“เย่หยวน ขั้นเทวะม่วง!”
“เทพสวรรค์ฉิงหยู ขั้นยอดเยี่ยมสุด!”
“เทพสวรรค์จิ่วห่าว ขั้นยอดเยี่ยม!”
…
ห้าเทพสวรรค์กลุ่มหนึ่งพ่ายแพ้ ก็มีห้าเทพสวรรค์กลุ่มใหม่ขึ้นมา เพียงแค่ว่าสุดท้ายแล้วผลมันก็ยังเป็นความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ!
อีกห้าถึงหกรอบต่อมามันก็ยังไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เปลี่ยนแปลงไป
เย่หยวนนั้นยังคงหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะม่วงออกมา ส่วนเหล่าผู้ท้าชิงนั้นหลอมได้แค่ขั้นยอดเยี่ยมสุดหรือขั้นยอดเยี่ยมธรรมดาๆ
ไม่ว่าจะอย่างไรเสียมันก็ไม่มีใครบรรลุขึ้นถึงขั้นสวรรค์ได้
ไม่นานนักเหล่าเทพสวรรค์ด้านบนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
“ซี้ด… นี่มันไม่ถูกต้องแล้ว!” เทพสวรรค์เหลียวหมิงร้องบอกขึ้น
ที่ด้านข้างสหายของเขาเทพสวรรค์เฉิงเฟิงจึงยิ้มขึ้นมา “หึๆ เจ้าเองก็คงสัมผัสได้แล้ว? ปรมาจารย์เย่ผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงหันมาหา “เจ้าเห็นถึงมันก่อนแล้ว?”
เทพสวรรค์เฉิงเฟิงยิ้มตอบกลับไป “ลำดับการขึ้นสังเวียนนั้นมันถูกจัดตามพลังฝีมือของเทพสวรรค์ทั้งหลาย ซึ่งจะหมายถึงอันดับในที่นั่งด้วย ผู้ที่ขึ้นสังเวียนเวลานี้น่าจะอยู่ในอันดับสี่สิบถึงห้าสิบ พวกเขาทั้งหลายนั้นมีพลังฝีมือเหนือล้ำกว่าน้องหลงยี่มาก ให้พูดตามตรงแล้วต่อให้ปรมาจารย์เย่จะเก่งกาจปานใด มันก็น่าจะมีคนที่เริ่มบรรลุขึ้นถึงขั้นสวรรค์มาได้บ้างแล้ว แต่จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีใครที่จะบรรลุขึ้นขั้นสวรรค์มาได้แม้แต่คนเดียว!”
“นั่นมันย่อมจะหมายความว่าปรมาจารย์เย่นั้นมีฝีมือเหนือซ่อนไว้อยู่! นี่มัน… หรือจะบอกว่าเขานั้นเก่งกาจถึงขั้นปรมาจารย์จริงๆ?”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงตื่นตะลึงอย่างมาก!
เดิมทีแล้วเขาย่อมจะคิดว่าเย่หยวนนั้นมีวิชาการอนุมานที่เหนือล้ำ แต่วิชาการหลอมจริงๆ มันอาจจะยังไม่แข็งแกร่งนัก
แต่ใครจะไปคิดฝันว่าแท้จริงแล้ววิชาการหลอมของเย่หยวนมันจะกลับน่ากลัวไม่แพ้การอนุมานของเขาเลย
เย่หยวนนี้เป็นชายหนุ่มที่ราวกับสัตว์ประหลาดจริงๆ!
เทพสวรรค์เฉิงเฟิงยิ้มตอบกลับมา “เรื่องที่ว่าเขาจะมีพลังฝีมือเทียบเท่าเหล่าปรมาจารย์หรือไม่ข้าก็ไม่ทราบ แต่ที่ข้าสนใจกว่าก็คือจะมีใครหรือไม่ที่จะทำให้เขาต้องแสดงฝีมือจริงๆ ออกมา”
การประลองโอสถนี้มันไม่เหลือใครที่จะยังสงสัยในฝีมือของเย่หยวนอีกต่อไป ทุกผู้คนต่างนั่งมองดูคาดหวังว่าพลังฝีมือที่แท้จริงของเขานั้นมันจะอยู่ในระดับใดกันแน่
หลังจากต่อสู้มาเรื่อยเวลานี้เหล่าจอมเทพโอสถห้าและหกดาวทั้งหลายต่างได้เปลี่ยนแนวความคิดกลายเป็นความชื่นชมเย่หยวนอย่างสุดตัว
พวกเขาทั้งหลายนั้นแตกต่างจากเหล่าเทพสวรรค์ เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายเย่หยวนก็ยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม แน่นอนว่าการปล่อยให้คนเช่นนี้มาขี่คอเหยียบหัวมันย่อมทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายไม่พอใจ
แต่เย่หยวนนั้นคือคนรุ่นเดียวกับเด็กหนุ่มสาวทั้งหลายนั้น การที่เขาสามารถมีวิชาเหนือล้ำได้ปานนี้คนทั้งหลายจะยังคิดทำอะไรได้นอกจากชื่นชม?
หลังจากผ่านศึกไปสิบครั้งในที่สุดเย่หยวนก็ชนะอย่างขาดลอยโดยที่ไม่มีใครหลอมโอสถได้ถึงขั้นสวรรค์แม้สักคน
ผลลัพธ์เช่นนี้มันน่าตะลึงเกินไป
“ปรมาจารย์เย่ช่างน่ากลัวนัก จากวันนี้ไปเขานี่แหละคือแบบอย่างชีวิตของข้า ชีวิตนี้ข้าจะต้องหาโอกาสไปยืนต่อหน้าเขาให้ได้”
“กับพ่อเจ้าสิ! เมื่อกี้เจ้ายังว่าเขานั้นอวดดีโอหังเกินบรรยายอยู่เลย”
คนผู้นั้นหน้าแดงขึ้นทันทีที่ถูกว่า “นั่นมัน… เพราะข้ายังไม่รู้! ก่อนหน้านี้มีใครบ้างเล่าที่จะเชื่อว่าจอมเทพโอสถหกดาวนั้นจะเหนือล้ำก้าวขึ้นไปได้สูงปานนั้น!”
“เรื่องนั้นก็จริง เขาทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาเสียจริงๆ”
…
หลังจากผ่านไปสิบศึก เย่หยวนก็ได้เอาชนะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งห้าสิบคนลง ไม่ว่าจากนี้ไปใครจะชนะเหล่าเด็กหนุ่มสาวทั้งหลายก็ย่อมจะเชิดชูบูชาเย่หยวนกันยกใหญ่แล้ว
‘ฟุบ!’
เงาร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาบนสังเวียนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
“เทพสวรรค์ออหยุน! ในที่สุดก็ถึงตาเขาเสียที!”
“ทำไมหรือ? เทพสวรรค์ออหยุนนี้เก่งกาจมาก?” เสียงหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย
“หึ มากเสียกว่าคำว่าเก่งกาจ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเทพสวรรค์เปียวหยูถึงได้เสนอให้สิบสามคนสุดท้ายสู้กับเย่หยวนแบบตัวต่อตัว เริ่มตั้งแต่เทพสวรรค์ออหยุน?”
“นี่มัน… หรือว่าจะมีเหตุผลอื่นใด?” เขานั้นย่อมไม่ได้คิดเรื่องราวใดๆ มาก่อนหน้าและคิดแค่ว่าเขาพูดกันขึ้นลอยๆ แต่ดูท่ามันจะมิใช่แล้ว
ศิษย์ผู้มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นย่อมคิดจะทำท่าอวดรู้จึงเชิดหน้าขึ้นบอก “เทพสวรรค์ออหยุนนั้นเป็นอันดับที่ยี่สิบห้าในหมู่เทพสวรรค์ทั้งหลาย จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายก่อนหน้าเขานั้นล้วนเป็นผู้เต๋าโอสถอาณาจักรเต๋าขั้นกลาง แต่เริ่มตั้งแต่ตัวเขาขึ้นไป คนทั้งหลายมีเต๋าโอสถขั้นปลาย!”
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง! ตั้งแต่เทพสวรรค์ออหยุนไปมันจะเป็นการก้าวยกระดับขึ้น!”
เสียงโห่ร้องเกิดขึ้นทั่วเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ในที่สุดพวกเขาทั้งหลายก็ได้เข้าใจเหตุผล
อาณาจักรเต๋านั้นมันเป็นอาณาจักรที่ยืดยาวแบ่งกันได้อย่างยิ่งใหญ่ แม้ในอาณาจักรเต๋าขั้นกลางเหมือนๆ กันมันก็ยังจะมีความสามารถในการหลอมโอสถที่แตกต่างกันมากได้
และหากคิดอยากบ่มเพาะวิชาให้ขึ้นจากอาณาจักรเต๋าขั้นกลางให้ไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายแล้ว มันย่อมจะเป็นก้าวย่างที่สุดแสนยากเย็น
แต่เมื่อก้าวผ่านมันไปได้คนเหล่านั้นก็จะได้รับฉายานามว่าเป็นยอดจอมเทพโอสถเจ็ดดาวที่แท้จริง
เทพสวรรค์ออหยุนนั้นย่อมจะเป็นหนึ่งในนั้น!
“เดี๋ยวก่อน! หากเป็นเช่นนั้นแล้วมันย่อมจะหมายความว่าปรมาจารย์เย่เองก็เป็นถึงผู้มีเต๋าโอสถอาณาจักรเต๋าขั้นปลาย?”
ไม่นานก็เกิดเสียงคำถามขึ้นมา
เพราะหากจะบอกว่าเทพสวรรค์ออหยุนนี้เป็นถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายแล้ว เช่นนั้นเย่หยวนที่ชนะเหล่าอาณาจักรเต๋าขั้นกลางอย่างขาดลอยมานั้นมันย่อมจะเป็นอาณาจักรเต๋าขั้นปลายเหมือนกันแล้ว?
อายุแค่พันกว่าปีแต่กลับบ่มเพาะไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลาย…
เมื่อทุกผู้คนเริ่มคิดตามมันก็เกิดเสียงสูดหายใจลึกดังขึ้นตามๆ กัน
เมื่อมีเทพสวรรค์ออหยุนให้เทียบแล้ว ทุกผู้คนต่างจะเข้าใจความเก่งกาจของเย่หยวนได้ไปอีกขั้น
กับจอมเทพโอสถหกดาวแล้ว แค่ขั้นอาณาจักรเต๋ายังนับว่ายาก ไม่ต้องพูดถึงอาณาจักรเต๋าขั้นกลาง แม้แต่อาณาจักรเต๋าขั้นต้นสุดยังไม่อาจจะคิดเอื้อมถึง
เพราะเมื่อใดก็ตามที่บรรลุอาณาจักรเต๋าได้ ความยากเย็นในเต๋าโอสถมันก็จะยิ่งเพิ่มทวีทำให้ต้องใช้เวลาอย่างมากในการทำความเข้าใจมัน
และระยะเวลานั้นมันก็มากพอจะทำให้คนทั่วๆ ไปบรรลุถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้
เดิมทีคนทั้งหลายย่อมจะคิดว่าเย่หยวนนั้นมีเต๋าโอสถอาณาจักรเต๋าขั้นกลาง
แต่ตอนนี้ความเก่งกาจของเย่หยวนมันกลับยิ่งผงาดสูงขึ้นอาณาจักรเต๋าขั้นปลาย
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มันย่อมทำให้ผู้คนทั้งหลายชื่นชม… พร้อมๆ กับไม่อยากเชื่อ
ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นคนบอกเรื่องราวออกมาทีแรกก็ยังมึนงงไปไม่น้อย เพราะดูท่าตัวเขาก็จะไม่ได้คิดถึงด้านเย่หยวนมากมายนัก
เขากล่าวขึ้นมา “นี่มัน… แม้ว่าปรมาจารย์เย่หยวนจะเก่งกาจมากพรสวรรค์อย่างไม่เคยมีมากก่อนแต่การที่จะชนะเทพสวรรค์ออหยุนมันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรเสีย เทพสวรรค์ออหยุนก็อยู่ในอาณาจักรเต๋าขั้นปลายมานานมาก!”
คนอื่นๆ เองก็พยักหน้าออกมาหลังได้ยิน ไม่ว่าจะเก่งกาจปานใดมันก็ต้องมีขีดจำกัด อายุแค่พันกว่าปีนี้ แค่ขึ้นมาถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายได้มันก็ทำให้คนไม่อาจทำใจเชื่อลงแล้ว
หากเวลานี้เย่หยวนยังจะชนะต่อไปอีกมันคงเกินเหตุผลของโลกหล้าไป
แต่ตอนนี้เหล่าหนุ่มสาวทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครสงสัยตำแหน่งปรมาจารย์ของเย่หยวนอีกแล้ว
เขานั้นเก่งกาจกว่าร้อยละแปดสิบของเทพสวรรค์ทั้งหลายด้วยอายุเพียงเท่านี้ วันหน้าเขาย่อมจะไม่ได้ด้อยกว่าเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายแม้แต่น้อย หรืออาจจะก้าวล้ำไปได้เสียด้วยซ้ำ
เทพสวรรค์ออหยุนมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “เย่หยวน เทพสวรรค์ผู้นี้ดูถูกเจ้าไปจริงๆ ไม่นึกว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะขึ้นมาถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายด้วยอายุเท่านี้ แต่เจ้าเองก็อวดดีเกินไป โอหังเกินไป! เจ้าท้าเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายด้วยเหรียญปรมาจารย์เป็นเดิมพัน เพราะฉะนั้นเจ้าจะต้องหยุดลงที่ข้านี่แหละ จากวันนี้ไปเจ้าคงต้องถอนตัวจากงานชุมนุมโอสถเมฆาไปด้วยจิตที่หนักหน่วง!”
แม้จะอยู่ในอาณาจักรเต๋าขั้นปลายเช่นกันแต่ตัวเขานั้นบ่มเพาะมันมานานนักแสนๆ ปี มีหรือที่เย่หยวนจะเหนือล้ำกว่าเขาไปได้?
แต่เขานั้นย่อมจะตื่นตะลึงในพรสวรรค์ของเย่หยวน
เขานั้นถึงขั้นอิจฉา
ด้วยพรสวรรค์ระดับเย่หยวนนี้การจะขึ้นไปเหยียบหัวเขาจริงๆ มันคงใช้เวลาไม่มาก
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะตัดทำลายความมั่นใจของเย่หยวนลงเสียแต่วันนี้ ทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีใดๆ ทำลายความอัจฉริยภาพของเขาลง!
เหล่าอัจฉริยะนั้นแสนบอบบาง ง่ายต่อการทำลาย
ยิ่งมากพรสวรรค์ก็จะยิ่งเย่อหยิ่งอวดตัว และมันก็จะยิ่งทำให้พวกเขาเหี่ยวแห้งลงได้ง่ายเมื่อเผชิญความพ่ายแพ้!
คิดมาถึงตรงนี้เทพสวรรค์ออหยุนก็อดยิ้มขึ้นไม่ได้
“อ่า? เรอะ? คิดจะให้ข้าถอนตัวจากงานชุมนุมโอสถเมฆานั้น คนอย่างเจ้าคงไม่มีปัญญาทำได้!” เย่หยวนตอบกลับเทพสวรรค์ออหยุนไปอย่างเย็นเยือก
………………………..
“เย่หยวน ขั้นเทวะม่วง!”
“เทพสวรรค์ฉิงหยู ขั้นยอดเยี่ยมสุด!”
“เทพสวรรค์จิ่วห่าว ขั้นยอดเยี่ยม!”
…
ห้าเทพสวรรค์กลุ่มหนึ่งพ่ายแพ้ ก็มีห้าเทพสวรรค์กลุ่มใหม่ขึ้นมา เพียงแค่ว่าสุดท้ายแล้วผลมันก็ยังเป็นความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ!
อีกห้าถึงหกรอบต่อมามันก็ยังไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เปลี่ยนแปลงไป
เย่หยวนนั้นยังคงหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะม่วงออกมา ส่วนเหล่าผู้ท้าชิงนั้นหลอมได้แค่ขั้นยอดเยี่ยมสุดหรือขั้นยอดเยี่ยมธรรมดาๆ
ไม่ว่าจะอย่างไรเสียมันก็ไม่มีใครบรรลุขึ้นถึงขั้นสวรรค์ได้
ไม่นานนักเหล่าเทพสวรรค์ด้านบนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
“ซี้ด… นี่มันไม่ถูกต้องแล้ว!” เทพสวรรค์เหลียวหมิงร้องบอกขึ้น
ที่ด้านข้างสหายของเขาเทพสวรรค์เฉิงเฟิงจึงยิ้มขึ้นมา “หึๆ เจ้าเองก็คงสัมผัสได้แล้ว? ปรมาจารย์เย่ผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงหันมาหา “เจ้าเห็นถึงมันก่อนแล้ว?”
เทพสวรรค์เฉิงเฟิงยิ้มตอบกลับไป “ลำดับการขึ้นสังเวียนนั้นมันถูกจัดตามพลังฝีมือของเทพสวรรค์ทั้งหลาย ซึ่งจะหมายถึงอันดับในที่นั่งด้วย ผู้ที่ขึ้นสังเวียนเวลานี้น่าจะอยู่ในอันดับสี่สิบถึงห้าสิบ พวกเขาทั้งหลายนั้นมีพลังฝีมือเหนือล้ำกว่าน้องหลงยี่มาก ให้พูดตามตรงแล้วต่อให้ปรมาจารย์เย่จะเก่งกาจปานใด มันก็น่าจะมีคนที่เริ่มบรรลุขึ้นถึงขั้นสวรรค์มาได้บ้างแล้ว แต่จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีใครที่จะบรรลุขึ้นขั้นสวรรค์มาได้แม้แต่คนเดียว!”
“นั่นมันย่อมจะหมายความว่าปรมาจารย์เย่นั้นมีฝีมือเหนือซ่อนไว้อยู่! นี่มัน… หรือจะบอกว่าเขานั้นเก่งกาจถึงขั้นปรมาจารย์จริงๆ?”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงตื่นตะลึงอย่างมาก!
เดิมทีแล้วเขาย่อมจะคิดว่าเย่หยวนนั้นมีวิชาการอนุมานที่เหนือล้ำ แต่วิชาการหลอมจริงๆ มันอาจจะยังไม่แข็งแกร่งนัก
แต่ใครจะไปคิดฝันว่าแท้จริงแล้ววิชาการหลอมของเย่หยวนมันจะกลับน่ากลัวไม่แพ้การอนุมานของเขาเลย
เย่หยวนนี้เป็นชายหนุ่มที่ราวกับสัตว์ประหลาดจริงๆ!
เทพสวรรค์เฉิงเฟิงยิ้มตอบกลับมา “เรื่องที่ว่าเขาจะมีพลังฝีมือเทียบเท่าเหล่าปรมาจารย์หรือไม่ข้าก็ไม่ทราบ แต่ที่ข้าสนใจกว่าก็คือจะมีใครหรือไม่ที่จะทำให้เขาต้องแสดงฝีมือจริงๆ ออกมา”
การประลองโอสถนี้มันไม่เหลือใครที่จะยังสงสัยในฝีมือของเย่หยวนอีกต่อไป ทุกผู้คนต่างนั่งมองดูคาดหวังว่าพลังฝีมือที่แท้จริงของเขานั้นมันจะอยู่ในระดับใดกันแน่
หลังจากต่อสู้มาเรื่อยเวลานี้เหล่าจอมเทพโอสถห้าและหกดาวทั้งหลายต่างได้เปลี่ยนแนวความคิดกลายเป็นความชื่นชมเย่หยวนอย่างสุดตัว
พวกเขาทั้งหลายนั้นแตกต่างจากเหล่าเทพสวรรค์ เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายเย่หยวนก็ยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม แน่นอนว่าการปล่อยให้คนเช่นนี้มาขี่คอเหยียบหัวมันย่อมทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายไม่พอใจ
แต่เย่หยวนนั้นคือคนรุ่นเดียวกับเด็กหนุ่มสาวทั้งหลายนั้น การที่เขาสามารถมีวิชาเหนือล้ำได้ปานนี้คนทั้งหลายจะยังคิดทำอะไรได้นอกจากชื่นชม?
หลังจากผ่านศึกไปสิบครั้งในที่สุดเย่หยวนก็ชนะอย่างขาดลอยโดยที่ไม่มีใครหลอมโอสถได้ถึงขั้นสวรรค์แม้สักคน
ผลลัพธ์เช่นนี้มันน่าตะลึงเกินไป
“ปรมาจารย์เย่ช่างน่ากลัวนัก จากวันนี้ไปเขานี่แหละคือแบบอย่างชีวิตของข้า ชีวิตนี้ข้าจะต้องหาโอกาสไปยืนต่อหน้าเขาให้ได้”
“กับพ่อเจ้าสิ! เมื่อกี้เจ้ายังว่าเขานั้นอวดดีโอหังเกินบรรยายอยู่เลย”
คนผู้นั้นหน้าแดงขึ้นทันทีที่ถูกว่า “นั่นมัน… เพราะข้ายังไม่รู้! ก่อนหน้านี้มีใครบ้างเล่าที่จะเชื่อว่าจอมเทพโอสถหกดาวนั้นจะเหนือล้ำก้าวขึ้นไปได้สูงปานนั้น!”
“เรื่องนั้นก็จริง เขาทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาเสียจริงๆ”
…
หลังจากผ่านไปสิบศึก เย่หยวนก็ได้เอาชนะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งห้าสิบคนลง ไม่ว่าจากนี้ไปใครจะชนะเหล่าเด็กหนุ่มสาวทั้งหลายก็ย่อมจะเชิดชูบูชาเย่หยวนกันยกใหญ่แล้ว
‘ฟุบ!’
เงาร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาบนสังเวียนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
“เทพสวรรค์ออหยุน! ในที่สุดก็ถึงตาเขาเสียที!”
“ทำไมหรือ? เทพสวรรค์ออหยุนนี้เก่งกาจมาก?” เสียงหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย
“หึ มากเสียกว่าคำว่าเก่งกาจ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเทพสวรรค์เปียวหยูถึงได้เสนอให้สิบสามคนสุดท้ายสู้กับเย่หยวนแบบตัวต่อตัว เริ่มตั้งแต่เทพสวรรค์ออหยุน?”
“นี่มัน… หรือว่าจะมีเหตุผลอื่นใด?” เขานั้นย่อมไม่ได้คิดเรื่องราวใดๆ มาก่อนหน้าและคิดแค่ว่าเขาพูดกันขึ้นลอยๆ แต่ดูท่ามันจะมิใช่แล้ว
ศิษย์ผู้มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นย่อมคิดจะทำท่าอวดรู้จึงเชิดหน้าขึ้นบอก “เทพสวรรค์ออหยุนนั้นเป็นอันดับที่ยี่สิบห้าในหมู่เทพสวรรค์ทั้งหลาย จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายก่อนหน้าเขานั้นล้วนเป็นผู้เต๋าโอสถอาณาจักรเต๋าขั้นกลาง แต่เริ่มตั้งแต่ตัวเขาขึ้นไป คนทั้งหลายมีเต๋าโอสถขั้นปลาย!”
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง! ตั้งแต่เทพสวรรค์ออหยุนไปมันจะเป็นการก้าวยกระดับขึ้น!”
เสียงโห่ร้องเกิดขึ้นทั่วเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ในที่สุดพวกเขาทั้งหลายก็ได้เข้าใจเหตุผล
อาณาจักรเต๋านั้นมันเป็นอาณาจักรที่ยืดยาวแบ่งกันได้อย่างยิ่งใหญ่ แม้ในอาณาจักรเต๋าขั้นกลางเหมือนๆ กันมันก็ยังจะมีความสามารถในการหลอมโอสถที่แตกต่างกันมากได้
และหากคิดอยากบ่มเพาะวิชาให้ขึ้นจากอาณาจักรเต๋าขั้นกลางให้ไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายแล้ว มันย่อมจะเป็นก้าวย่างที่สุดแสนยากเย็น
แต่เมื่อก้าวผ่านมันไปได้คนเหล่านั้นก็จะได้รับฉายานามว่าเป็นยอดจอมเทพโอสถเจ็ดดาวที่แท้จริง
เทพสวรรค์ออหยุนนั้นย่อมจะเป็นหนึ่งในนั้น!
“เดี๋ยวก่อน! หากเป็นเช่นนั้นแล้วมันย่อมจะหมายความว่าปรมาจารย์เย่เองก็เป็นถึงผู้มีเต๋าโอสถอาณาจักรเต๋าขั้นปลาย?”
ไม่นานก็เกิดเสียงคำถามขึ้นมา
เพราะหากจะบอกว่าเทพสวรรค์ออหยุนนี้เป็นถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายแล้ว เช่นนั้นเย่หยวนที่ชนะเหล่าอาณาจักรเต๋าขั้นกลางอย่างขาดลอยมานั้นมันย่อมจะเป็นอาณาจักรเต๋าขั้นปลายเหมือนกันแล้ว?
อายุแค่พันกว่าปีแต่กลับบ่มเพาะไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลาย…
เมื่อทุกผู้คนเริ่มคิดตามมันก็เกิดเสียงสูดหายใจลึกดังขึ้นตามๆ กัน
เมื่อมีเทพสวรรค์ออหยุนให้เทียบแล้ว ทุกผู้คนต่างจะเข้าใจความเก่งกาจของเย่หยวนได้ไปอีกขั้น
กับจอมเทพโอสถหกดาวแล้ว แค่ขั้นอาณาจักรเต๋ายังนับว่ายาก ไม่ต้องพูดถึงอาณาจักรเต๋าขั้นกลาง แม้แต่อาณาจักรเต๋าขั้นต้นสุดยังไม่อาจจะคิดเอื้อมถึง
เพราะเมื่อใดก็ตามที่บรรลุอาณาจักรเต๋าได้ ความยากเย็นในเต๋าโอสถมันก็จะยิ่งเพิ่มทวีทำให้ต้องใช้เวลาอย่างมากในการทำความเข้าใจมัน
และระยะเวลานั้นมันก็มากพอจะทำให้คนทั่วๆ ไปบรรลุถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้
เดิมทีคนทั้งหลายย่อมจะคิดว่าเย่หยวนนั้นมีเต๋าโอสถอาณาจักรเต๋าขั้นกลาง
แต่ตอนนี้ความเก่งกาจของเย่หยวนมันกลับยิ่งผงาดสูงขึ้นอาณาจักรเต๋าขั้นปลาย
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มันย่อมทำให้ผู้คนทั้งหลายชื่นชม… พร้อมๆ กับไม่อยากเชื่อ
ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นคนบอกเรื่องราวออกมาทีแรกก็ยังมึนงงไปไม่น้อย เพราะดูท่าตัวเขาก็จะไม่ได้คิดถึงด้านเย่หยวนมากมายนัก
เขากล่าวขึ้นมา “นี่มัน… แม้ว่าปรมาจารย์เย่หยวนจะเก่งกาจมากพรสวรรค์อย่างไม่เคยมีมากก่อนแต่การที่จะชนะเทพสวรรค์ออหยุนมันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรเสีย เทพสวรรค์ออหยุนก็อยู่ในอาณาจักรเต๋าขั้นปลายมานานมาก!”
คนอื่นๆ เองก็พยักหน้าออกมาหลังได้ยิน ไม่ว่าจะเก่งกาจปานใดมันก็ต้องมีขีดจำกัด อายุแค่พันกว่าปีนี้ แค่ขึ้นมาถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายได้มันก็ทำให้คนไม่อาจทำใจเชื่อลงแล้ว
หากเวลานี้เย่หยวนยังจะชนะต่อไปอีกมันคงเกินเหตุผลของโลกหล้าไป
แต่ตอนนี้เหล่าหนุ่มสาวทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครสงสัยตำแหน่งปรมาจารย์ของเย่หยวนอีกแล้ว
เขานั้นเก่งกาจกว่าร้อยละแปดสิบของเทพสวรรค์ทั้งหลายด้วยอายุเพียงเท่านี้ วันหน้าเขาย่อมจะไม่ได้ด้อยกว่าเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายแม้แต่น้อย หรืออาจจะก้าวล้ำไปได้เสียด้วยซ้ำ
เทพสวรรค์ออหยุนมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “เย่หยวน เทพสวรรค์ผู้นี้ดูถูกเจ้าไปจริงๆ ไม่นึกว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะขึ้นมาถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายด้วยอายุเท่านี้ แต่เจ้าเองก็อวดดีเกินไป โอหังเกินไป! เจ้าท้าเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายด้วยเหรียญปรมาจารย์เป็นเดิมพัน เพราะฉะนั้นเจ้าจะต้องหยุดลงที่ข้านี่แหละ จากวันนี้ไปเจ้าคงต้องถอนตัวจากงานชุมนุมโอสถเมฆาไปด้วยจิตที่หนักหน่วง!”
แม้จะอยู่ในอาณาจักรเต๋าขั้นปลายเช่นกันแต่ตัวเขานั้นบ่มเพาะมันมานานนักแสนๆ ปี มีหรือที่เย่หยวนจะเหนือล้ำกว่าเขาไปได้?
แต่เขานั้นย่อมจะตื่นตะลึงในพรสวรรค์ของเย่หยวน
เขานั้นถึงขั้นอิจฉา
ด้วยพรสวรรค์ระดับเย่หยวนนี้การจะขึ้นไปเหยียบหัวเขาจริงๆ มันคงใช้เวลาไม่มาก
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะตัดทำลายความมั่นใจของเย่หยวนลงเสียแต่วันนี้ ทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีใดๆ ทำลายความอัจฉริยภาพของเขาลง!
เหล่าอัจฉริยะนั้นแสนบอบบาง ง่ายต่อการทำลาย
ยิ่งมากพรสวรรค์ก็จะยิ่งเย่อหยิ่งอวดตัว และมันก็จะยิ่งทำให้พวกเขาเหี่ยวแห้งลงได้ง่ายเมื่อเผชิญความพ่ายแพ้!
คิดมาถึงตรงนี้เทพสวรรค์ออหยุนก็อดยิ้มขึ้นไม่ได้
“อ่า? เรอะ? คิดจะให้ข้าถอนตัวจากงานชุมนุมโอสถเมฆานั้น คนอย่างเจ้าคงไม่มีปัญญาทำได้!” เย่หยวนตอบกลับเทพสวรรค์ออหยุนไปอย่างเย็นเยือก
………………………..