บนท้องฟ้ากว้างนั้นสองเงาร่างกำลังปะทะกันอยู่อย่างรุนแรง
หลู่เหยียนนั้นได้แต่พ่ายแพ้ให้แก่พัดในมือของไป๋ตงครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างที่ไม่อาจต้านทานใดๆ ได้
หากตอนนี้ตัวเขาต่อสู้อย่างสุดตัวไม่กลัวตายเขาก็คงพอทำร้ายไป๋ตงได้บ้าง
ปัญหาคือไป๋ตงนั้นกำลังสวมเกราะศึกรุ้งเขียวอยู่ทำให้อาการบาดเจ็บของหลู่เหยียนนั้นจะเป็นร้อย แต่ไป๋ตงนั้นจะบาดเจ็บแค่ไม่ถึงครึ่งจากที่ถูกโจมตี
หากสู้เช่นนั้นแล้วคนที่จะตายลงเสียก่อนมันจะเป็นตัวเขา
เมื่อหันไปมองดูที่คนทั้งสองเขาก็ได้เห็นว่าทั้งเติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวนั้นต่างกำลังถูกศัตรูกดดันอย่างมหาศาลเช่นกัน
หลู่เหยียนนั้นได้แต่คับแค้นอยู่ในใจ
พวกเขาทั้งสามนั้นมาเพื่อหวังว่าจะต้อนเย่หยวนให้จนมุม ไม่นึกไม่ฝันว่ากลับจะเป็นตัวเองที่ถูกเย่หยวนต้อนจนมุมแทน
การพลิกจากความพ่ายแพ้เป็นชัยเช่นนี้มันคงมีแค่เย่หยวนที่ทำได้ใช่หรือไม่?
แม้ว่าตัวเย่หยวนนั้นจะเป็นเพียงแค่เทพถ่องแท้น้อยๆ ผู้หนึ่งแต่เทพสวรรค์ทั้งสามที่ปรากฏขึ้นมานี้มันล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นได้เพราะมือของเขา
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเทพสวรรค์และสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้นมันเป็นของธรรมดาหาได้ง่ายดายตั้งแต่เมื่อใด?
คลื่นพลังอันรุนแรงเข้าปะทะอย่างต่อเนื่องจนทำให้อวัยวะของหลู่เหยียนแทบแตกสลายแทบต้องกระอักเลือดออกมา
‘อ่อก!’
ในที่สุดหลู่เหยียนก็ไม่อาจทนได้ต้องกระอักเลือดคำโต
เมื่อได้ปะทะกันไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งได้รับบาดเจ็บหนักหนามากขึ้น
“ไม่มีทาง! เช่นนี้ข้าคงต้องตายลงแน่! เดิมทีเจ้านี่เองมันก็มีฝีมือเหนือล้ำกว่าข้าอยู่แล้วทั้งมันยังมีพลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์คอยช่วยเหลือ ข้าไม่มีโอกาสจะชนะได้เลย!”
หลู่เหยียนนั้นเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจน
หลังจากที่ปะทะกันมาได้หลายร้อยกระบวนท่าเขาก็ได้เข้าใจว่าพลังการต่อสู้ของไป๋ตงนั้นเหนือล้ำกว่าที่หลู่เหยียนคาดคิดไปมาก
คนเช่นนี้มีหรือที่จะเพิ่งขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์?
นี่มันวิชาของเฒ่าที่มากประสบการณ์ในวิชาเทพสวรรค์อย่างชัดเจน!
หลู่เหยียนนั้นพอที่จะเดาได้ว่าเดิมทีแล้วไป๋คงนั้นอาจจะเป็นเทพสวรรค์เพียงแค่ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างเขาจึงได้ร่วงตกลงมาเป็นเพียงแค่เทพถ่องแท้
แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วเขาก็ยิ่งจะมีโอกาสชนะน้อยเข้าไปใหญ่
หลู่เหยียนได้แต่กัดฟันแน่น “หากยังมีชีวิตมันก็ยังมีความหวัง! ถอย!”
พูดจบหลู่เหยียนก็พุ่งตัวใช้ปราณเทวะมหาศาลทะยานหนีไปจากระยะโจมตีของไป๋ตง
เขาจึงได้ใช้โอกาสนี้มุ่งหน้าหนีไปทันที
ไป๋ตงที่เห็นเช่นนั้นจึงยิ้มรับไป “คิดจะไป? มีหรือที่จะง่ายดายปานนั้น?”
พริบตาเดียวร่างของไป๋ตงก็เข้ามาขวางทางหลู่เหยียนไว้ทันที
หลู่เหยียนเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง “แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”
ไป๋ตงนั้นมิใช่แค่เทพสวรรค์ธรรมดาๆ เขานั้นรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติด้วย!
หลู่เหยียนที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกสิ้นหวังอย่างเต็มหัวใจ
เขานั้นได้แต่กัดฟันถามไป๋ตงออกไป “เจ้าต้องทำถึงขั้นยอมตายตกตามกันไปหรือ?”
ไป๋ตงมองดูหลู่เหยียนอย่างเย็นเยือก “ตายตกตามกัน? แค่คนอย่างเจ้านี้?”
เดิมทีเขานั้นเป็นถึงยอดสุดเทพสวรรค์ ตัวเขานั้นย่อมจะมีพลังฝีมือเหนือล้ำกว่าหลู่เหยียนอย่างมากมาย
แม้ว่าตอนนี้ตัวเขาจะมีพลังบ่มเพาะไม่ได้สูงล้ำกว่าหลู่เหยียนใดๆ แต่เขาก็ยังมีเกราะศึกรุ้งเขียวของเย่หยวนและพัดหยกปรีดีของเขา สองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ในมือ
ไม่ว่าหลู่เหยียนจะมีไม้ตายใดๆ มันก็ไม่ทำให้ไป๋ตงกลัวแม้แต่น้อย
ไป๋ตงนั้นจึงได้ขยับมือทำการโจมตีออกมาอีกครั้งอย่างไม่คิดจะพูดใดๆ ต่อ
หลู่เหยียนนั้นรู้สึกขนลุกซ่านไปทั้งกาย ได้แต่ต้องตั้งรับการโจมตีนั้น
แม้ว่าทางด้านเย่หยวนนั้นจะได้เปรียบอย่างมหาศาลแต่การจะล้มเทพสวรรค์ลงนั้นมันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ
การต่อสู้ของทั้งสองฝั่งนั้นมันดำเนินไปถึงสามวันสามคืน
ตอนนี้หลู่เหยียนนั้นมีเหงื่อเปียกชุ่มผมเผ้ารุงรังลมหายใจติดขัด มีหรือที่มันจะยังดูเหมือนเจ้าเมืองใด สภาพของเขาในตอนนี้ไม่ได้ต่างไปจากขอทานข้างทาง
ส่วนอีกสองคนเองก็ไม่ได้มีสภาพที่ดีงามไปกว่าตัวเขาเลย ได้แต่ต้องตั้งรับด้วยสภาพแสนทุลักทุเล
“เย่หยวน ข้านั้นเป็นเทพสวรรค์ในการปกครองของท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยว เจ้ากล้าสังหารข้าหรือ? เจ้าเก่งกาจสร้างเทพสวรรค์ขึ้นมาได้ แต่เจ้าจะสร้างจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้หรือไม่? หากเจ้าสังหารข้าแล้วจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวคงไม่ปล่อยเจ้าไว้เฉยๆ แน่!” หลู่เหยียนใช้แรงเฮือกสุดท้ายพูดขู่ขึ้น
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวคนทั้งเมืองก็ตื่นตะลึงทันที
พวกเขานั้นยังพอนึกถึงพลังของเทพสวรรค์ได้แต่ตัวตนอย่างจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันเหนือกว่าความคิดจินตนาการใดๆ
การลบหลู่จักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันคงทำให้เกิดความฉิบหายอย่างไม่อาจคาดเดา
ที่บนกำแพงเมืองนั้นเย่หยวนยังคงยืนดูการต่อสู้อยู่และตอบกลับมา “ต่อให้ข้าจะปล่อยเจ้าไป มีหรือที่ข้าจะไม่ไปขอกำลังเสริมจากจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวมา? ถึงเวลานั้นข้าจะเอาอะไรไปจัดการกับเจ้าอีก? เช่นนั้นแล้วฆ่าสังหารไปเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า พี่ไป๋ อย่าได้กังวล จัดการมันเลย”
ไป๋ตงพยักหน้ารับก่อนจะยิ่งลงมือหนักหน่วงมากขึ้น
เพราะตอนนี้ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่จะสมานได้ จะยังมาข่มขู่ใดๆ อีก?
เรื่องของวันหน้าก็ค่อยไว้พูดคุยกันวันหน้า
ที่สำคัญกว่านั้นไป๋ตงเองก็พอเข้าใจเรื่องราว
ต่อให้เขาจะสังหารหลู่เหยียนไป จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวเองก็อาจจะไม่โกรธแค้นใดๆ มากมาย
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียอนาคตจอมเทพโอสถเจ็ดดาวมันก็เหนือล้ำค่ากว่าเทพสวรรค์สองดาวมาก สิ่งไหนที่มีค่ามากกว่ากันจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวย่อมจะแยกมันออกได้
กับตัวตนอย่างเย่หยวนแล้วเลี้ยงไว้ใกล้ตัวมันย่อมจะดีกว่าฆ่าสังหารทิ้งอย่างมากมาย
‘ปัง!’
ไป๋ตงชี้พัดออกมาปะทะกับพลังโลกของหลู่เหยียนจนทำให้ร่างนั้นลอยลิ่วไปไกลพร้อมเลือดที่สาดไหล
สภาพของหลู่เหยียนในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากคนตาย
ในเวลานี้หลู่เหยียนย่อมพยายามปล่อยกระบวนท่าไม้ตายออกมาจนสิ้น แต่ไป๋ตงนั้นมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ถึงสองชิ้นและย่อมจะไม่เกรงกลัวกระบวนท่าทั้งหลายนั้นเลย
ไป๋ตงหรี่ตาลงพร้อมกล่าวขึ้น “ได้เวลาส่งเจ้าไปเสียที!”
หลู่เหยียนได้แต่เบิกตากว้างมองดูภาพตรงหน้าอย่างไม่คิดยอมรับมัน
เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าตนจะต้องมาตายลงเช่นนี้
ในสถานที่น้อยๆ อย่างเมืองจักรพรรดิ!
ไป๋ตงชี้พัดออกมาอีกครั้งส่งพลังรุนแรงมหาศาลสู่ร่างของหลู่เหยียน
แต่ในเวลานั้นเองที่มิติด้านหน้าของเขามันกลับเกิดรอยแยกขึ้น
เงาร่างผู้มาถึงนั้นยกมือขึ้นปัดทำให้พลังโจมตีใดๆ จางหายไปสิ้น
ไป๋ตงได้แต่เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงกับผู้มาถึงนี้
ชายแก่ชุดเทาผู้นี้มีคลื่นพลังที่ทำให้แม้แต่ไป๋ตงยังต้องสั่นสะท้าน
ภายในเมืองคนทั้งหลายต้องหน้าถอดสี รวมไปถึงเย่หยวน
เพราะชายแก่ชุดเทาผู้นี้แข็งแกร่ง!
เมื่อหลู่เหยียนได้เห็นเขาผู้นั้นเขาก็ร้องขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ “พี่ชางหยวน! ฮ่าๆ ท่านมาได้เวลาพอดี! เจ้าคนทรยศเย่หยวนนี้มันคิดกล้าสังหารเทพสวรรค์ โทษของมันนั้นไม่อาจประเมินได้”
เทพสวรรค์ชางหยวนนั้นไม่ได้คิดหันมามองหลู่เหยียนและหันไปหาไป๋ตงแทน “เจ้านั้นคิดอยากสังหารเทพสวรรค์ภายใต้วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยว เจ้าจะไม่ดูถูกท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวมากเกินไปหรือ?”
เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงก้าวขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตอบกลับไป “ตัวมันเองต่างหากที่ไร้เหตุผล เรานั้นเพียงแค่ป้องกันตัว เหตุใดตัวมันถึงจะฆ่าสังหารได้แต่ผู้อื่นจะฆ่าสังหารมันไม่ได้?”
เทพสวรรค์ชางหยวนมองดูเย่หยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงไม่น้อย “เจ้าคือเย่หยวนผู้วางยาพิษกองทัพเทพถ่องแท้นับพันหรือ?”
เย่หยวนตอบกลับไป “ใช่แล้วจะทำไม?”
เทพสวรรค์ชางหยวนจึงพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็ดี มากับข้าหน่อย”
ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของทุกผู้คนก็เปลี่ยนสีไปทันที
เทพสวรรค์ผู้นี้กลับปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเย่หยวนอย่างเฉียบพลัน
พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าข่าวเรื่องที่เย่หยวนวางยากองทัพเทพถ่องแท้นับพันนั้นมันจะกระจายไปถึงวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวรวดเร็วเช่นนี้
มันเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
เทพสวรรค์ชางหยวนผู้นี้ดูจะเก่งกาจกว่าไป๋ตงมาก
ในอาณาจักรเทพสวรรค์นั้นความแตกต่างเพียงเล็กน้อยแม้หนึ่งดาวมันก็มากพอจะพลิกฟ้าดิน เป็นช่องว่างที่ไม่อาจทดแทนได้
ดวงตาของเย่หยวนหรี่เล็กลงก่อนจะตอบไป “หากข้าไม่ไปกับท่านเล่า?”
เทพสวรรค์ชางหยวนจึงยิ้มตอบกลับมาพร้อมปลดปล่อยพลังของเทพสวรรค์ออกจากร่าง
มันเป็นพลังที่รุนแรงหนักหน่วงกว่าพวกหลู่เหยียนหลายต่อหลายเท่านัก
“เรื่องนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!” เทพสวรรค์ชางหยวนจ้องมองดูเย่หยวนอย่างเย็นเยือก
…………………………