ในลานกว้างเวลานี้มียอดนักหลอมโอสถกว่าหมื่นคนกำลังประลองกันอยู่อย่างไม่ขาดสาย
เพราะงานชุมนุมโอสถเมฆานั้นมันเป็นงานชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ ยอดอัจฉริยะจากทุกทิศทางย่อมจะมาเข้าร่วมงานประลองจนกลายเป็นเป้าสายตาของผู้คน
และแน่นอนว่าครั้งนี้มันก็เช่นกัน
เมื่อหยุนยี่เดินขึ้นสังเวียนมาเหล่าอัจฉริยะใดๆ ย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงตัวเขาได้แม้แต่น้อย
ด้วยพลังฝีมือของเขาที่ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรเต๋าได้มันย่อมจะเหมือนเป็นหงส์งามกลางดงห่าน ไม่มีคู่ต่อสู้ใดๆ จะมาเทียบเคียงตัวเขาได้แม้แต่น้อย
“ชิๆ หากไม่ผิดพลาดใดงานชุมนุมโอสถเมฆาครานี้ หยุนยี่ผู้นี้คงได้เป็นอันดับหนึ่งของสายจอมเทพโอสถหกดาวแน่ สมชื่อว่าเป็นเหลนของเทพสวรรค์ดันหยู่จริงๆ เรียกเขาว่ายอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งนั้นมันไม่ผิดเลย!”
เมื่อหยุนยี่ลงมือ เหล่าคนทั้งหลายก็ย่อมจะร้องกล่าวชื่นชมออกมาไม่ขาด
แต่คำพูดชื่นชมทั้งหลายนั้นมันกลับเป็นเหมือนเข็มแหลมที่ทิ่มแทงหยุนยี่
ยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง?
ประชดกันชัดๆ!
‘พวกเจ้าทั้งหลายลืมตัวตนของปรมาจารย์เย่ไปแล้วหรือ? เขานั้นอายุยังไม่ถึงครึ่งของข้าด้วยซ้ำ!’
แม้ว่าหยุนยี่นั้นจะเข้าใจดีว่าเวลานี้มันย่อมจะไม่มีใครคิดว่าเย่หยวนอยู่ในรุ่นเดียวกับคนหนุ่มสาวทั้งหลายอีกแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรจิตใจของเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดเสียดขึ้นมาทุกครั้งที่ได้ยินคำชมนั้น
แท้จริงแล้วความหนักหน่วงของหัวใจเขานี้มันไม่ได้เพียงแค่เพราะตัวตนของเย่หยวนแต่เพราะคนอีกผู้หนึ่งด้วย
และนางผู้นั้นก็คือหนิงซืออวี๋นั่นเอง
หนิงซืออวี๋นั้นไม่ได้เข้าร่วมงานในสายของจอมเทพโอสถห้าดาว แต่นางนั้นเข้าร่วมงานในสายจอมเทพโอสถหกดาว!
เพราะพลังฝีมือของนางนั้นมันไม่อาจจะเอาเข้าไปเทียบกับเหล่าจอมเทพโอสถห้าดาวทั้งหลายได้อีกแล้ว
และตั้งแต่เริ่มงานมาหนิงซืออวี๋ก็ได้เอาชนะผู้คนทั้งหลายอย่างเหนือล้ำโค่นจอมเทพโอสถหกดาวลงไปนักต่อนัก
และหลายต่อหลายคนในจำนวนที่ถูกโค่นลงนั้น ก่อนจะเริ่มงานพวกเขาถูกนับว่าเป็นตัวเต็งเสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้เหล่าจอมเทพโอสถหกดาวทั้งหลายต่างรู้สึกได้ถึงความกดดันมหาศาลอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน รวมไปถึงตัวหยุนยี่ด้วย
เพราะหนิงซืออวี๋ผู้นี้นางเป็นแค่สาวรับใช้ของเย่หยวน!
หรือว่าแค่สาวรับใช้ก็คิดจะเลียนแบบเจ้านายกลายเป็นยอดคนเหนือโลกไปด้วยอีกคน?
“พระเจ้าช่วย! หนิงซืออวี๋นางนั้นกลับสามารถเอาชนะหัวเทียนเฉียงลงได้! นั่นมันคือยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลหัวแห่งชิวหนานเลยนะ!”
จู่ๆ ก็เกิดเสียงโห่ร้องดังขึ้นมาจากฝูงชน
ดูท่าผลการประลองอีกคู่จะออกมาแล้ว
เมื่อได้ยินนามของหนิงซืออวี๋ถูกประกาศ ลมหายใจของหยุนยี่ก็ติดขัดขึ้นทันทีจนทำให้การควบคุมเพลิงเสียสมดุล
แน่นอนว่าคู่ต่อสู้ของเขาในเวลานี้ย่อมจะถูกกดดันจนแทบไม่อาจหายใจ เมื่อได้เห็นช่องว่างนี้เขาจึงเริ่มกลับมาเห็นความหวังอีกครั้ง
เพียงแค่ว่าเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้หยุนยี่เกิดเสียสมดุลไปถึงขนาดนี้ได้
หัวเทียนเฉียงนั้นเป็นยอดอัจฉริยะจากตระกูลนักหลอมโอสถโบราณ เป็นยอดอัจฉริยะของตระกูลหัว ในเรื่องของฝีมือแล้วเขานั้นนับได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบยอดคนของกลุ่มจอมเทพโอสถหกดาว
แต่ตอนนี้ตัวเขากลับพ่ายแพ้ให้แก่เด็กสาวจอมเทพโอสถห้าดาวผู้หนึ่ง!
“ปรมาจารย์เย่ช่างเก่งกาจเสียจริงๆ แค่สาวรับใช้ของท่านกลับสามารถจะเก่งกาจได้ถึงปานนี้”
“หึ ข้านั้นไปสืบมาหมดแล้ว เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นแท้จริงแล้วเป็นแค่ชายแดนบ้านนอก ที่เติบโตขึ้นมาได้นี้มันก็แค่ช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา มีหรือที่สถานที่เช่นนั้นจะมียอดอัจฉริยะปรากฏขึ้นมาได้? นั่นมันย่อมจะหมายความว่าหนิงซืออวี๋นางนี้ใช้เวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีภายใต้การชี้นำของปรมาจารย์เย่และกลับก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรต้นขั้นสุด! ไม่ว่าจะฟังดูอย่างไรมันก็เหนือล้ำจนเกินกว่าจะทำใจเชื่อลงได้จริงๆ!”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ? แค่ไม่กี่ร้อยปีก็สามารถฝึกฝนผู้คนขึ้นถึงอาณาจักรต้นขั้นสุดได้? หากเป็นเช่นนั้นแล้ววันหน้าหนิงซืออวี๋นางนี้จะไม่เหนือล้ำกว่านายน้อยหยุนยี่อีกหรือ?”
…
ก่อนหน้านี้มันย่อมจะไม่มีใครคิดสนใจว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเป็นสถานที่เช่นใด
แต่ในวันนี้เหล่าผู้คนทั้งหลายต่างพยายามอย่างสุดตัวที่จะขุดคุ้ยเรื่องราวของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ขึ้นมา
สันเขาใต้ สถานที่ห่างไกลความเจริญเช่นนั้นปกติมันย่อมจะไม่มีใครคิดสนใจ
และพวกเขาทั้งหลายก็ย่อมไม่คิดว่าดินแดนสันเขาใต้นั้นมันจะสามารถผลิตยอดคนอัจฉริยะใดๆ ออกมาได้
แน่นอนว่าสาวบ้านนอกอย่างหนิงซืออวี๋นางนี้ย่อมจะไม่เก่งกาจใดๆ ก่อนจะมาเจอเย่หยวนเข้า
แต่ในเวลาที่ได้รู้จักกันแค่ไม่กี่ร้อยปีมันกลับทำให้นางขึ้นมาถึงอาณาจักรต้นขั้นสุดได้
หากให้เวลาหนิงซืออวี๋อีกไม่กี่ร้อยปีหรืออาจจะสักพันปี นางย่อมจะต้องก้าวเหนือล้ำหยุนยี่ขึ้นมาเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแดนใต้นี้ได้อย่างแน่นอน
แล้วมันหมายความว่าอย่างไร?
มันหมายความว่าปรมาจารย์เย่นั้นมิใช่แค่มีความรู้ความสามารถเก่งกาจในด้านการโอสถ แต่เขานั้นยังมีความสามารถในการสั่งสอนศิษย์ได้อย่างเหนือล้ำอย่างที่ไม่เคยจะพบเห็นมาก่อนในโลกหล้า!
แดนบ้านนอกอย่างสันเขาใต้นั้นเย่หยวนยังสามารถชุบเลี้ยงยอดฝีมืออย่างหนิงซืออวี๋ขึ้นมาได้ เช่นนั้นแล้วหากศิษย์ของเขาเป็นอัจฉริยะมาแต่แรกเล่า?
คิดมาได้ถึงตรงนี้คนทั้งหลายก็สั่นไปทั้งกาย
ในเวลานี้พวกเขาทั้งหลายต่างรู้สึกใจสั่นไปพร้อมๆ กัน
…
และแน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะไม่ได้รู้ถึงความคิดของเหล่านักหลอมโอสถนับหมื่นๆ ด้านนอก ในเวลานี้เขากำลังเข้าร่วมการประชุมยอดโอสถอยู่
การประชุมยอดโอสถนี้เป็นงานหลักของเหล่ายอดคนผู้ปกครองดินแดนอย่างแท้จริง
ปัง!
เทพสวรรค์ดันหยู่ตบโต๊ะดังลั่นก่อนจะร้องตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจ “เด็กน้อย เจ้าจะโลภมากเกินไปแล้ว! ต่อให้เจ้าจะเป็นอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวแต่สุดท้ายตัวเจ้าก็ยังเป็นแค่เทพถ่องแท้ผู้หนึ่ง แต่เจ้ากลับกล้าเรียกร้องส่วนแบ่งถึงครึ่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ?”
เพราะแม้แต่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาเองก็ยังเรียกส่วนแบ่งตลาดแค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์
เหล่าเทพสวรรค์ที่เหลือเองก็ย่อมจะไม่พอใจอย่างมาก คิดว่าเย่หยวนนั้นคิดโลภมากจนเกินพอดี
แต่เย่หยวนกลับตอบออกมาอย่างไร้อารมณ์ใด “ด้วยกำลังของฝั่งหอมหาสมบัติของเราแล้ว มีปัญหาใดเล่าหากข้าจะเรียกส่วนแบ่งห้าสิบเปอร์เซ็นต์? ในเมื่องานชุมนุมโอสถเมฆานี้ตัดสินแพ้ชนะกันด้วยการประลองโอสถ เช่นนั้นเราทำไมไม่มาเริ่มการประลองไปเลยเล่า?”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้ยินก็แทบจะหน้ามืดเป็นลมลงด้วยความโกรธ หอมหาสมบัตินั้นมีทั้งอาณาจักรบรรพกาลและอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว ใครกันเล่าจะชนะพวกเขาได้ในการประลองโอสถ?
เทพสวรรค์ดันหยู่จึงยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก “เป็นเช่นนั้น? แล้วหาก… เทพสวรรค์ผู้นี้ไม่ตกลงเล่า?”
เย่หยวนหันไปมองเทพสวรรค์ดันหยู่อย่างไร้อารมณ์ใดๆ เช่นเคย “หากท่านไม่รับ เช่นนั้นทำไมเราไม่แยกสลายพันธมิตรกันเล่า? ถึงเวลานั้นก็ตัวใครตัวมัน พวกเราทุกคนต้องใช้ความสามารถของตนในการทำธุรกิจ ทำเช่นนั้นแล้วมันก็น่าจะง่ายกว่ามาเถียงกันอย่างไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้”
“เจ้า!” เทพสวรรค์ดันหยู่แทบจะกระอักเลือดออกมา
ก่อนที่จะเกิดพันธมิตรจัดงานชุมนุมโอสถเมฆาขึ้น วงการโอสถของแดนใต้นั้นมันนับได้ว่าอยู่ในสภาวะสงครามอย่างไม่จบไม่สิ้น
ร้านโอสถมากมายหลายเจ้าต่างเปิดขายแข่งกันในตำแหน่งใกล้ๆ กันทั้งๆ ที่อยู่กันคนละพวกละฝ่าย
ในเวลานั้นทุกผู้คนต่างต้องใช้ไม้เด็ดออกมาช่วงชิงชัยชนะซึ่งกันและกัน แน่นอนว่าทุกสิ่งอย่างมันไม่จบลงด้วยสงครามราคาแน่
สุดท้ายทุกผู้คนจึงต้องสูญกันไปอย่างหนักหน่วง
จนถึงวันที่เกิดพันธมิตรจัดตั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดขึ้นมานี้ ที่ทำให้เกิดความสงบอย่างทุกวันนี้ได้
ทุกผู้คนมีแดนของตนเอง พัฒนามันไปอย่างสบายใจสงบสุขสามารถเก็บเกี่ยวผลึกปราณเทวะอย่างสบายใจไม่ต้องมีใครเดือดร้อน
แต่หากพันธมิตรนี้สลายลงจริงๆ แล้วมันก็จะเท่ากับว่าแดนใต้ทั้งแผ่นดินนี้จะกลับไปสู่ยุคสงครามการค้าอีกครั้ง
ถึงเวลานั้นแล้วมีใครบ้างเล่าจะกีดขวางหอมหาสมบัติได้?
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการดำเนินธุรกิจของหอมหาสมบัตินั้นมันก็เหมือนแมลงร้ายที่เข้าไปเกาะกินทั้งมหาพิภพถงเทียนไว้
และตัวพันธมิตรนี้เองที่เป็นสิ่งขัดขวางการพัฒนาธุรกิจของหอมหาสมบัติ
แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นหอมหาสมบัติต้องยอมเพราะพวกเขาไม่มียอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาล
แต่ตอนนี้หอมหาสมบัตินั้นมีขุมกำลังของยอดคนอาณาจักรบรรพกาลและยังกำลังเสริมจากเย่หยวนที่เป็นถึงอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวอีกด้วย
หากพันธมิตรนี้แตกสลายลงจริงๆ ผลที่ตามมามันคงเลวร้ายสำหรับทุกผู้คน
“หอมหาสมบัติของเรานั้นมีนักหลอมโอสถอาณาจักรบรรพกาลหนึ่งคนและมีข้าอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว แต่กลับเรียกส่วนแบ่งตลาดแค่ครึ่งหนึ่ง พวกท่านยังคิดว่ามันเกินไปอีกหรือ? หากเราสลายพันธมิตรลงจริงๆ แล้วพวกท่านทั้งหลายก็คงรู้ดีว่ามันจะเป็นอย่างไร ข้านั้นยังมีโอสถที่ปรับปรุงไว้อีกกว่าสิบชนิด และมันมีผลดีกว่าโอสถในท้องตลาดถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ หากข้าเริ่มนำมันออกขายแล้วท่านคิดจะใช้อะไรปิดกั้นมันอีกเล่า?”
เย่หยวนหันไปมองทั่วห้องด้วยท่าทางของผู้มีชัย
การประชุมยอดโอสถนี้มันเป็นสถานที่ที่เหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายจะมาตกลงเรื่องส่วนแบ่งผลประโยชน์กัน
และหากถามว่าจะแบ่งกันด้วยหลักการใด มันย่อมต้องแบ่งกันตามฝีมือ
“กว่าสิบชนิด? หึ เจ้าคิดว่ากำลังข่มขู่ใครอยู่?”
“เจ้าคิดหรือว่าสูตรโอสถใหม่นั้นมันคิดค้นได้ง่ายดายปานนั้น แค่คิดจะแปลงก็ทำได้หรือ?”
…
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายย่อมไม่คิดอยากเชื่อ
แต่สีหน้าของเทพสวรรค์เหลียวหมิงกลับไม่ค่อยดีนักก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ที่ปรมาจารย์เย่ว่ามานั้นมันน่าจะเป็นความจริง! ด้วยความเข้าใจในเต๋าโอสถของเขาแล้ว จะแปลงสูตรโอสถใดๆ นั้นมันย่อม… ง่ายดายแค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น!”
“หะ?!”
ทุกผู้คนต่างร้องลั่นขึ้นด้วยความหวาดกลัว!
เทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นย่อมจะเข้าข้างเย่หยวนเป็นแน่ และเหล่าคนทั้งหลายที่อยู่ในห้องตอนนี้ก็ต่างรู้ถึงเรื่องที่เย่หยวนเคยช่วยปรับปรุงสูตรโอสถโบราณมาครั้งหนึ่ง
หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้จะยังมีทักษะในการวิเคราะห์และอนุมานที่เหนือล้ำอยู่อีก?
……………….