“หอมร้อยลี้…”
หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินถึงกับนั่งเงียบไปทันที ชื่อที่สวยงามเช่นนั้นมันกลับฆ่าสังหารผู้คนเป็นผักปลา!
นี่มัน… คือพลังของผู้อาวุโสใหญ่แห่งศาลาโอสถสวรรค์อย่างนั้นหรือ?
ผู้คนนั้นยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ!
คำพูดนี้มันโผล่ขึ้นมาในสมองของหยูเหวินเฟิงทันที
คำกล่าวนี้มันเป็นคำสอนที่แพร่หลายในมหาพิภพถงเทียน แต่ในความเป็นจริงมันเป็นสิ่งที่มีมานานจนไม่อาจจะตามสืบหาต้นตอของมันได้เสียแล้ว
ความหมายของมันนั้นก็แสนจะเรียบง่าย ก็คือผู้คนนั้นยอมที่จะสร้างเป็นศัตรูกับยอดฝีมือสามพันคน ดีกว่าต้องไปท้าทายยอดผู้ใช้พิษคนหนึ่ง!
แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นถึงความน่าหวาดกลัวของผู้ใช้พิษแล้ว!
เต๋าพิษนั้นมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในเต๋าโอสถ
และจอมเทพโอสถที่เก่งกาจนั้นไม่ค่อยคิดจะเสียเวลาไปกับการศึกษามันมากมายนัก
ผู้ใช้พิษนั้นมันเป็นนามที่สุดแสนน่าหวาดกลัวจนทำให้ไม่มีใครกล้าหาญพอจะไปท้าทายพวกเขา
ยอดคนที่ศึกษาวิชาพิษนั้นมักจะเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตจิตใจเย็นชา ทำการใดๆ ไม่คิดมีเมตตา
ว่ากันว่าครั้งหนึ่งมันเคยมีผู้ใช้พิษระดับเจ็ดดาววางยาทั้งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิจนทำให้ผู้คนทั้งหลายตายสิ้นไม่มีใครหลุดรอดออกมา
ในสายตาของหลู่เหยียนนั้นเย่หยวนคงเป็นแค่ยอดอัจฉริยะที่ฆ่าสังหารหลู่ซือยีลงได้
แต่เขานั้นไม่ได้นึกถึงเลยว่าเย่หยวนนั้นเป็นถึงยอดนักหลอมโอสถที่เก่งกาจจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว!
เต๋าโอสถของเย่หยวนนั้นมันลึกซึ้งจนเกินต้นกำเนิดไปแล้ว แน่นอนว่าความเข้าใจในเต๋าพิษของเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเต๋าโอสถของเขาเลย
เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นไม่ชอบการใช้พิษสักเท่าไหร่ ชาวโลกจึงไม่ได้รับรู้
แต่วันนี้โลกทั้งใบต้องตกตะลึง!
หอมร้อยลี้นี้เป็นพิษที่เย่หยวนสร้างขึ้นมาเอง ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้เก้าดาวแต่หากโดนเข้าไปมันก็มีโอกาสจะรอดเพียงหนึ่งในสิบ
แต่ว่าการจะวางยาพิษเทพถ่องแท้เก้าดาวนั้นมันพูดง่ายแต่ทำยาก
เพราะตราบเท่าที่ยอดฝีมือเทพถ่องแท้คิดปล่อยพลังปราณเทวะป้องกันพร้อมพลังโลกของตนออกมาแล้วพวกเขาก็ย่อมจะสามารถป้องกันพิษใดๆ ทั้งหลายได้
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติช่วยในการวางค่ายกลพิษไว้ในช่องว่างมิติ
ภายในค่ายกลพิษนี้มันผสานไปด้วยวารีกำเนิดกัดเซาะ
ตราบเท่าที่คนทั้งหลายเข้ามาในขอบเขตของค่ายกลนี้พิษหอมร้อยลี้ก็จะสามารถแทรกผ่านพลังโลกใดๆ ของพวกเขาไปได้ด้วยวารีกำเนิดกัดเซาะจนทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องถูกกับพิษเข้า
และมหาค่ายกลนี้มันเป็นสิ่งที่เย่หยวนตั้งใจวางไว้เพื่อจะจัดการกับเทพถ่องแท้โดยเฉพาะ
เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายนั้นเป็นเพียงคนนอกที่เข้ามาติดกับด้วย
พื้นที่ของค่ายกลที่เย่หยวนวางไว้นั้นมันไม่นับว่ากว้างใหญ่มากมายทำให้เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายพอที่จะหลบรอดออกไปได้
เพียงแค่ว่าในตอนนี้แม้พวกเขาจะรอดออกมาความหวาดกลัวที่มีในหัวใจมันก็ไม่ได้เบาบางกว่าผู้ที่ติดอยู่ภายในเลย
“น่า… น่ากลัวยิ่ง! เทพถ่องแท้นับพันๆ นั้นตอนนี้กว่าเจ็ดในสิบต้องตายลงไปในพริบตา! เจ็ดในสิบเลยนะ!”
“เทพสวรรค์หลู่เหยียนไปท้าทายตัวตนระดับใดไว้กันแน่?!”
“อาจารย์เย่นั้นมีชื่อเสียงด้านโอสถเหนือล้ำคอยช่วยเหลือผู้คนไว้อย่างนับไม่ถ้วน ไม่มีใครนึกใครฝันว่าแท้จริงแล้วตัวเขาจะเป็นผู้ใช้พิษที่เหนือล้ำไม่แพ้กัน!”
…
เมื่อได้เห็นเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายที่ยังคงดิ้นทุรนทุรายคนทั้งหลายก็ได้แต่มองด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม
ภาพนี้มันจะติดตาพวกเขาไปทั้งชีวิต
เพราะมันน่าหวาดกลัวจนเกินไป!
“อ-อาจารย์เย่นั้นจำใจต้องทำ! เดิมทีตัวท่านก็ได้มาเตือนเราแล้ว เพียงแค่ว่า… เพียงแค่ว่าพวกเราไม่มีใครคิดจะฟัง!” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งร้องขึ้น
ตามมาด้วยความเงียบที่ทำให้ใจหาย!
พวกเขาทั้งหลายนั้นได้หวนกลับไปนึกถึงการถอนหายใจพร้อมสีหน้าลำบากใจครั้งนั้นของเย่หยวน
ที่แท้จนถึงตอนนี้เย่หยวนก็ยังไม่ได้คิดอยากจะใช้ค่ายกลพิษนี้
แต่เขานั้นไม่มีทางเลือก เมื่อต้องมาเจอทัพที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้หากเขาไม่ทำจิตใจให้โหดเหี้ยมแล้วก็คงไม่อาจหลบรอดจากหายนะได้
ไม่นานเหล่าเทพถ่องแท้เจ็ดดาวทั้งหลายก็ค่อยๆ ร่วงลงตายไปทีละคนๆ
เมื่อหยูเหวินเฟิงเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งกาย
เขานั้นอยู่มานับล้านปีแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาคิดว่าตัวเองตัดสินใจได้ถูกต้องขนาดนี้มาก่อน
“หอมร้อยลี้นั้นมีพิษอย่างรุนแรง ข้าจึงมีแต่จำใจต้องลงมือ ข้าก็มอบโอกาสให้ไปแล้วแต่พวกเขาทั้งหลายกลับไม่มีใครคิดคว้ามันไว้” เย่หยวนกล่าวขึ้นข้างๆ หยูเหวินเฟิง
หยูเหวินเฟิงนั้นยังคงไม่อาจสงบจิตสงบใจลงได้
หลังจากผ่านไปนานแสนนานเขาก็เริ่มตั้งสติขึ้นมาได้ “อาจารย์เย่นั้นแสดงความปรานีแล้ว! หากท่านเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตจริงคนทั้งหลายนับหมื่นๆ แสนๆ นี้คงไม่มีใครจะรอดออกไปได้!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้านั้นคำนวณพื้นที่วางค่ายกลในช่องว่างมิติเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว หากทำให้มันเล็กลงกว่านี้มันคงทำให้กองกำลังอีกมากหลุดรอดออกไปเป็นภัยต่อไป!”
หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็สั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เพราะฝีมือของเย่หยวนในครั้งนี้มันทำให้ตัวเขาสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ
การจะวางค่ายกลพิษอันน่ากลัวเช่นนี้ไว้ได้มันคงมีเพียงแค่เย่หยวนเท่านั้นที่จะมีปัญญาทำ
เหล่านักยุทธ์ยอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน
สายตาของพวกเขานั้นเงยมองขึ้นสูงจนลืมที่จะโห่ร้องแสดงความยินดีใดๆ
“เราชนะ?” ในกลุ่มคนนั้นเกิดเสียงถามขึ้นมาเสียงหนึ่ง
“ท่านเย่หยวนช่างแข็งแกร่งเสียจริง! ข้าก็นึกเสมอมาว่าท่านนั้นเป็นจอมเทพโอสถผู้เก่งกาจ ไม่นึกไม่ฝันว่าวิชาเต๋าพิษของเขาเองก็จะเหนือล้ำได้ถึงขนาดที่ไม่น้อยหน้าวิชาเต๋าโอสถของเขา!”
“หมายความว่าเหล่าเทพถ่องแท้ขั้นปลายทั้งหลายนี้… ตายลงง่ายๆ เช่นนั้น?”
“หึ สมควรตาย! คนทั้งหลายนั้นมันคิดมาทำลายเมืองเรา ถึงอย่างนั้นท่านเย่หยวนก็ยังคงเมตตาให้โอกาสพวกมัน แต่กลับเป็นตัวพวกมันเองที่รนหาที่ตาย!”
“ฮ่าๆ! เราติดตามคนได้ถูกจริงๆ! วันหน้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราอาจจะได้กลายเป็นสุดยอดวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็เป็นได้!”
…
คนทั้งเมืองต่างเฉลิมฉลอง!
ตั้งแต่ที่หลู่เหยียนสั่งคำสั่งเทพสวรรค์ออกมาพวกเขานั้นได้แต่ก้มหน้าก้มตาอย่างสิ้นหวัง
จนมาถึงวันนี้ วันที่เย่หยวนตบหน้าหลู่เหยียนจนหันกลับ!
การตบครั้งนี้มันสั่นสะท้านไปทั้งโลกาอย่างแท้จริง!
…
ภายในจวนเจ้าเมืองยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์
“พี่หลู่ เวลานี้ทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันคงแบนราบเป็นหน้ากลองแน่แล้วใช่หรือไม่?” เติ้งหยุนไซคำนวนเวลาและกล่าวขึ้นอย่างสะใจ
หลู่เหยียนพยักหน้ารับ “เวลานี้มันน่าจะเริ่มกันแล้ว! เจ้าเด็กเย่หยวนนั้นมันคงได้แต่จมอยู่กับสิ้นหวัง รอให้คนของเราจับมันกลับมายังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ก่อนเถิด เทพสวรรค์ผู้นี้จะทำให้มันได้ทรมานจนอยากตาย”
ไต้ชุนห่าวกัดฟันร้องขึ้นด้วยความแค้นใจ “กองทัพกว่าแสนไปพังทลายทุกสิ่งอย่างของมัน มันคงกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้วใช่หรือไม่?”
หลู่เหยียนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “สิ่งที่เทพสวรรค์ผู้นี้ต้องการก็คือความสิ้นหวังของมัน! ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่มีทางระบายความคับแค้นที่อยู่ในจิตใจของเทพสวรรค์ผู้นี้ไปได้”
ระหว่างที่คนทั้งสามกำลังพูดคุยกันไปก็มีทหารเกราะดำวิ่งพุ่งตัวเข้ามาภายในโถง
“ท่านเจ้าเมือง! ท่านเจ้าเมือง! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ทหารเกราะดำนั้นร้องบอกด้วยสีหน้าสุดตกตะลึง
หลู่เหยียนได้แต่ขมวดคิ้วแน่น “เกิดอะไรขึ้น? ข้าบอกให้เจ้าคอยจับตาดูข่าวไว้มิใช่หรือ? เหตุใดจึงรีบร้อนเข้ามาเช่นนี้? หรือว่าฟ้าจะถล่มลงมา?”
ทหารเกราะดำนั้นร้องตอบกลับไป “ท่านเจ้าเมือง ท่านเทพสวรรค์ทั้งสอง ฟ้ามันถล่มลงมาจริง! ภายใต้คำสั่งเทพสวรรค์นั้นเมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเมืองภายใต้การดูแลของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์เราได้ส่งกำลังเทพถ่องแท้กว่าสี่พันสามร้อยยี่สิบเอ็ดคนไป แต่พวกเขานั้น พวกเขา…”
พูดมาถึงตรงนี้ทหารเกราะดำก็ดูท่าทางหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดต่อไป
หลู่เหยียนลั่นสะท้านไปทั้งร่าง ตอนนี้คลื่นพลังอันน่าขนลุกถูกปล่อยออกมาพร้อมร้องตะโกนถาม “พวกเขาทำไม?”
ทหารเกราะดำนั้นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ตายสิ้นแล้ว!”
…………….