เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวผู้คนทั้งหลายถึงกับต้องตื่นตะลึง
และเทพสวรรค์ขั้นปลายพร้อมทั้งยังเป็นจอมเทพโอสถเจ็ดดาวอย่างเปียวหยูนี้จะมีธุระใดให้มาขอเทพถ่องแท้น้อยๆ ผู้นี้กัน?
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ผู้อาวุโสเปียวหยูโปรดว่ามาเถอะ”
เทพสวรรค์เปียวหยูเปิดปากออกพูด “สามปีจากนี้เจ็ดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโอสถของแดนใต้เราจะจัดงานชุมนุมยอดโอสถขึ้นและมันจะมียอดอัจฉริยะการโอสถมากมายไปรวมตัวกันที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆา ข้าแค่สงสัยว่าเจ้าจะสนใจหรือไม่?”
เย่หยวนนั้นยังไม่ทันได้กล่าวตอบอะไรออกไปแต่ทางชางหยวนกลับพูดขึ้นมาแทน “งานชุมนุมโอสถเมฆา! ท่าน… ท่านกำลังเชิญเย่หยวนไปร่วมงานชุมนุมโอสถเมฆา?”
มหาพิภพถงเทียนนั้นมันตั้งอยู่ล้อมรอบโดยมีเขาแห่งถงเทียนเป็นศูนย์กลางแบ่งเป็นเหนือ ใต้ ออก ตก กลาง ห้าดินแดนด้วยกัน
และพื้นที่ที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ตั้งอยู่มันก็คือแดนใต้นั่นเอง
แดนใต้นั้นมีดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลแต่ดินแดนที่จะกล้าเรียกตนเองว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถนั้นมีไม่มาก
แดนใต้นั้นมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถอยู่ด้วยกันเจ็ดแห่ง แต่ละที่ย่อมล้วนเป็นถึงยอดเมืองหลวงจักรพรรดิที่มีชื่อเสียงเลื่องลือด้านโอสถมาอย่างยาวนาน
และหนึ่งในนั้นมันก็คือยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมากที่สุดในหมู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
งานชุมนุมยอดโอสถนั้นมันจะจัดขึ้นทุกๆ ห้าพันปีที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆา เป็นงานที่รวบรวมยอดนักหลอมโอสถจากทั่วทุกทิศภายในแดนใต้นี้
ชื่อจริงๆ ของงานนั้นมันคืองานชุมนุมโอสถเมฆา!
เหล่านักหลอมโอสถที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมโอสถเมฆานี้ได้ย่อมเป็นยอดอัจฉริยะหาสิ่งใดเปรียบ
แต่สิ่งที่ชางหยวนตื้นตะลึงมากที่สุดก็คือตัวตนระดับเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นยิ่งใหญ่ปานใด? เหตุใดตัวเขาถึงกับต้องออกหน้ามาเชิญเย่หยวนไปงานชุมนุมโอสถเมฆาเองถึงหน้าบ้านเช่นนี้ด้วย?
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นมันก็เป็นหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถเช่นกัน
และในฐานะเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น ตัวตนของเทพสวรรค์เปียวหยูจะต้องยิ่งใหญ่ปานใด?
แต่ตอนนี้ตัวเขาผู้นั้นกลับออกมาถึงหน้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เพื่อเชิญเทพถ่องแท้ผู้หนึ่ง มีหรือที่เรื่องเช่นนี้จะไม่ทำให้เขาตื่นตะลึง?
แต่ทางเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นกลับส่ายหัวออกมา “มันเป็นการร่วมงานชุมนุมโอสถเมฆาจริง แต่มันมิใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก ด้วยฝีมือของเย่หยวน ปล่อยเขาไปเข้าร่วมงานชุมนุมโอสถเมฆามันคงเป็นการรังแกผู้คนจนเกินไป”
ชางหยวนนั้นเบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นตะลึง “รังแกผู้คน?”
เขานั้นไม่อาจเข้าใจความหมายที่เทพสวรรค์เปียวหยูต้องการสื่อได้ เทพถ่องแท้สามดาวผู้หนึ่งจะไปรังแกผู้คนได้?
ในงานชุมนุมโอสถเมฆานั้นมันมีแต่ยอดอัจฉริยะ คนระดับนี้เองก็น่าจะมีมากมายนับไม่ถ้วน
การที่เย่หยวนวางยาพิษทัพเทพถ่องแท้นับพันได้มันย่อมจะเหนือล้ำจนทำให้เขาต้องขมวดคิ้วแน่น
เพราะฉะนั้นในสายตาของชางหยวนแล้วเย่หยวนนั้นจึงจะเป็นแค่จอมพิษที่เก่งกาจผู้หนึ่ง
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นต้องเลิกคิ้วสูงก่อนจะถามขึ้น “งานชุมนุมโอสถเมฆานี้ยิ่งใหญ่มากหรือ?”
เมื่อคำถามนี้ถูกกล่าวความเงียบงันมันก็เกิดขึ้นทั่วบริเวณ ทุกผู้คนต่างหันมามองดูเย่หยวนเป็นตาเดียว
“สหายหนุ่มเย่หยวน เจ้าไม่รู้ถึงงานชุมนุมโอสถเมฆาจริง?” เทพสวรรค์เฉาหยวนถามขึ้นอย่างตื่นตะลึง
“งานชุมนุมโอสถเมฆานี้มีชื่อเสียงมากหรือท่าน?” เย่หยวนได้แต่ถามกลับไปด้วยใบหน้ามึนงง
เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่รู้ถึงงานชุมนุมโอสถเมฆาใดๆ นี้และหวู่เฉินก็ไม่เคยจะบอกเล่าใดๆ แก่เขา
เขานั้นถามหวู่เฉินไปเมื่อสักครู่แต่อีกฝ่ายนั้นก็ไม่ได้รับรู้ถึงงานเช่นนี้ด้วย
ดูท่าแล้วงานชุมนุมโอสถเมฆานี้มันจะเพิ่งเกิดขึ้นมาหลังจากที่จอมเทพนิรันดร์ตายลงไป
เทพสวรรค์ชางหยวนนั้นยิ้มตอบกลับมา “ไม่เคยได้ยินชื่องานชุมนุมโอสถเมฆาเจ้าก็เรียกตนเองว่าเป็นนักหลอมโอสถได้หรือ?”
เพราะตอนนี้แม้แต่พวกหลู่เหยียนก็ยังมึนงง
พวกเขานั้นพอเข้าใจได้ว่าการปรากฏตัวของสองเทพสวรรค์นี้มันมิใช่แผนการของเย่หยวนแน่
เย่หยวนตอบกลับไปด้วยใบหน้าเย้ยเยาะ “แค่รู้จักงานชุมนุมโอสถเมฆาก็เป็นนักหลอมโอสถได้แล้วหรือ?”
เหล่าเทพสวรรค์เฉาหยวนทั้งหลายนั้นต่างคาดคิดกันไปว่าสุดท้ายแล้วเย่หยวนก็คงมีเบื้องหลังที่ลึกล้ำ เขาจึงสามารถจะมีพรสวรรค์ฝีมือที่เหนือล้ำได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้
แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายเริ่มจะไม่แน่แล้ว
ในแดนใต้นี้ตราบเท่าที่เป็นศิษย์มีอาจารย์มันย่อมจะพอรู้ชื่องานชุมนุมโอสถเมฆาบ้าง
นอกจากนั้นแล้วเย่หยวนยังเป็นถึงยอดนักหลอมโอสถผู้เก่งกาจ
หากเย่หยวนนั้นเป็นแค่ยอดอัจฉริยะคนหนึ่งที่เกิดขึ้นมาจากโคลนตม เช่นนั้นแล้ว… ตัวเขาจะต้องมากพรสวรรค์ถึงขนาดใดกัน?
เทพสวรรค์เฉาหยวนบอกเล่าขึ้น “สหายหนุ่มเย่หยวนนั้นไม่ทราบ แต่ว่างานชุมนุมโอสถเมฆานี้มันมีชื่อเสียงลือลั่นทั้งแดนใต้เรา มันเป็นงานที่เหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายต่างเฝ้ารอ ตราบเท่าที่คนผู้นั้นเดินทางตามเต๋าโอสถ พวกเขาย่อมจะถือว่าการร่วมงานชุมนุมโอสถเมฆานี้เป็นเกียรติอย่างสูงส่ง หลายๆ ครั้งมันยังมีนักหลอมโอสถจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ออกมาเข้าร่วม…”
เทพสวรรค์เฉาหยวนบอกเล่าเรื่องราวของงานชุมนุมโอสถเมฆาทำให้เย่หยวนรู้สึกสนใจอย่างมาก
รวบรวมยอดนักหลอมโอสถจากทั้งแดนใต้ มันย่อมจะหมายถึงงานชุมนุมที่สุดแสนยิ่งใหญ่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้มีวิชาโอสถถึงอาณาจักรเต๋าอย่างเทพสวรรค์เปียวหยู
การแลกเปลี่ยนความรู้กับคนระดับนั้นมันย่อมจะเป็นสิ่งที่เย่หยวนเฝ้าฝัน
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียอาณาจักรบรรพกาลนั้นมันก็สุดแสนเลือนราง เย่หยวนเข้าใจได้อย่างดีว่าต่อให้จะเก็บตัวในห้องไปคนเดียวอีกสักเท่าใดมันก็คงไม่อาจส่งตัวเขาขึ้นไปถึงได้
หากตัวเขานั้นได้ประมือกับยอดคนอย่างเทพสวรรค์เปียวหยูอีกหลายๆ ครั้ง ตัวเขาอาจจะก้าวข้ามเส้นกั้นนี้ไปได้
“เช่นนั้นเองหรือ แน่นอนว่าข้าย่อมต้องไปสัมผัสประสบการณ์เช่นนั้นให้ได้สักครั้ง” เย่หยวนพยักหน้ารับ
เทพสวรรค์เปียวหยูที่ได้ยินก็ยิ้มตอบกลับมา “เทพสวรรค์ผู้นี้ย่อมรู้ดีว่าเจ้าจะสนใจ แต่หากเจ้าไปร่วมงานชุมนุมโอสถเมฆามันย่อมจะมิใช่การไปต่อสู้กับเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายนั้น เหล่าเจ็ดยอดปรมาจารย์ผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโอสถนั้นจะมีเหรียญปรมาจารย์ติดตัวอยู่กันคนละสองเหรียญ แน่นอนว่าเหรียญหนึ่งมันย่อมเป็นของเทพสวรรค์ผู้นี้ แต่อีกเหรียญนั้น เทพสวรรค์ผู้นี้หวังว่าเจ้าจะรับมันไว้”
พูดไปเทพสวรรค์เปียวหยูก็ได้โยนเหรียญสีเหลืองอ่อนออกมาให้แก่เย่หยวน
เย่หยวนยกมือขึ้นมารับมันไว้และได้พบว่ามันคือเหรียญโบราณสีทองแดง
นั่นมันทำให้คนทั้งหลายตัวแข็งทื่อ!
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างตกตะลึงอย่างเต็มหัวใจ
เหรียญปรมาจารย์!
นั่นมันคือเหรียญปรมาจารย์!
เหรียญปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมโอสถเมฆามันย่อมจะหมายถึงยอดนักหลอมโอสถที่อยู่สูงสุดบนโลกหล้า ต่ำกว่าเพียงแค่เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ มันเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ปานใด?
แต่ตอนนี้เทพสวรรค์เปียวหยูกลับมอบมันให้แก่เย่หยวนง่ายๆ เช่นนี้!
เจ้าเด็กคนนี้มันมีพลังใดกัน?
ตอนนี้แม้แต่เหล่าเทพสวรรค์เฉาหยวนก็ยังตื่นตะลึงจนไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างได้
พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะคิดว่าเย่หยวนนั้นเป็นยอดสัตว์ประหลาดจากเรื่องราวที่พวกซงหยูบอกเล่ามา
แต่สุดท้ายมันก็ยังมีความไม่เชื่ออยู่
ที่วันนี้พวกเขามานั้นมันก็เป็นเพราะว่าพวกซงหยูได้พัฒนาขึ้นรัศมีผ่าจักรพรรดิ
ส่วนเรื่องอื่นๆ ทั้งหลายพวกเขาก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่ตอนนี้เมื่อเหรียญปรมาจารย์นี้ถูกโยนออกมามันก็ได้อธิบายทุกอย่างจนชัดเจนแจ่มแจ้ง
ด้วยตัวตนของเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมีหรือที่เขาจะมอบเหรียญให้แก่เย่หยวนอย่างไม่มีเหตุผล?
ความตื่นตกใจของพวกชางหยวนนั้นมันมากล้ำจนทำให้เขาลืมภาษามนุษย์ไปทีเดียว
เทพสวรรค์เปียวหยูมอบเหรียญปรมาจารย์ให้แก่เย่หยวน มันหมายความว่าอย่างไร?
นี่มันย่อมเท่ากับว่าเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นยอมรับเย่หยวนว่าเป็นผู้มีตำแหน่งฐานะเทียบเท่ากับตัวเอง!
นี่มัน… จะน่ากลัวจนเกินไปแล้ว!
เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมีฐานะที่สูงส่งปานใด? ต่อให้เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยว เทพสวรรค์เปียวหยูก็ยังสามารถยืนเทียบเขาได้อย่างเท่าเทียม
เพราะต่อให้เทพสวรรค์เปียวหยูจะเป็นแค่เทพสวรรค์ แต่ตำแหน่งของเขาในแดนใต้นี้มันกลับสูงล้ำจนไม่อาจหายอดฝีมือใดมาแทน
ว่ากันว่าเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นบรรลุขึ้นอาณาจักรบรรพกาลได้แล้ว
เช่นนั้นตัวตนของเขาก็จะยิ่งสูงล้ำกว่าเก่า!
จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วทำไม?
เพราะไม่ว่าอย่างไรจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ยังต้องการโอสถ!
แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจใช้โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดได้ แต่ลูกน้องของพวกเขาเล่า?
หากไม่มีโอสถศักดิ์สิทธิ์เป็นค่าตอบแทนแล้วมีหรือที่เทพสวรรค์จะยอมสยบรับใช้พวกเขาง่ายๆ?
เพราะฉะนั้นเทพสวรรค์เปียวหยูจึงมีตำแหน่งที่สูงล้ำในแดนใต้นี้อย่างที่ไม่แพ้ให้แก่จักรพรรดิเทพสวรรค์เลย
แต่ผู้ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นกลับยอมรับเย่หยวนว่าเทียบเท่ากับตัวเขา
นี่มัน… จะบ้าบอจนเกินไปแล้ว!
มีหรือที่เทพถ่องแท้สามดาวจะเก่งกาจสามารถได้ปานนั้น?
แต่ปัญหาก็คือตัวเขานั้นไม่ได้รู้ถึงงานชุมนุมโอสถเมฆา!
เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ได้สร้างสัตว์ประหลาดประเภทใดขึ้นมากัน?!
…………………….