแข็งกระด้างได้แต่มองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อ
นี่มัน… ยังเป็นเย่หยวนคนเดิมที่พวกเขารู้จักหรือไม่?
เมื่อเห็นว่าเย่หยวนเริ่มพุ่งตัวออกไปอีกครั้ง ครานี้พวกซงหยูก็ไม่กล้าที่จะห้ามปราบใดๆ แล้ว
เพราะเย่หยวนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขานั้นมันทั้งน่าเกรงกลัวและเย็นชา หากพวกเขาตามไปจริงตัวเขาอาจจะสังหารพวกเขาลงอย่างไม่ปรานีเลยก็เป็นได้
“พี่ซง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่เย่กัน?” กั๋วจิงหยางหันมาถามด้วยความมึนงง
ซงหยูเองก็ตอบกลับมาด้วยใบหน้าเหยเก “พี่เย่นั้นมีวรยุทธ์บ่มเพาะที่แปลกประหลาดหาได้ยากยิ่ง ถึงสามารถกระโดดข้ามดาวสังหารศัตรูได้ง่ายๆ เช่นนี้ แต่ดูท่า… มันคงมีผลข้างเคียงที่รุนแรงอย่างการทำให้ผู้คนสูญเสียตัวตน”
กั๋วจิงหยางที่ได้ยินก็หน้าซีดเผือดขึ้นทันที “นี่มัน… เราจะทำอย่างไรดีเล่า? ตัวเขาคงไม่ได้จะกลายเป็นแบบนี้ตลอดไปหรอกใช่หรือไม่?”
ซงหยูส่ายหัวออกมา “ต้องไม่ใช่แน่ แต่หากเขายังคงบ่มเพาะด้วยวิธีเช่นนี้ต่อไปวันหน้าเขาคงได้กลายเป็นยอดคนผู้ไร้อารมณ์ความรู้สึกอย่างแน่นอน!”
คนทั้งหลายที่ได้ยินต่างแสดงสีหน้าท่าทางอึดอัดใจออกมา พวกเขาทั้งหลายนั้นนับเย่หยวนเป็นสหายเป็นพี่เป็นน้องจึงคิดกังวลห่วงเย่หยวนอย่างมาก
“นี่มัน… ปล่อยไว้เช่นนี้มันจะดีหรือ?” หูเฟยถามขึ้นด้วยความกังวล
“วางใจเถอะ เจ้าเองก็เห็นพลังของเขา ถึงขั้นสามารถทำให้มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นเร่งพลังถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เก้าดาว ที่สำคัญต่อให้ตอนนี้เขาจะมีสภาพเป็นเช่นนั้นตัวเขาก็ไม่ได้โง่ถึงขั้นจะปล่อยให้ตัวเองไปเจอหายนะภัยพิบัติ กลับกัน ข้ากลับรู้สึกได้ว่าตัวเขาในสภาพนั้นมันจะดูเยือกเย็นคิดการได้เป็นเหตุเป็นผลมากกว่าเสียด้วยซ้ำ”
พวกเข่าทั้งหลายต่างไม่มีใครพูดใดๆ ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอยู่พักใหญ่
“พี่ซง เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรต่อดี?” กั๋วจิงหยางถาม
ซงหยูหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “เรื่องราวที่นี่มันจบสิ้นลงแล้ว ตอนนี้เราไปรอพี่เย่ในม่านพลังน่าจะดีที่สุด”
…
สามเดือนต่อมาเย่หยวนก็ได้กลับมาที่ม่านพลังหน้าทางเข้าอีกครั้ง
เมื่อพวกซงหยูเห็นเย่หยวนพวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจทันที
“พี่เย่ เจ้ากลับมาแล้ว! ทำเราเป็นห่วงเสียแทบตาย!” หูเฟยกล่าว
เย่หยวนยิ้มรับ “ขออภัยที่ทำให้เป็นห่วงกัน”
ที่ด้านข้างซงหยูเองก็กล่าวขึ้นมาดว้ยความตกตะลึง “พี่เย่ เจ้าบรรลุแล้ว?”
ไม่ได้เจอกันแค่สามเดือนนี้เย่หยวนกลับบรรลุขึ้นมาได้อีกหนึ่งดาวแล้ว
ตอนนี้ตัวเย่หยวนมีพลังอยู่ในอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดสามดาวขั้นสุด ห่างจากอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดขั้นกลางเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้าได้พบเจอโชคมามากมายในช่วงสามเดือนนี้จนโชคดีบังเอิญบรรลุขึ้นมาได้”
ซงหยูรู้สึกได้ทันทีว่าเย่หยวนไม่อยากจะเล่ารายละเอียดช่วงเวลาหลายเดือนนี้จึงไม่ได้คิดที่จะถามใดๆ ต่อไป
แต่การบรรลุของเย่หยวนนี้มันก็ทำให้เขาตื่นตะลึงไม่น้อย
เพราะพวกซงหยูนั้นเข้าใจดีว่าการที่เย่หยวนบรรลุขึ้นมาหนึ่งดาวนี้มันได้ทำให้พลังฝีมือของเขาเหนือล้ำกว่าสามเดือนก่อนมากมายเพียงใด
ด้วยสภาพของเย่หยวนในตอนนี้ต่อให้ปะทะกับเทพถ่องแท้ห้าดาวก็คงมิใช่ปัญหา
หลังจากกลับมาถึงม่านพลังเรื่องราวทั้งหลายก็เริ่มสงบลง
เย่หยวนมองดูรอบๆ และได้พบว่าเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาที่ได้กลับมายังม่านพลังนี้มันมีจำนวนไม่ถึงหนึ่งในสิบจากตอนแรก
แม้ว่าสนามรบเทพโบราณนี้มันจะมากมายเปี่ยมไปด้วยขุมสมบัติแต่ความอันตรายของมันนั้นก็เหนือล้ำเช่นกัน
แต่คนทั้งหลายที่กลับมาได้ล้วนมีพลังฝีมือเพิ่มขึ้นหลายขุมคลื่นพลังใดๆ ที่ปล่อยออกมาจากร่างเองก็แข็งแกร่งอย่างมาก
ภายในกลุ่มคนนั้นเย่หยวนได้เห็นใบหน้าที่คุ้นตา เขาคือโจวหยู
โจวหยูเองก็เห็นได้ถึงสายตานั้นของเย่หยวนทำให้เขาต้องรีบหันหน้าหลบตาไปทันที
ตอนนี้ดวงใจของโจวหยูนั้นสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็น
เขานั้นกลับ กลัวว่าเย่หยวนจะมาหาเรื่องตัวเขา
โจวหยูนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าเวลาแต่สามเดือนนี้เย่หยวนกลับจะสามารถบรรลุขึ้นดาวมาได้
ตอนที่เย่หยวนอยู่อาณาจักรเทพถ่องแท้สองดาวตัวเขายังไม่อาจเทียบเคียงได้แล้ว ตอนนี้เมื่อเป็นเทพถ่องแท้สามดาวยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หากเย่หยวนคิดจะมาหาเรื่องใดๆ กับตัวเขาแล้วมันคงกลายเป็นภาระที่หนักหน่วงแน่
โชคยังดีที่เย่หยวนนั้นแค่หันมามองเขาและไม่ได้คิดจะสนใจเข้ามาหาเรื่องใดๆ ต่อทำให้เขาต้องถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ตั้งแต่เข้าสนามรบเทพโบราณมาจนถึงวันนี้เวลามันได้เลยผ่านไปกว่าปีครึ่งแล้ว เวลาที่เหลือนั้นทุกผู้คนต่างใช้มันนั่งสมาธิรอให้การเดินทางนี้จบลง
แต่แน่นอนว่ามันยังมีเด็กแห่งโชคชะตาอีกหลายคนที่ยังเสาะหาโชคอยู่ด้านนอกก่อนจะค่อยๆ กลับมารวมตัวกันที่ม่านพลัง
ในพริบตากรอบเวลาสามปีก็สิ้นสุดลงก่อนจะได้ยินเสียงของจักรพรรดิเทพสวรรค์คนเดิมนั้นดังออกมาอีกครั้ง
“ยินดีกับเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายด้วยที่ได้รับโชคลาภมากมายไปจากสนามรบเทพโบราณนี้ แต่ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะไม่ลืมเรื่องราวที่ตระกูลเจียนเรามอบให้ในครั้งนี้ ในวันหน้าหากตระกูลเจียนเราต้องการความช่วยเหลือก็หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ปฏิเสธมัน!”
“ท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็กล่าวเกินไป เรื่องราวในตระกูลเจียนนั้นมันก็ไม่ได้ต่างจากเรื่องราวของข้าแล้ว!”
“ท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์โปรดวางใจ!”
“แน่นอนๆ!”
…
เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายต่างร้องตอบกลับไป
จากนั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นั้นก็กล่าวขึ้น “หลังได้พบเจอประสบการณ์ในครั้งนี้ดวงชะตาของพวกเจ้าคงมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแน่ หลังจากกลับไปแล้วจงให้เจ้าเมืองของเจ้ามองดูดวงชะตารัศมีของเจ้าอีกครั้งเถิด เอาล่ะ ได้เวลาจากกันแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้นผู้คนทั้งหลายก็แสดงสีหน้ายิ้มแย้มตื่นเต้นออกมา
เพราะเหล่าผู้คนที่มาในครั้งนี้ส่วนมากจะมีรัศมีจักรพรรดิทั้งสิ้น รัศมีผ่าจักรพรรดินั้นมันเป็นเพียงแค่ส่วนน้อย
หากพวกเขาสามารถพัฒนาตัวให้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิได้แล้วพวกเขาคงจะสามารถก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้แน่ในวันหน้า
เรื่องเช่นนั้นมันย่อมจะเป็นข่าวดีแก่พวกเขาทั้งหลาย
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียในยอดเมืองหลวงจักรพรรดินั้นอาจจะบรรลุขึ้นอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์มันก็เป็นเรื่องสุดแสนที่จะยากเย็น!
ในกลุ่มคนตอนนี้เย่หยวนกลับขมวดคิ้วแน่นพร้อมเขารู้สึกได้ถึงสายตาของจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นี้ที่จ้องมองมายังตัวเขา
ดูท่าแล้วเขาจะคาดเดาไม่ผิดจริงๆ ตอนนี้เขาคงไปต้องตาตระกูลเจียนและจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เข้าแล้ว
แต่เย่หยวนก็ไม่คิดจะว่ากล่าวใดๆ เพียงรอคอยให้ทางออกสนามรบเทพโบราณเปิดออกเหมือนคนอื่นๆ
ทุกผู้คนนั้นต่างยิ้มแย้มดีใจก่อนที่จะเกิดแสงสว่างจ้าส่งทุกผู้คนกลับไปยังทางเดินที่พวกเขาเข้ามา
…
ที่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ เจียนหยุนซินกำลังก้มหัวต่อหน้าจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้และรายงาน “ท่านพ่อ เจ้าหนุ่มผู้นั้นมีนามว่าเย่หยวนเขาได้กระดูกจักรพรรดิกิเลนไปจากสนามรบเทพโบราณและนอกจากนั้น… เขายังได้เดินทางไปยังถ้ำไม้ยี่เข่งด้วย”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เลิกคิ้วขึ้นสูง “ถ้ำไม้ยี่เข่งนั้นเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ซื่อเหว่ยตายลง ซื่อเหว่ยคนนี้เองก็เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่มีนามเลื่องลือในยุคบรรพกาล ภายในถ้ำไม้ยี่เข่งนั้นมันเต็มไปด้วยอันตราย ตัวเขาเทพถ่องแท้ผู้หนึ่งนั้นกลับสามารถเข้าไปในถ้ำไม้ยี่เข่งได้? ทั้งยังสามารถกันดาบของเทพสวรรค์ห่าวหยูได้อีก ดูท่าแล้วพรสวรรค์ของเขาผู้นี้จะไม่ได้ด้อยไปกว่าคนจากยุคโบราณเลย!”
เจียนหยุนซินเองก็ดูท่าจะตื่นตกใจไม่น้อยเช่นกันกับข่าวนี้ “เป็นเช่นนั้นจริง เจียนหรงเองก็คอยเฝ้ามองดูเจ้าหนุ่มผู้นี้อยู่ตลอด หลังจากเขาได้กระดูกจักรพรรดิกิเลนแล้วเขาก็ได้เดินทางไปยังถ้ำไม้ยี่เข่งด้วยตัวคนเดียวและเพราะว่าที่เห็นนั้นมันมีพลังป้องกันการสอดส่องใดๆ ทำให้เจียนหรงเองก็ไม่อาจจะทราบถึงสถานการณ์ภายในได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าหนุ่มนี้ทำอะไรไปบ้าง”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้พยักหน้ารับ “ต่อให้จักรพรรดิผู้นี้จะไปเองข้าก็คงไม่อาจสืบสาวเรื่องราวที่เกิดในถ้ำไม้ยี่เข่งได้ ไม่ต้องพูดถึงเจียนหรงเลย เจ้าหนุ่มนี้มันชักน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้วสิ”
เจียนหยุนซินเองก็คิดเช่นนั้นก่อนจะกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านพ่อ เจียนหรงนั้นยังได้พบเจอเรื่องราวอีกอย่างที่น่าสนใจ”
……………..