“ฮ่าๆ! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่? การเอาของเช่นนี้มาผสมกันมันย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติได้!”
เมื่อได้เห็นเทพสวรรค์เหลียวหมิงล้มเหลว เจิ้งฉีหยวนก็ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ
เพียงแค่ว่าตอนนี้มันไม่มีใครจะหัวเราะไปกับเขาด้วย
เสียงหัวเราะของเขาจึงค่อยๆ เบาบางลงจนสุดท้ายเจิ้งฉีหยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา
เว้นเสียแต่ว่าดวงตาที่เขาใช้มองดูเย่หยวนนั้นมันยิ่งเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้น
หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กคนนี้แล้วเขาก็คงไม่ถูกคนทั้งหลายทิ้งตัวห่างเช่นนี้
เทพสวรรค์เหลียวหมิงหันมาหาเย่หยวน “ปรมาจารย์เย่ เมื่อสักครู่ที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ลองหลอมดู เจ้าธาตุไม้นั้นมันมารบกวนหม้อหลอมอย่างไม่สิ้นสุดจนทำให้โอสถไม่อาจก่อตัวได้ วิธีการนี้… มันดูท่าจะไม่ได้ผล!”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็หันมามองเย่หยวนด้วยใบหน้ากังวล
เพราะหากพลาดไปแล้วเย่หยวนคงไม่อาจหลอมโอสถได้อีกทั้งชีวิตนี้
สำหรับนักหลอมโอสถที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อวิชาแล้วมันย่อมจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย
โดยเฉพาะตัวเย่หยวนนี้ที่มีความรู้ความสามารถสูงส่ง
แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมาและบอก “หากมันไม่ได้ผลแล้วก็ลองชุดที่สองเถิด”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงพยักหน้ารับออกมาและเริ่มทำการหลอมโอสถอีกครั้ง
เย่หยวนนั้นมองดูภาพตรงหน้าอย่างเย็นเยือก แต่มุมมองที่ตัวเขามีต่อเทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นมันเปลี่ยนไปอย่างมาก
ดูท่าเย่หยวนจะเข้าใจเขาผิด
เพราะเทพสวรรค์เหลียวหมิงผู้นี้มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ การเรียกเขามาหาครั้งนี้ดูท่าจะมิใช่เพื่อทำให้เขาต้องขายหน้า แต่นั่นก็เพื่อทดสอบฝีมือของเขาจริงๆ
เรื่องนี้เย่หยวนเห็นได้ชัดเจนจากวิธีที่เขาใช้หลอมโอสถ
เพราะด้วยสายตาของเย่หยวนแล้วต่อให้เทพสวรรค์เหลียวหมิงจะคิดเล่นตุกติกใดๆ เขาก็ย่อมจะมองออก
แต่ทว่าการหลอมครั้งแรกที่ผิดพลาดลงไปนั้นมันเป็นปัญหาที่ตัวสมุนไพรหาใช่เจตนาร้ายของเทพสวรรค์เหลียวหมิงไม่
เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปจนทำให้เกิดเหงื่อเม็ดโตขึ้นกลางหน้าผากของเทพสวรรค์เหลียวหมิง
ตอนนี้การควบคุมหม้อหลอมของเขานั้นค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ
จนสุดท้ายแล้วมันก็ผิดพลาดลง!
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่เห็นต้องหน้าซีดลงทันที เมื่อพลาดติดกันถึงสองครั้งเช่นนี้แล้ว มันก็ย่อมหมายความว่าเย่หยวนจะไม่มีทางออกใดๆ อีก
“หึ พี่เหลียวหมิง ครั้งนี้มันคงเป็นธาตุไฟที่เข้ามาปั่นป่วนการก่อตัวใช่หรือไม่? ต่อไปมันก็น่าจะเป็นตาของธาตุสายฟ้าแล้ว! ความผิดพลาดโง่เง่าเช่นนี้ย่อมจะไม่มีจอมเทพโอสถคนใดทำ มันนั้นพูดจาสามหาวบอกว่าต้องสำเร็จแน่นอน ช่างโอหังนัก! ในสายตาของข้าแล้วมันคงไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับโอสถและที่พูดออกมาได้ก่อนหน้านั้นมันก็ย่อมจะเป็นคำสั่งสอนจากพี่เปียวหยู”
ความผิดพลาดสองครั้งติดนี้มันทำให้ความมั่นใจของเจิ้งฉีหยวนพุ่งทะยานคิดว่าตัวเองไม่พลาดแพ้แน่
เพราะนี่มันคือโอสถธาตุลมแท้แต่จะเอาธาตุอื่นมาผสม? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เทพสวรรค์ซืออี้ที่ได้เห็นก็ขมวดคิ้วแน่น “ปรมาจารย์เย่ ทำไม… ไม่ลืมๆ มันไปเสียเล่า? หากเจ้าแค่พูดออกมาทั้งเทพสวรรค์ผู้นี้ทั้งพี่เปียวหยูย่อมจะช่วยเจ้าพ้นจากเรื่องราวนี้ได้ แล้วมันจะไม่มีใครกล้ามาว่าใดๆ เจ้าด้วย!”
ได้ยินเช่นนั้นเจิ้งฉีหยวนก็หน้าแดงก่ำขึ้นทันที
“พี่ซืออี้ ท่านคิดจะกดดันผู้คนด้วยกำลังหรือ?” เจิ้งฉีหยวนร้อง
เทพสวรรค์ซืออี้หันหน้ากลับไปตอบ “แล้วทำไมเล่า?”
“เจ้า!” เจิ้งฉีหยวนแทบสำลักเมื่อได้ยิน
ในแดนใต้นี้เทพสวรรค์ซืออี้นั้นไม่ได้มีอำนาจมากมาย แต่เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมีตำแหน่งที่สูงศักดิ์
ตระกูลเจิ้งของเขานั้นมันเป็นแค่ตระกูลชั้นกลางในแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่ำต้อยกว่าที่จะไปเทียบกับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวใดๆ
ตอนนี้เมื่อเห็นเย่หยวนกำลังจะแพ้เทพสวรรค์ซืออี้กลับคิดช่วยเย่หยวน เขานั้นไม่ได้ติดใจเรื่องที่เย่หยวนแย่งชิงเหรียญของเขาไปแล้วหรืออย่างไร?
แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนกลับยิ้มตอบกลับมา “พี่ซืออี้มีความหวังดี เย่ผู้นี้ได้รับไว้แล้ว แต่เย่ผู้นี้เป็นผู้ยืดมั่นในคำของตน จะไม่ยอมกลับคำแน่ มันยังมีอีกสูตรหนึ่งเหลืออยู่มิใช่หรือ? ตอนนี้ยังไม่แน่เสียหน่อยว่าใครจะแพ้ชนะ!”
ได้ยินเช่นนั้นเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาตามๆ กัน
อย่างไรเสียสุดท้ายก็เป็นแค่เด็กน้อย!
ทำลายอนาคตอันสดใสของตนเพราะแค่ไม่ยอมผู้คนเช่นนี้ มันจำเป็นด้วยหรือ?
ที่สำคัญคนที่คิดช่วยเหลือนั้นคือเทพสวรรค์เปียวหยูและเทพสวรรค์ซืออี้สองคนใหญ่คนโต
แต่เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินกลับรู้สึกสะใจขึ้นมา เขาได้แต่หัวเราะเย้ยขึ้น “เด็กน้อย อย่าได้มาอวดอ้างตัวเองอีกเลย เจ้านั้นคิดว่าตัวเองมีเปียวหยูหนุนหลังอยู่ใช่หรือไม่เล่า? จึงไม่ได้กลัวสิ่งใดเช่นนี้?”
เย่หยวนหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา “เจ้าเคยบอกให้ข้าสาบานต่อเต๋าสวรรค์ใช่หรือไม่เล่า? ได้!”
พูดจบเย่หยวนก็เริ่มทำการสาบานทันทีต่อหน้าทุกผู้คน
เรื่องราวนี้มันทำให้หลายคนถึงกับต้องอ้าปากค้าง!
นี่มัน… เจ้าเด็กคนนี้มันจะดื้อด้านเกินไปหรือไม่?
ถึงเวลานี้โอกาสชนะของเย่หยวนมันริบหรี่เต็มที แต่เขากลับเลือกจะสาบานในเวลานี้
เท่านี้ต่อให้เทพสวรรค์เปียวหยูจะคิดช่วยใดๆ มันก็ไม่อาจทำได้แล้ว
“เอาล่ะ ตาเจ้า” เย่หยวนหันไปบอกเจิ้งฉีหยวน
เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้น “เดิมพันนี้เจ้าต้องแพ้แน่ เทพสวรรค์ผู้นี้สาบานต่อเต๋าสวรรค์ไปแล้วจะเป็นผลเสียใด?”
พูดจบเจิ้งฉีหยวนก็ได้เริ่มทำการสาบานบ้าง
เทพสวรรค์ซืออี้ได้แต่ส่ายหัวออกมาด้วยความเสียดาย
เพราะไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนผู้นี้ก็คงสนิทกับคนจากหอมหาสมบัติ การที่ต้องเสียโอกาสจะหลอมโอสถไปเพราะเรื่องราวเช่นนี้มันนับได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก
“พี่เหลียวหมิง เริ่มเถอะ!” เจิ้งฉีหยวนกล่าวเร่งเทพสวรรค์เหลียวหมิงด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
เทพสวรรค์เหลียวหมิงเองก็ได้แต่ถอนหายใจและเริ่มทำการหลอมโอสถ
เวลานั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป ภายในหม้อหลอมที่ผ่านๆ มานั้นมันสุดแสนสงบไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ
แต่หลังจากผ่านไปได้ราวสองชั่วโมงในที่สุดหม้อหลอมก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อเจิ้งฉีหยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมันด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ฮ่าๆ! รับไม่ไหวจริงๆ ด้วย! อย่างที่ข้าว่าไป มีหรือที่ธาตุสายฟ้ามันจะมาผสานโอสถธาตุลมแท้ได้?”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็แสดงสีหน้าเสียดายออกมา
ครั้งนี้เย่หยวนคงแพ้แน่แล้ว!
เทพสวรรค์ซืออี้ถอนหายใจยาวพร้อมมองหันไปดูเย่หยวน แต่เขากลับพบว่าเย่หยวนนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยไม่วิตกกังวลใดๆ
หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นแค่มือใหม่จริงๆ จึงไม่สนใจว่าจะหลอมโอสถต่อไปได้หรือไม่?
แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้!
ในพริบตาเวลากว่าร้อยอึดใจก็ได้ผ่านไป จนตอนนี้หม้อหลอมนั้นมันก็ยังสั่นสะท้านไม่หาย
จนผ่านไปอีกสิบห้านาที ตอนนี้หม้อหลอมก็ยังสั่นอยู่
จนเวลาผ่านไปถึงสองชั่วโมง จนตอนนี้หม้อหลอมมันก็ยังสั่น
แต่เจ้าโอสถภายในหม้อนี้มันกลับยังไม่ล้มเหลวลงเสียที!
เจิ้งฉีหยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็วิตกกังวลอย่างมาก เขานั้นได้แต่ร้องภายในใจหวังให้โอสถนั้นมันพังทลายลงเสียที
แต่การหลอมโอสถนี้มันกลับยังดำเนินต่อไป
จนสุดท้ายหม้อก็ได้สั่นขึ้นมาอย่างแรงอีกครั้งแต่เจิ้งฉีหยวนยังไม่ทันจะได้ดีใจความสั่นสะท้านใดๆ มันก็จางหายลง
เจิ้งฉีหยวนหน้าซีดเผือด
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มันไม่ล้มเหลว!”
“หรือว่าความเป็นไปได้ที่สามนี้จะสำเร็จจริง?”
“วิเศษเกินไปแล้ว! ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าธาตุสายฟ้านั้นมันกลับสงบลงเสียอย่างนั้นและดูท่าคงรวมเข้ากับโอสถไปแล้วด้วย!”
…
เสียงโห่ร้องตื่นเต้นดังขึ้นทั่วทุกทิศ
เพราะสภาพในเวลานี้มันแตกต่างจากที่พวกเขาคาดไว้มาก
ธาตุสายฟ้านั้นนับได้ว่ารุนแรงและดุดัน ยากแก่การหลอมที่สุด ใครจะไปคิดว่าหม้อสั่นอยู่สองชั่วโมง สุดท้ายมันกลับหลอมเข้าด้วยกันได้!
ในเวลานี้ใบหน้าของเทพสวรรค์เหลียวหมิงได้แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจอย่างมากก่อนที่จะร้องขึ้น “หลอม!”
เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปจนกลับคืนสู่ความสงบ
ทุกผู้คนรู้ได้ทันทีว่าโอสถถูกหลอมขึ้นได้สำเร็จ!
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มัน… เขาทำได้อย่างไร? เหตุใดธาตุสายฟ้าถึงผสานเข้ากับโอสถธาตุลมแท้บริสุทธิ์ได้?”
เจิ้งฉีหยวนนั้นไม่อาจยืนได้มั่นอีกต่อไป
ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขานี้มันเหลือเชื่อจนเกินรับ
เขาเคยคิดว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ที่รออยู่!
………………………..
“ฮ่าๆ! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่? การเอาของเช่นนี้มาผสมกันมันย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติได้!”
เมื่อได้เห็นเทพสวรรค์เหลียวหมิงล้มเหลว เจิ้งฉีหยวนก็ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ
เพียงแค่ว่าตอนนี้มันไม่มีใครจะหัวเราะไปกับเขาด้วย
เสียงหัวเราะของเขาจึงค่อยๆ เบาบางลงจนสุดท้ายเจิ้งฉีหยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา
เว้นเสียแต่ว่าดวงตาที่เขาใช้มองดูเย่หยวนนั้นมันยิ่งเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้น
หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กคนนี้แล้วเขาก็คงไม่ถูกคนทั้งหลายทิ้งตัวห่างเช่นนี้
เทพสวรรค์เหลียวหมิงหันมาหาเย่หยวน “ปรมาจารย์เย่ เมื่อสักครู่ที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ลองหลอมดู เจ้าธาตุไม้นั้นมันมารบกวนหม้อหลอมอย่างไม่สิ้นสุดจนทำให้โอสถไม่อาจก่อตัวได้ วิธีการนี้… มันดูท่าจะไม่ได้ผล!”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็หันมามองเย่หยวนด้วยใบหน้ากังวล
เพราะหากพลาดไปแล้วเย่หยวนคงไม่อาจหลอมโอสถได้อีกทั้งชีวิตนี้
สำหรับนักหลอมโอสถที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อวิชาแล้วมันย่อมจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย
โดยเฉพาะตัวเย่หยวนนี้ที่มีความรู้ความสามารถสูงส่ง
แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมาและบอก “หากมันไม่ได้ผลแล้วก็ลองชุดที่สองเถิด”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงพยักหน้ารับออกมาและเริ่มทำการหลอมโอสถอีกครั้ง
เย่หยวนนั้นมองดูภาพตรงหน้าอย่างเย็นเยือก แต่มุมมองที่ตัวเขามีต่อเทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นมันเปลี่ยนไปอย่างมาก
ดูท่าเย่หยวนจะเข้าใจเขาผิด
เพราะเทพสวรรค์เหลียวหมิงผู้นี้มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ การเรียกเขามาหาครั้งนี้ดูท่าจะมิใช่เพื่อทำให้เขาต้องขายหน้า แต่นั่นก็เพื่อทดสอบฝีมือของเขาจริงๆ
เรื่องนี้เย่หยวนเห็นได้ชัดเจนจากวิธีที่เขาใช้หลอมโอสถ
เพราะด้วยสายตาของเย่หยวนแล้วต่อให้เทพสวรรค์เหลียวหมิงจะคิดเล่นตุกติกใดๆ เขาก็ย่อมจะมองออก
แต่ทว่าการหลอมครั้งแรกที่ผิดพลาดลงไปนั้นมันเป็นปัญหาที่ตัวสมุนไพรหาใช่เจตนาร้ายของเทพสวรรค์เหลียวหมิงไม่
เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปจนทำให้เกิดเหงื่อเม็ดโตขึ้นกลางหน้าผากของเทพสวรรค์เหลียวหมิง
ตอนนี้การควบคุมหม้อหลอมของเขานั้นค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ
จนสุดท้ายแล้วมันก็ผิดพลาดลง!
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่เห็นต้องหน้าซีดลงทันที เมื่อพลาดติดกันถึงสองครั้งเช่นนี้แล้ว มันก็ย่อมหมายความว่าเย่หยวนจะไม่มีทางออกใดๆ อีก
“หึ พี่เหลียวหมิง ครั้งนี้มันคงเป็นธาตุไฟที่เข้ามาปั่นป่วนการก่อตัวใช่หรือไม่? ต่อไปมันก็น่าจะเป็นตาของธาตุสายฟ้าแล้ว! ความผิดพลาดโง่เง่าเช่นนี้ย่อมจะไม่มีจอมเทพโอสถคนใดทำ มันนั้นพูดจาสามหาวบอกว่าต้องสำเร็จแน่นอน ช่างโอหังนัก! ในสายตาของข้าแล้วมันคงไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับโอสถและที่พูดออกมาได้ก่อนหน้านั้นมันก็ย่อมจะเป็นคำสั่งสอนจากพี่เปียวหยู”
ความผิดพลาดสองครั้งติดนี้มันทำให้ความมั่นใจของเจิ้งฉีหยวนพุ่งทะยานคิดว่าตัวเองไม่พลาดแพ้แน่
เพราะนี่มันคือโอสถธาตุลมแท้แต่จะเอาธาตุอื่นมาผสม? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เทพสวรรค์ซืออี้ที่ได้เห็นก็ขมวดคิ้วแน่น “ปรมาจารย์เย่ ทำไม… ไม่ลืมๆ มันไปเสียเล่า? หากเจ้าแค่พูดออกมาทั้งเทพสวรรค์ผู้นี้ทั้งพี่เปียวหยูย่อมจะช่วยเจ้าพ้นจากเรื่องราวนี้ได้ แล้วมันจะไม่มีใครกล้ามาว่าใดๆ เจ้าด้วย!”
ได้ยินเช่นนั้นเจิ้งฉีหยวนก็หน้าแดงก่ำขึ้นทันที
“พี่ซืออี้ ท่านคิดจะกดดันผู้คนด้วยกำลังหรือ?” เจิ้งฉีหยวนร้อง
เทพสวรรค์ซืออี้หันหน้ากลับไปตอบ “แล้วทำไมเล่า?”
“เจ้า!” เจิ้งฉีหยวนแทบสำลักเมื่อได้ยิน
ในแดนใต้นี้เทพสวรรค์ซืออี้นั้นไม่ได้มีอำนาจมากมาย แต่เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมีตำแหน่งที่สูงศักดิ์
ตระกูลเจิ้งของเขานั้นมันเป็นแค่ตระกูลชั้นกลางในแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่ำต้อยกว่าที่จะไปเทียบกับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวใดๆ
ตอนนี้เมื่อเห็นเย่หยวนกำลังจะแพ้เทพสวรรค์ซืออี้กลับคิดช่วยเย่หยวน เขานั้นไม่ได้ติดใจเรื่องที่เย่หยวนแย่งชิงเหรียญของเขาไปแล้วหรืออย่างไร?
แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนกลับยิ้มตอบกลับมา “พี่ซืออี้มีความหวังดี เย่ผู้นี้ได้รับไว้แล้ว แต่เย่ผู้นี้เป็นผู้ยืดมั่นในคำของตน จะไม่ยอมกลับคำแน่ มันยังมีอีกสูตรหนึ่งเหลืออยู่มิใช่หรือ? ตอนนี้ยังไม่แน่เสียหน่อยว่าใครจะแพ้ชนะ!”
ได้ยินเช่นนั้นเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาตามๆ กัน
อย่างไรเสียสุดท้ายก็เป็นแค่เด็กน้อย!
ทำลายอนาคตอันสดใสของตนเพราะแค่ไม่ยอมผู้คนเช่นนี้ มันจำเป็นด้วยหรือ?
ที่สำคัญคนที่คิดช่วยเหลือนั้นคือเทพสวรรค์เปียวหยูและเทพสวรรค์ซืออี้สองคนใหญ่คนโต
แต่เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินกลับรู้สึกสะใจขึ้นมา เขาได้แต่หัวเราะเย้ยขึ้น “เด็กน้อย อย่าได้มาอวดอ้างตัวเองอีกเลย เจ้านั้นคิดว่าตัวเองมีเปียวหยูหนุนหลังอยู่ใช่หรือไม่เล่า? จึงไม่ได้กลัวสิ่งใดเช่นนี้?”
เย่หยวนหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา “เจ้าเคยบอกให้ข้าสาบานต่อเต๋าสวรรค์ใช่หรือไม่เล่า? ได้!”
พูดจบเย่หยวนก็เริ่มทำการสาบานทันทีต่อหน้าทุกผู้คน
เรื่องราวนี้มันทำให้หลายคนถึงกับต้องอ้าปากค้าง!
นี่มัน… เจ้าเด็กคนนี้มันจะดื้อด้านเกินไปหรือไม่?
ถึงเวลานี้โอกาสชนะของเย่หยวนมันริบหรี่เต็มที แต่เขากลับเลือกจะสาบานในเวลานี้
เท่านี้ต่อให้เทพสวรรค์เปียวหยูจะคิดช่วยใดๆ มันก็ไม่อาจทำได้แล้ว
“เอาล่ะ ตาเจ้า” เย่หยวนหันไปบอกเจิ้งฉีหยวน
เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้น “เดิมพันนี้เจ้าต้องแพ้แน่ เทพสวรรค์ผู้นี้สาบานต่อเต๋าสวรรค์ไปแล้วจะเป็นผลเสียใด?”
พูดจบเจิ้งฉีหยวนก็ได้เริ่มทำการสาบานบ้าง
เทพสวรรค์ซืออี้ได้แต่ส่ายหัวออกมาด้วยความเสียดาย
เพราะไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนผู้นี้ก็คงสนิทกับคนจากหอมหาสมบัติ การที่ต้องเสียโอกาสจะหลอมโอสถไปเพราะเรื่องราวเช่นนี้มันนับได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก
“พี่เหลียวหมิง เริ่มเถอะ!” เจิ้งฉีหยวนกล่าวเร่งเทพสวรรค์เหลียวหมิงด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
เทพสวรรค์เหลียวหมิงเองก็ได้แต่ถอนหายใจและเริ่มทำการหลอมโอสถ
เวลานั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป ภายในหม้อหลอมที่ผ่านๆ มานั้นมันสุดแสนสงบไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ
แต่หลังจากผ่านไปได้ราวสองชั่วโมงในที่สุดหม้อหลอมก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อเจิ้งฉีหยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมันด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ฮ่าๆ! รับไม่ไหวจริงๆ ด้วย! อย่างที่ข้าว่าไป มีหรือที่ธาตุสายฟ้ามันจะมาผสานโอสถธาตุลมแท้ได้?”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็แสดงสีหน้าเสียดายออกมา
ครั้งนี้เย่หยวนคงแพ้แน่แล้ว!
เทพสวรรค์ซืออี้ถอนหายใจยาวพร้อมมองหันไปดูเย่หยวน แต่เขากลับพบว่าเย่หยวนนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยไม่วิตกกังวลใดๆ
หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นแค่มือใหม่จริงๆ จึงไม่สนใจว่าจะหลอมโอสถต่อไปได้หรือไม่?
แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้!
ในพริบตาเวลากว่าร้อยอึดใจก็ได้ผ่านไป จนตอนนี้หม้อหลอมนั้นมันก็ยังสั่นสะท้านไม่หาย
จนผ่านไปอีกสิบห้านาที ตอนนี้หม้อหลอมก็ยังสั่นอยู่
จนเวลาผ่านไปถึงสองชั่วโมง จนตอนนี้หม้อหลอมมันก็ยังสั่น
แต่เจ้าโอสถภายในหม้อนี้มันกลับยังไม่ล้มเหลวลงเสียที!
เจิ้งฉีหยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็วิตกกังวลอย่างมาก เขานั้นได้แต่ร้องภายในใจหวังให้โอสถนั้นมันพังทลายลงเสียที
แต่การหลอมโอสถนี้มันกลับยังดำเนินต่อไป
จนสุดท้ายหม้อก็ได้สั่นขึ้นมาอย่างแรงอีกครั้งแต่เจิ้งฉีหยวนยังไม่ทันจะได้ดีใจความสั่นสะท้านใดๆ มันก็จางหายลง
เจิ้งฉีหยวนหน้าซีดเผือด
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มันไม่ล้มเหลว!”
“หรือว่าความเป็นไปได้ที่สามนี้จะสำเร็จจริง?”
“วิเศษเกินไปแล้ว! ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าธาตุสายฟ้านั้นมันกลับสงบลงเสียอย่างนั้นและดูท่าคงรวมเข้ากับโอสถไปแล้วด้วย!”
…
เสียงโห่ร้องตื่นเต้นดังขึ้นทั่วทุกทิศ
เพราะสภาพในเวลานี้มันแตกต่างจากที่พวกเขาคาดไว้มาก
ธาตุสายฟ้านั้นนับได้ว่ารุนแรงและดุดัน ยากแก่การหลอมที่สุด ใครจะไปคิดว่าหม้อสั่นอยู่สองชั่วโมง สุดท้ายมันกลับหลอมเข้าด้วยกันได้!
ในเวลานี้ใบหน้าของเทพสวรรค์เหลียวหมิงได้แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจอย่างมากก่อนที่จะร้องขึ้น “หลอม!”
เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปจนกลับคืนสู่ความสงบ
ทุกผู้คนรู้ได้ทันทีว่าโอสถถูกหลอมขึ้นได้สำเร็จ!
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มัน… เขาทำได้อย่างไร? เหตุใดธาตุสายฟ้าถึงผสานเข้ากับโอสถธาตุลมแท้บริสุทธิ์ได้?”
เจิ้งฉีหยวนนั้นไม่อาจยืนได้มั่นอีกต่อไป
ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขานี้มันเหลือเชื่อจนเกินรับ
เขาเคยคิดว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ที่รออยู่!
………………………..