“อาณาจักรเต๋าขั้นสุด! นี่มันเป็นอาณาจักรเต๋าขั้นสุดอย่างแน่นอน!”
“พระเจ้าช่วย! ข้ากำลังมองดูอะไรอยู่กันนี่? เด็กอายุแค่พันกว่าปีกลับขึ้นถึงอาณาจักรเต๋าขั้นสุดได้? โลกนี้มันเป็นอะไรไปเสียแล้ว?”
“น่ากลัว! น่ากลัวเกินไปแล้ว! ข้าไม่เคยพบเจอสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาก่อน! ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงกล้าจะดูถูกเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลาย เขานั้นมีค่าพอจริงๆ!”
…
เมื่อเย่หยวนแสดงฝีมือแท้จริงออกมาอย่างผู้คนทั้งหลายในกว้างต่างก็ร้องโห่ขึ้นด้วยความตื่นเต้นตื่นตะลึง
สายตาของเหล่าคนหนุ่มสาวทั้งหลายนั้นมันดูเหม่อลอย ชื่นชมตัวเขาจากทั้งใจจนมันแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างแจ่มชัด
ไม่มีใครคิดฝันว่าเย่หยวนนั้นจะสามารถขึ้นมาเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรเต๋าขั้นสุดได้ เรื่องเช่นนี้มันย่อมเกินกว่าที่จอมเทพโอสถอายุแค่พันกว่าปีผู้หนึ่งจะทำได้
เหนือล้ำ!
ช่างเป็นความเก่งกาจที่ทลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า!
ในเวลานี้ทุกผู้คนต่างตกตะลึงจนไม่อาจตั้งสติได้
ความเก่งกาจพลังกดดันระดับนี้มันมีแค่อาณาจักรเต๋าขั้นสุดเท่านั้นที่จะทำได้
การที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งจะขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นสุดได้เช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าความคาดหมายของผู้คน
อาณาจักรเต๋าขั้นสุดนั้นมันคือสิ่งใด?
ในแดนใต้ทั้งหมดนี้ ในงานชุมนุมโอสถเมฆาที่เกิดขึ้นนี้ อาณาจักรเต๋าขั้นสุดนั้นมันคือสุดยอดตัวตนที่ยืนอยู่เหนือล้ำ
ในหมู่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายนั้นคนที่จะขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นสุดได้มันย่อมจะมีเพียงแค่หยิบมือ
เพราะแม้ว่าเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายนั้นจะมีอยู่ถึงสิบสี่คนแต่ผู้ที่สามารถก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นสุดได้จริงๆ มันก็มีเพียงเหล่าเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดเพียงเท่านั้น
ส่วนเหล่าปรมาจารย์ที่ถูกเชิญขึ้นมานั้นล้วนแล้วแต่จะเป็นแค่ยอดฝีมืออาณาจักรเต๋าขั้นปลายระดับสูง แต่มันก็ยังไม่อาจจะข้ามไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นสุดได้
แล้วในหมู่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายนี้มีใครบ้างเล่าที่ไม่ได้เดินตามเส้นทางโอสถมานับแสนๆ ปีหรืออาจจะถึงล้านปีกว่าจะก้าวขึ้นมาได้ถึงวันนี้?
แต่วันนี้กลับมีเด็กหนุ่มเทพถ่องแท้อายุแค่พันกว่าปีปรากฏขึ้นมาพร้อมด้วยเต๋าโอสถอาณาจักรเต๋าขั้นสุด!
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายตื่นตะลึงจนไม่อาจสรรหาคำใดๆ กล่าวออกมาได้
เทพสวรรค์ออหยุนนั้นเก่งกาจปานใด? แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังแทบต้องกระอักเลือดออกมาต่อหน้าแรงกดดันของเย่หยวน
ภายใต้แสงอันเจิดจ้าของเย่หยวน เทพสวรรค์ออหยุนนั้นเป็นได้เพียงแค่จุดแสงน้อยๆ อันแสนริบหรี่จนแทบไม่อาจมองเห็นได้
ในเวลานี้เทพสวรรค์ออหยุนย่อมจะรีบๆ จบการประลองใดๆ นี้ลงเสียเพราะตัวเขานั้นไม่อาจจะทนรับแรงกดดันนี้ไว้ได้ไหวอีกแล้ว
ตอนนี้ตัวเขาอับอายจนแทบจะเสียสติ
เขารู้ดีว่าเย่หยวนคงมองวิชาของเขาออกและเลือกที่จะโจมตีสวนกลับมาอย่างรุนแรงเช่นนี้
เว้นเสียแต่ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันป้องกันพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้อย่างไร?
เขานั้นเชื่อมั่นอย่างมากว่าการโจมตีของตนนั้นมันเหนือล้ำจนแม้แต่พระเจ้าก็คงไม่อาจทานรับ แต่มันกลับไม่สามารถจะทำอะไรเย่หยวนได้แม้แต่ปลายเส้นขน
‘ข้า… ข้ารีบยอมแพ้ไปเสียแต่ตอนนี้ดีกว่า!’ เทพสวรรค์ออหยุนได้แต่คิดอยู่ในใจ
“หึๆ จอมเทพโอสถเจ็ดดาวมีปัญญาเพียงเท่านี้หรือ? น่าผิดหวังเสียจริง!” ในวินาทีนั้นเองเย่หยวนกลับพูดกล่าวคำเหล่านี้ออกมา
เทพสวรรค์ออหยุนได้แต่กัดฟันร้อง “เด็กน้อย จ-เจ้าอย่าได้ใจให้มันมากไป! ข้าจะให้เจ้าได้เห็นถึงฝีมือของเทพสวรรค์ผู้นี้เอง!”
เพราะเทพสวรรค์นั้นมันก็มีศักดิ์ศรีของเทพสวรรค์ เย่หยวนกล่าวท้าทายเช่นนั้นออกมามีหรือที่เทพสวรรค์ออหยุนจะทนรับได้? เขาจึงต้องกัดฟันทนต่อไป
เพียงแค่ว่าคลื่นพลังใดๆ ของเขายังไม่ทันออกมันก็ถูกเย่หยวนกดดันจนหายวับไปในพริบตาอย่างไร้ปรานี
ต่อหน้าเย่หยวนแล้วเขากลับไม่อาจจะต้านทานใดๆ ได้แม้แต่น้อย
“หลอม!”
จนในที่สุดเย่หยวนก็ร้องบอกออกมาหลอมโอสถขึ้นรูป!
ในเวลานี้เทพสวรรค์ออหยุนนั้นรับรู้ได้ถึงศึกอันหนักหนาจนทำให้ร่างกายแทบไม่อาจยืนมั่น
แม้ว่าจิตศักดิ์สิทธิ์และปราณเทวะของเทพสวรรค์นั้นมันจะหนาแน่นจนเย่หยวนไม่อาจทำอันตรายใดๆ ได้แต่หากแค่คิดสั่งสอนอีกฝ่ายมันก็ยังทำได้ไม่ยาก
ในการประลองโอสถนี้คนทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่วินาที หากเทพสวรรค์ออหยุนคิดจะหลอมโอสถภายใต้การกดดันของเย่หยวนแล้วเขาจะต้องพยายามอย่างหนักหน่วงมากกว่าเย่หยวนหลายต่อหลายเท่าตัว
ต่อให้เขาจะเป็นเทพสวรรค์เขาเองก็ยังเหนื่อยเป็น
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเทพสวรรค์ออหยุนขึ้นมาลึกๆ ในใจ
“ช่างแข็งแกร่งเสียจริง! นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นจอมเทพโอสถหกดาวทำลายจอมเทพโอสถเจ็ดดาวจนยับย่อยปานนี้”
“เย่หยวนนั้นกดดันเทพสวรรค์ออหยุนได้ด้วยกำลังของตน ตำแหน่งปรมาจารย์นั้นมันสมควรเป็นของเขาแล้วจริงๆ!”
“พวกเจ้าอย่าได้ลืมไป! เย่หยวนนั้นใช้เพียงแค่สมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ แต่เทพสวรรค์ออหยุนนั้นใช้ถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!”
…
เมื่อผลลัพธ์ปรากฏขึ้นเหล่าผู้คนทั้งหลายก็ได้แต่ยืนนิ่งไป
เทพสวรรค์ออหยุนนั้นถูกเย่หยวนกดดันตั้งแต่ต้นจนจบอย่างไม่มีทางขัดขืนใดๆ
นี่มันคือพลังที่เหนือล้ำจนไม่อาจสรรหาคำใดมาบรรยาย
“เย่หยวน ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!”
“เทพสวรรค์ออหยุน… ขั้นกลาง!”
กรรมการผู้นั้นหันมามองดูเทพสวรรค์ออหยุนด้วยความสงสารพร้อมประกาศผลออกมา
“ฮ่าๆ!”
เกิดเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นทั่วทิศ
จอมเทพโอสถเจ็ดดาวผู้ยิ่งใหญ่กลับหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหกได้เพียงแค่ขั้นกลาง ไม่ว่าจะฟังอย่างไรมันก็เป็นเรื่องตลกชัดๆ
เทพสวรรค์ออหยุนในเวลานี้อับอายจนแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีให้มันรู้แล้วรู้รอด
ก่อนที่จะเริ่มการประลองโอสถนี้ใครกันเล่าที่ว่ากล่าวอย่างมั่นหน้า? เขานั้นย่อมไม่คิดจะสนใจรังแวงให้ค่าเย่หยวนแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้เขากลับถูกตบหน้าดังลั่นกลางฝูงชน
ต่อหน้าเย่หยวน เขานั้นไร้ค่าใดๆ
เทพสวรรค์ออหยุนนั้นได้แต่จ้องมองเย่หยวนด้วยความเคียดแค้น
เด็กคนนี้มันทำให้เขาเสียหน้าอย่างมหาศาล!
จอมเทพโอสถเจ็ดดาวผู้ขึ้นถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายอย่างเขาเคยต้องเสียหน้าขนาดนี้หรือ?
แต่ในเวลานี้มันย่อมไม่มีใครคิดจะสนใจตัวเขาอีก สายตาของทุกผู้คนต่างจับจ้องมองไปยังเย่หยวน
เด็กหนุ่มอายุแค่พันกว่าปีกลับขึ้นถึงอาณาจักรเต๋าขั้นสุด! นี่มันจะน่ากลัวจนเกินไปแล้ว!
ด้วยพรสวรรค์ระดับเย่หยวนนี้วันหน้าเขาอาจจะกลายเป็นโอสถบรรพกาลคนที่สองก็เป็นได้!
ในตอนนั้นเองเทพสวรรค์ซืออี้ก็ได้เปิดปากกล่าวขึ้น “ข้าเชื่อว่าเวลานี้ทุกผู้คนย่อมจะเห็นถึงความสามารถของเย่หยวนแล้ว มันคงไม่มีใครคิดจะขัดเรื่องที่เขาขึ้นยืนตำแหน่งปรมาจารย์อีกใช่หรือไม่?”
เทพสวรรค์ซืออี้นั้นเชื่อในเย่หยวนอย่างสุดตัว เวลานี้ตัวเขานั้นไม่มีความรู้สึกไม่พอใจใดๆ กับการที่เทพสวรรค์เปียวหยูมอบเหรียญปรมาจารย์ให้แก่เย่หยวนอีกต่อไป
กลับกัน ในเวลานี้เขานั้นรู้สึกชื่นชมในตัวเย่หยวนอย่างมาก
ขึ้นอาณาจักรเต๋าขั้นสุดได้ตั้งแต่อายุเท่านี้ วันหน้ามันคงเป็นพันธมิตรกำลังสำคัญให้แก่หอมหาสมบัติได้อย่างแน่นอน
“แน่นอนว่าย่อมไม่ขัดใดๆ! หากอาณาจักรเต๋าขั้นสุดไม่อาจนั่งบนตำแหน่งปรมาจารย์ได้แล้วใครกันเล่าที่จะมานั่งได้?”
“ตอนนี้คนที่เหลือเองก็คงไม่ต้องประลองใดๆ แล้ว ปรมาจารย์เย่นั้นมีฝีมือพอที่จะนั่งบนตำแหน่งของตนได้!”
…
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายย่อมไม่มีใครจะคัดค้านอีก ตอนนี้เย่หยวนได้ทำให้เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายเชื่อถือในฝีมืออย่างสุดหัวใจ
แต่ในเวลานั้นเองมันกลับเกิดเสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้น
“ในเมื่อเขาคิดรับคำท้าแล้ว เช่นนั้นก็ต้องให้เขาประลองให้เสร็จสมบูรณ์ เขากล่าวว่าจะคืนเหรียญปรมาจารย์หากแพ้ คำพูดเช่นนั้นมีหรือที่จะคืนคำได้?”
ผู้พูดนี้คือเทพสวรรค์ดันหยู่
ทุกผู้คนแทบจะกระโดดขึ้นจากที่นั่งหลังได้ยินคำกล่าวของเทพสวรรค์ดันหยู่ ไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเขากลับจะยังยืนยันคำเดิมเช่นนี้!
เทพสวรรค์ซืออี้นั้นได้แต่ขมวดคิ้วแน่น “พี่ดันหยู่ เย่หยวนนั้นได้พิสูจน์ฝีมือออกมาอย่างแจ่มแจ้งแล้ว มีเหตุใดให้ต้องเสียเวลาประลองกันอีกเล่า?”
แต่เทพสวรรค์ดันหยู่กลับยิ้มตอบกลับมา “ต่อให้เทพสวรรค์ผู้นี้จะยอมรับ ข้าก็เกรงว่าพี่เจาหยวนจะไม่คิดเช่นนั้น ใช่หรือไม่เล่าพี่เจาหยวน?”
สายตาทุกคู่จึงหันตามไปมองยังเทพสวรรค์เจาหยวนทันที
“มันหมายความว่าอย่างไรกัน? หรือว่าเทพสวรรค์เจาหยวนนั้นยังคิดว่าตนเองเทียบเคียงปรมาจารย์เย่ได้?”
“เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นเป็นแค่เทพสวรรค์ผู้ถูกเชิญมาร่วมงาน อย่างมากเขาก็คงแค่เทียบเท่าเหล่าปรมาจารย์ผู้ถูกเชิญมาทั้งหลาย ให้ประลองต่อไปจะได้ประโยชน์ใดกันเล่า?”
…
ตอนนี้ในลานกว้างมันเกิดเสียงคำถามดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นแทบไม่เคยจะลงมือต่อหน้าผู้คน แน่นอนว่าทุกผู้คนรู้ดีว่าเขาเก่งกาจ แต่ไม่คิดว่าเขาจะเหนือล้ำถึงขั้นนั้น
เมื่อได้เห็นเทพสวรรค์ดันหยู่ถามมาเช่นนั้น เทพสวรรค์เจาหยวนก็คิดจะลุกขึ้นตอบกลับไปแต่กลับเป็นเย่หยวนที่พูดขึ้นมาจากด้านล่างเสียก่อน “เย่ผู้นี้รักษาคำพูดเสมอ! การประลองโอสถนี้… จะดำเนินต่อไปจนจบสิ้น! พี่เจาหยวน โปรดช่วยสั่งสอนชี้แนะข้าด้วย!”
…………………..