ไม่นานนักข่าวนี้มันก็แพร่กระจายไปทั่ว
เหล่าคนที่เกี่ยวข้องกับจวนเจ้าเมืองและผู้เกี่ยวข้องกับเย่หยวนรวมไปถึงเหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายต่างถูกโยนเข้าคุกไปอย่างไม่เลือกหน้า
หนึ่งไฟดำที่สามยอดฝีมือนั้นนำพามาด้วยได้ทำการเข้ายึดครองดูแลความเรียบร้อยของเมืองไป
ทุกผู้คนต่างได้รับอนุญาตให้เข้า แต่ไม่มีใครจะสามารถออกจากเมืองได้
ตอนนี้เมืองนี้มันได้กลายเป็นเมืองปิดตาย!
หลายปีมานี้เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายต่างใช้ชีวิตในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างสุขสบายภายใต้การปกครองของเย่หยวน
อีกทั้งความก้าวล้ำในด้านการโอสถของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองมันก็ได้ทำให้นักยุทธ์จากทั่วทุกสารทิศเดินทางมา
มันทำให้พลังฝีมือของชายเมืองทั้งหลายนั้นพัฒนาไปอย่างมากมาย
และความเปลี่ยนแปลงชี้มันชัดเจนอยู่ในหัวใจของทุกผู้คน
เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายนั้นจึงได้กังวลเรื่องที่เหล่าทหารเกราะดำนี้เข้ามาควบคุมเมืองอย่างมาก
เพียงแค่ว่าเหล่าทหารเกราะดำนั้นมันมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำจนเกินไป พวกเขาจึงไม่กล้าหาญพอที่จะต้านทาน
ทุกผู้คนนั้นได้แต่เจ็บแค้นแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“หากท่านเย่หยวนยังอยู่ในเมืองแล้วเจ้าคนเหล่านี้มันคงไม่มีหน้ามาทำเช่นนี้ได้แน่”
“เฮ้อ! ข้าได้ยินมาว่าผู้ที่มาในคราวนี้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นกลางจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์! ต่อให้ท่านเย่หยวนจะยังอยู่ มันก็คงมิใช่เรื่องที่จะจัดการลงได้ง่ายๆ แน่”
“อีกทั้งคนพวกนี้นังมีเทพสวรรค์หนุนหลังให้อีก! แค่คิดมันก็แทบทำให้ข้าตัวสั่นแล้ว! หรือว่า… เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นจะต้องกลับไปเป็นอย่างแต่ก่อน? เราเพิ่งได้หายใจหายคอกันทั่วท้องมาไม่กี่ปีเองแท้ๆ!”
ยอดเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันหมายถึงเทพสวรรค์
และตัวตนของเทพสวรรค์นั้นมันเป็นอะไรที่ไร้เทียมทาน!
อย่างน้อยๆ ในชีวิตที่ผ่านๆ มาเหล่าผู้คนของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็ไม่ได้มีใครคาดคิดว่าชีวิตนี้จะได้ไปเกี่ยวข้องกับกำลังใต้การปกครองของเทพสวรรค์
เพราะยอดฝีมือในระดับนั้นสามารถทำลายเมืองจักรพรรดิมากมายลงได้ด้วยฝ่ามือเดียว พวกเขาย่อมจะอยู่กันคนละโลก
ตอนนี้เมื่อถูกยอดฝีมือขุมพลังระดับนั้นเฝ้าจับตา พวกเขาทั้งหลายต่างหวาดกลัวอย่างสุดหัวใจ
อย่างน้อยๆ วันเวลาในตอนนี้มันก็ดีกว่าเมื่อก่อนมากมาย ใครกันที่คิดจะอยากกลับไปเป็นอย่างก่อน?
“อ่า…จริงด้วย มันยังมีเทพถ่องแท้สี่ดาวท่านนั้นอยู่ในเมืองอีกมิใช่หรือ?”
ตอนนี้กลับมีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกได้ถึงความหวังอีกครั้ง
แต่พวกเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าในเวลานี้ไป๋ตงนั้นกำลังเผชิญหน้าอยู่กับหลู่ซือยี
“จะให้ข้าเริ่มหรือเจ้าจะลงมือก่อน?” หลู่ซือยีถามขึ้นอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
ไป๋ตงตอบกลับมา “ข้าจะโจมตีด้วยหนึ่งกระบวนท่า หากเจ้ารับมันได้ข้าจะยอมเดินเข้าคุกด้วยตัวเอง”
ตอนนี้เขานั้นเป็นเพียงแค่เทพถ่องแท้สี่ดาวขั้นต้น แต่หลู่ซือยีนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้สี่ดาวขั้นสุด
มันเป็นความแตกต่างที่แทบจะนับได้ว่าเป็นหนึ่งดาว
แม้ว่าตัวไป๋ตงนั้นจะเป็นถึงเทพสวรรค์แต่พลังฝีมือการต่อสู้ของเขาเองก็ไม่ได้นับว่ายิ่งใหญ่เหนือล้ำในหมู่เทพสวรรค์ด้วยกัน
เพราะตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นคือนักหลอมโอสถ
หลู่ซือยีพยักหน้ารับ “ได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า ลงมือเถอะ!”
ไป๋ตงได้แต่ยิ้มออกมาก่อนจะสะบัดมือชี้นิ้วออกมาทำให้มิติต้องสั่นสะท้าน
หลู่ซือยีที่ได้เห็นเช่นนั้นรู้สึกตื่นตะลึงใจอย่างมากแต่ไม่นานสีหน้าของนางก็กลับมาเย็นเยือกลงอีกครั้ง
จากนั้นก็ตามด้วยเสียงร้องหนึ่ง นางนั้นได้ตบฝ่ามือออกมาอย่างไม่มีท่าจะปรานีผู้คน
ในเวลานั้นเองที่มันได้เกิดคลื่นพลังแนวคิดอันรุนแรงเข้าปะทะผ่านห้วงมิติ
ไป๋ตงที่เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้างรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลตรงหน้า
‘ปัง!’
สองพลังแห่งแนวคิดนี้เข้าปะทะกับอย่างแรงแต่เป็นฝ่ายไป๋ตงที่ถูกซัดจนปลิวไป
หลู่ซือยีมองดูไป๋ตงที่นอนกองอยู่บนพื้นพร้อมกล่าวขึ้น “ฝีมือไม่เลว เสียดายที่ยังไม่พอ”
พูดจบนางก็เดินหันหลังกลับไป
ไป๋ตงได้แต่หัวเราะแห้งๆ ออกมารู้สึกเหมือนเป็นเสือเจ็บที่ถูกสุนัขเล่นงานแต่สุดท้ายเขาก็ยังรักษาคำเดินเข้าไปในคุกด้วยตัวเอง
…
เมื่อเย่หยวนย่างเท้ากลับมาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติในทันที
คิ้วทั้งสองของเขาขมวดจนแทบชนกันพร้อมจ้องมองไปยังทิศที่จวนเจ้าเมืองตั้งอยู่
“ท่านเย่หยวน! ท่านเย่หยวนกลับมาแล้ว!” ไม่นานนักเสียงของเหล่านักยุทธที่จดจำใบหน้าของเย่หยวนได้ก็ร้องขึ้นมาด้วยสีหน้ากึ่งกลัวกึ่งหวัง
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ถึงสีหน้าแปลกๆ เหล่านั้นทันทีแต่ก็ไม่ได้สนใจและตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
แต่จู่ๆ กลับมีเด็กหนุ่มราชันพระเจ้าผู้หนึ่งพุ่งตัวออกมาจับชายเสื้อเย่หยวนไว้ “ท่านเย่หยวน ท่านจะไปที่จวนเจ้าเมืองมิได้นะ! รีบๆ หนีไปเสียเถอะ!”
เย่หยวนที่ได้ยินจึงขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้ดูท่าความรู้สึกของเขาจะไม่ผิดแล้ว!
“เกิดอะไรขึ้นกัน?” เย่หยวนถามออกมา
เด็กหนุ่มราชันพระเจ้าผู้นั้นตอบกลับมา “นายท่านอย่าได้สนใจมันเลย! รีบไปเสีย! หากท่านยังอยู่ต่อไปมันจะไม่ทันการเสียแล้ว! ตอนนี้เทพถ่องแท้ขั้นกลางจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ได้มาล้อมรอบเมืองไว้สิ้นจนแม้แต่มดสักตัวก็ยังไม่อาจออกไปได้!”
“ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์?” เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านขึ้นในหัวใจไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วปัญหามันจะมาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์
เขานั้นไม่ได้ขึ้นเป็นผู้ตรวจการสิบเมืองสันเขาใต้ด้วยความคิดที่จะปลดแอกประกาศเอกราชใดๆ เพียงแค่ว่าการที่จะให้เขาไปรายงานเรื่องราวแก่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้นมันย่อมจะไม่มีทางเป็นไปได้
ส่วนทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์มันยิ่งอยู่ห่างไกลอย่างไม่ต้องถามถึง
เว้นเสียแต่ว่าตัวเขาก็นึกไม่ถึงว่าทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์จะมาทวงถามเรื่องราวถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เช่นนี้
เด็กหนุ่มผู้นั้นพยักหน้าตอบรับมา “ใช่แล้ว พวกเขานั้นได้ส่งยอดฝีมือเทพถ่องแท้ขั้นกลางมาทั้งคนทั้งหลายนั้นยังมีฝีมือเหนือล้ำ ตอนนี้แม้แต่ท่านเทพถ่องแท้สี่ดาวของเราผู้นั้นก็ยังพ่ายแพ้ ท่านรีบไปเสียเถอะ! หากยังชักช้ามันจะไม่ทันการแล้ว”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องหรี่ตาลงทันที คนอื่นไม่รู้ว่าไป๋ตงคือใครแต่ตัวเย่หยวนนั้นย่อมจะรู้ดีว่าไป๋ตงนั้นคือเทพสวรรค์ตัวจริงเสียงจริง!
ต่อให้พบเจอกับเทพถ่องแท้ห้าดาวไป๋ตงก็ยังไม่น่าจะแพ้พ่ายลง
การที่จะสามารถเอาชนะไป๋ตงได้มันย่อมจะหมายความว่าคนที่มานั้นมีวิชาฝีมือที่เหนือล้ำจริง!
แต่สิ่งที่เย่หยวนกังวลกว่าก็คือความปลอดภัยของไป๋ตง
“เทพถ่องแท้สี่ดาวที่เจ้าพูดถึงนั้นเขายังปลอดภัยหรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
เด็กหนุ่มผู้นั้นย่อมส่ายหัวออกมา “ข้าน้อยจะทราบได้อย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรเสียตอนนี้คนจากจวนเจ้าเมืองและคนที่เกี่ยวข้องกับท่านนั้นก็ได้ตกอยู่ในมือของศัตรูจนสิ้นแล้ว ความเป็นความตายเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบได้!”
ความเป็นความตายไม่มีใครทราบ!
เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนเหวี่ยงลงตรงหน้า
ไป๋เฉิน อิ้งหมัวหู่ เล้งชิวหลิง เจียงยู่ถังพวกเขาทั้งหลายนั้นเป็นคนที่สนิทกับเย่หยวนอย่างมาก
หากพวกเขานี้ได้ตายลงแล้วเย่หยวนคงได้บ้าตายแน่
“ท่านเย่ เรื่องทั้งหลายทั้งสิ้นนี้มันเกิดขึ้นจริง! ตอนนี้ทหารของเมืองเราก็ได้เปลี่ยนไปสิ้นแล้ว เหล่าคนทั้งหลายนั้นมันคงได้ข่าวของท่านแล้วหากท่านยังไม่รีบไปมันจะสายเกินไปจริงๆ แล้ว!” ดูท่าแล้วเด็กหนุ่มราชันพระเจ้าผู้นี้จะเคารพเย่หยวนอย่างมาก คำพูดของเขานั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล
เย่หยวนนั้นสูดหายใจเข้าลึกเพื่อพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ลง
เขานั้นย่อมจะรู้ดีว่าคนระดับนี้มันไม่อาจรู้เรื่องราวภายในที่เกิดขึ้นได้
เรื่องราวนี้สุดท้ายแล้วเขาก็ยังต้องไปพบเจอกับอีกฝ่ายก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ
หาก… หากมีใครตายลงจริงแล้วเย่หยวนคงได้ทำลายยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ลงแน่!
เย่หยวนเงยหน้าขึ้นมาถาม “น้องชาย เจ้ามีนามว่า?”
เด็กหนุ่มคนนั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา “ข้า… ข้าน้อยเจียงหมิง”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เจียงหมิง ข้าจะจำเอาไว้”
พูดจบเย่หยวนก็พุ่งตัวไปยังทางจวนเจ้าเมืองทันที
แต่ในวินาทีนั้นมันกลับเกิดเรื่องราวไม่คาดฝัน
เพราะมันมีดาบแสงหนึ่งพุ่งผ่านมาจากระยะนับหมื่นเมตรแต่กลับพุ่งมาถึงในทันที
ปัญหาคือเป้าหมายของมันมิใช่เย่หยวน!
เย่หยวนนั้นย่อมสัมผัสได้ว่าดาบนี้เล็งไปที่ใดและคิดจะกลับตัวไปในทันที
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
‘ปัง!’
คลื่นพลังแนวคิดอันสั่นสะท้านนั้นปะทะเข้ากับตัวเจียงหมิงอย่างจัง!
มีหรือที่ราชันพระเจ้าผู้หนึ่งจะรอดพ้นจากดาบของเทพถ่องแท้ไปได้?
“เป็นประชาชนคนยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์แท้ๆ แต่กลับกล้าเข้าข้างผู้ทรยศ! ช่างสมควรตาย!”
เสียงอันนุ่มนวลหนึ่งดังลอยมาตามลม
เพียงแค่ว่าเสียงนั้นหวานไพเราะแต่การกระทำนั้นกลับโหดเหี้ยมดั่งสัตว์ร้าย
……………..