“น-น-นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน? พี่ดันหยู่ ท่านจะปล่อยเราตายไปเช่นนี้ไม่ได้นะ! เย่หยวน… เย่หยวนมันต้องคิดล้างแค้นกับข้าแน่!”
เมื่อได้ยินข่าวทั้งหลายที่หลั่งไหลเข้ามาเทพสวรรค์ออหยุนก็แทบสิ้นสภาพยอดคน
เพราะเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้พันธมิตรแดนใต้ได้พ่ายแพ้ลงอย่างราบคาบ
โดยเฉพาะดินแดนใต้การดูแลของเขาที่ถูกโจมตีหนักที่สุด
หอมหาสมบัตินั้นถึงขั้นประกาศลดราคาโอสถลงสามเปอร์เซ็นต์ในดินแดนของเขา ที่สำคัญโอสถที่ส่งไปในดินแดนของเขานั้นมันยังมากกว่าดินแดนอื่นๆ มาก
เรื่องราวเช่นนี้มันไม่เกิดขึ้นในดินแดนอื่นใด
เพราะในเวลานี้โอสถของหอมหาสมบัตินั้นมันได้กลายเป็นของหายากไปในที่สุด ต่อให้ราคามันจะขึ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ มันก็ยังเป็นการยากที่จะหาซื้อมันเพราะความต้องการที่มากล้น
แม้ว่าหอมหาสมบัติจะเตรียมการมาอย่างดีแต่พวกเขาก็ย่อมไม่อาจจะตอบสนองความต้องการของนักยุทธทั้งตลาดได้
ไม่ว่าโอสถนั้นจะดีเด่นแค่ไหน มันก็ไม่อาจจะตกไปถึงมือของนักยุทธทุกผู้คนได้
ไม่ว่าอย่างไรเสียสัดส่วนนักยุทธต่อนักหลอมโอสถมันก็แตกต่างกันมากเกินไป
แต่ในเวลานี้ดินแดนของเทพสวรรค์ออหยุนนั้นถูกหอมหาสมบัติกดดันอย่างหนักหน่วงจนไม่อาจจะเปิดร้านขายโอสถของตนได้อีกต่อไป
ต่อให้เป็นคนตาบอดโง่เง่าเพียงใดก็ยังเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือการจงใจของหอมหาสมบัติและเย่หยวนที่คิดขยี้เทพสวรรค์ออหยุน
เทพสวรรค์ดันหยู่ขมวดคิ้วแน่น “ช่วยเจ้า? ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกของเรายังจะเอาตัวไม่รอด! เจ้ากลับบอกให้เราหันหน้าไปช่วยเจ้า? เจ้าไม่ได้ยินรายงานหรือว่ายอดเมืองหลวงจักรพรรดิรั้วบูรพานั้นได้ตกอยู่ในมือของหอมหาสมบัติไปอย่างสมบูรณ์แล้ว?”
ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิรั้วบูรพานั้นมันคือจุดยุทธศาสตร์การค้าของเทพสวรรค์ดันหยู่ มีความสำคัญไม่ต่างจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์ของทางหอมหาสมบัติ
ตอนนี้แม้แต่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิรั้วบูรพายังแตกพ่ายลง แค่นั้นมันก็ชัดเจนแล้วว่าสถานการณ์กำลังวิกฤตขนาดไหน
ในเวลานี้เทพสวรรค์เหวินหลานจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนลั่นขึ้น “หึ! ออหยุน เจ้ายังจะมีหน้ามาพูดจาเช่นนั้นอีกหรือ? หากไม่ใช่เพราะเจ้าแล้วเรื่องราวทั้งหลายนี้มันคงไม่เกิดขึ้นแน่! หากเจ้าแค่ยอมก้มหัวขอโทษเย่หยวนไปดีๆ ในตอนนั้นเรื่องราวมันจะบานปลายมาถึงขั้นนี้หรือ?”
เพราะตัวเขาเองก็เสียผลประโยชน์ไปมหาศาล แน่นอนว่าอารมณ์ของเขาย่อมจะขุ่นเคืองอย่างมาก
เมื่อได้เห็นเทพสวรรค์ออหยุนพูดแสดงหน้าขึ้นมาเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะตวาดว่าไป
เทพสวรรค์ออหยุนที่ได้ยินก็ร้องขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เหวินหลาน เจ้ากลับมาว่าข้าเสียแล้ว? ตอนนั้นใครกันเล่าที่มันทุบโต๊ะโห่ร้องขึ้นคิดอยากได้ส่วนแบ่งจากดินแดนของเย่หนวนน่ะ!”
“เจ้า!” เทพสวรรค์เหวินหลานผงะไปทันทีอย่างที่ไม่อาจจะตอบโต้ใดๆ เทพสวรรค์ออหยุนได้
เมื่อตอนที่เย่หยวนถอนตัวจากพันธมิตรแดนใต้ มันเป็นเทพสวรรค์เหวินหลานเองก็ยกมือขึ้นโห่ร้องดีใจ
ที่สำคัญแม้ตอนแรกๆ เขาจะยังไว้หน้าผู้คนบ้าง ไม่ได้ล่วงมือเข้าไปล้ำเขตแดนของเย่หยวนจริงๆ จังๆ
แต่ไม่นานนักเขาก็เริ่มลึกคืบเข้าไปค้าขายในแดนของเย่หยวนจริงๆ
“พอแล้ว!” เทพสวรรค์ดันหยู่ตะโกนลั่น “มาเถียงโทษกันเวลานี้มันจะได้อะไร? หากเจ้ามีเวลามาโทษกันแล้วทำไมไม่เอาเวลามาคิดแก้สถานการณ์ที่เราเจอตอนนี้เล่า?!”
เทพสวรรค์เฉิงเฟิงกล่าวขึ้น “ตอนนี้มันมิใช่ปัญหาแค่ความพ่ายแพ้! เพราะเพื่อการศึกของเราครั้งนี้พวกเราได้ใช้นักหลอมโอสถของแดนใต้เกือบทั้งหมดทั้งสิ้นมาช่วยกันหลอมโอสถปริมาณมหาศาล หากโอสถพวกนี้ไม่อาจขายได้อีกมันคงได้เน่าคาโกดังเราแน่”
เทพสวรรค์ลี่หยางพูดขึ้นตามด้วยใบหน้าหนักใจ “และครั้งนี้มันแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ไปมาก เมื่อก่อนหากเราเก็บโอสถไว้ดีๆ สักวันมันก็จะขายออกได้ แต่ครานี้โอสถที่เย่หยวนสร้างขึ้นมาใหม่นี้มันจะค่อยๆ กลืนกินแดนใต้เราเข้าไป หากวันหนึ่งโอสถเหล่านี้มันได้กลายเป็นโอสถสามัญไปแล้ว โอสถของเรามันย่อมไม่มีทางจะกลับมาชายออกได้แน่!”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงถอนหายใจยาว “ข้าก็ห้ามไว้แล้ว แต่พวกท่านก็ไม่คิดฟัง ตอนนี้จะมาเสียใจมันก็สายไปแล้ว!”
คนอื่นๆ ทั้งหลายได้แต่เงียบปากลง
เพราะเทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นเป็นคนเดียวที่บอกว่าเย่หยวนมีความเข้าใจต่อเต๋าโอสถอย่างลึกล้ำ การจะสร้างโอสถชนิดใหม่ขึ้นมานั้นมันมิใช่เรื่องยากเย็น แต่มันกลับไม่มีใครคิดเชื่อถือคำของเขา
แต่เวลานี้เทพสวรรค์เหลียวหมิงเองก็ยังตื่นตะลึงไม่หาย
เขานั้นคิดว่าตนเองมองเย่หยวนสูงล้ำไว้อยู่แล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงเย่หยวนจะยังเก่งกาจกว่าที่เขาประเมินไปมาก
เมื่อใดที่โอสถทั้งหลายนั้นมันกระจายไปทั่วแดนใต้ความคิดของเหล่านักยุทธทั้งหลายมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปทันที ทั้งแดนใต้นี้จะได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
กับเหล่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกนั้น เรื่องราวเช่นนั้นมันย่อมจะเป็นหายนะดีๆ นี่เอง
เทพสวรรค์ดันหยู่เปิดปากขึ้นพูดอย่างหนักแน่น “เมื่อมันมาถึงเวลานี้แล้วเราคงไม่มีทางเลือกอื่น! สั่งให้ทุกร้านลดราคาโอสถลงครึ่งหนึ่ง! หากยังไม่พออีกก็ให้ลงลดไปเหลือแค่สี่สิบหรือสามสิบเปอร์เซ็นต์! หากเราชนะเรื่องคุณภาพไม่ได้ เราก็ต้องสู้ด้วยราคานี่แหละ! มีหรือที่พันธมิตรแดนใต้อันยิ่งใหญ่ของเราจะพ่ายแพ้แก่คนผู้เดียว? เช่นนั้นเราคงได้กลายเป็นตัวตลกของชาวบ้านไปทั่วฟ้าดินแล้ว!”
ได้ยินคำของเทพสวรรค์ดันหยู่คนอื่นเองก็สั่นสะท้านไปทั้งใจ
เพราะเสียกำไรมันก็ยังดีกว่าให้โอสถเน่าคาโกดัง
พันธมิตรแดนใต้นั้นได้ใช้ทุกสิ่งอย่างออกมาในศึกครั้งนี้ โอสถแต่ละชนิดนั้นมันมีมากพอจะส่งเลี้ยงค่ายสำนักใหญ่ทั้งหลายให้ใช้ได้ยาวนานนับสิบปี
แต่เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมเป็นการทำร้ายคู่แข่งอย่างไม่ได้กำไรเอง มันน่าไม่อายจนเกินไป
เพียงแค่ว่ามาถึงเวลานี้แล้วเหล่าคนใหญ่คนโตทั้งหลายย่อมไม่อาจคิดถึงความหน้าไม่อายใดๆ ได้อีก
เพราะฉะนั้นศึกอันยาวนานของพันธมิตรแดนใต้และหอมหาสมบัติมันจึงได้เริ่มต้นขึ้น
หอมหาสมบัตินั้นมีโอสถที่เหนือล้ำฟ้าสวรรค์ ทำให้เหล่านักยุทธทั้งหลายได้เบิกหูเบิกตาอย่างแท้จริง
เมื่อโอสถกว่าสิบชนิดนี้ได้ถูกปล่อยขายออกมามันก็ย่อมจะสร้างชื่อได้รับคำชมไปทั่วทั้งแดนใต้ในทันที
เทียบกันแล้วโอสถของทางพันธมิตรนั้นมันห่วยแตกจนเกินกิน
แต่ทว่ามันก็ยังพอขายได้เพราะความหน้าไม่อายของพวกเขานี้!
หากหอมหาสมบัตินั้นขายโอสถในราคาหนึ่งแสนผลึกปราณเทวะขั้นสูง ทางพันธมิตรก็จะขายด้วยราคาแค่ห้าหมื่นถึงอาจจะถึงสามหมื่นผลึกปราณเทวะขั้นสูง แน่นอนว่ามันย่อมเป็นที่น่าดึงดูดต่อเหล่านักยุทธที่ไม่ค่อยจะร่ำรวย
ในเวลานี้ทั้งสองฝ่ายจึงได้มาถึงทางตัน ได้แต่เสมอกัน
การต่อสู้นี้มันดำเนินไปยาวนานถึงห้าปี จนในที่สุดข่าวหนึ่งมันก็ได้กระจายออกมาทำลายสภาพนั้นลง
อย่างแรกคือเทพสวรรค์เจาหยวนนั้นได้ออกมาจากการเก็บตัวและประกาศเข้าร่วมฝ่ายหอมหาสมบัติ
ข่าวที่สองคือเรื่องของตระกูลเป่ยถังและเจ็ดตระกูลโบราณได้ประกาศเข้าร่วมทางหอมหาสมบัติไปตามๆ กัน
แม้ว่าเทพสวรรค์เจาหยวนนั้นจะเป็นนักยุทธจรไร้สังกัดแต่คนที่คิดติดตามเขานั้นมันก็มีมากจนเกินกว่าที่จะประมาทได้
เมื่อออกจากการเก็บตัวครั้งนี้มาแล้วเขาก็ได้บรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว!
นั่นมันคือตัวตนอันสูงส่งของแดนใต้นี้ ไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกตัวเขาได้
และนอกจากนั้นมันยังมีเรื่องตระกูลเป่ยถังและเจ็ดตระกูลโบราณอีกด้วยที่ทำให้พันธมิตรแทบจะแตกสลายลง
เจ็ดตระกูลโบราณนั้นมันคือตระกูลใหญ่สูงล้ำของวงการโอสถในแดนใต้นี้ อำนาจฝีมือของพวกเขานั้นไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายนัก
ด้วยความสนับสนุนจากพวกเขานี้หอมหาสมบัติจึงได้พุ่งทะยานฟ้าเพิ่มอำนาจขึ้นไปอย่างมากมาย
กับหอมหาสมบัติแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดย่อมจะเป็นเรื่องทรัพยากร เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียจะเอาสองมือไปสู้สี่แขนมันก็คงไม่ได้
แต่เมื่อได้แรงสนับสนุนจากเจ็ดตระกูลโบราณแล้วพวกเขาก็ย่อมจะได้รับทรัพยากรเข้ามาอีกมากมาย
ด้วยความมั่นใจนี้หอมหาสมบัติจึงไม่เกรงกลัวที่จะบุกอีกต่อไป
‘เจ้าลดราคา ข้าอยากรู้ว่ามันจะลดไปได้ถึงไหน!’
เมื่อเวลาผ่านไปได้แปดปี ในที่สุดพันธมิตรแดนใต้ก็เริ่มแตกพ่ายลง
อย่างแรกคือเหล่าค่ายสำนักระดับต่ำและกลางทั้งหลายที่ไม่อาจจะแบกรับภาระราคาไว้ได้และเริ่มล้มละลายไปตามๆ กัน
เพราะไม่ว่าอย่างไรทุนของพวกเขานั้นมันก็ไม่อาจเทียบเคียงกับเหล่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้
จนในที่สุดเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายเองก็เริ่มจะล้มละลายลงตาม
ไม่นานจากนั้นแม้แต่ห้างโอสถเมฆายักษ์ใหญ่มันก็ไม่อาจจะประคองตัวได้อีกต่อไป
ในปีที่เก้า ทางจวนเจ้าเมืองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆานั้นได้ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกดำมืด
ความเหนื่อยอ่อนและสิ้นหวังได้ปกคลุมไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
“พี่ดันหยู่ เราทนต่อไปเช่นนี้ไม่ได้แล้ว! หากทำเช่นนี้ต่อไปแล้วแดนใต้เราคงกลายเป็นดินแดนของหอมหาสมบัติไปสิ้นแน่!” เทพสวรรค์เหยาเย่ร้องบอกขึ้นด้วยสีหน้าทุกข์ใจ
“ใช่ สงครามนี้มันคือหลุมอันไร้ก้นชัดๆ! หากทำเช่นนี้กันต่อไปแล้วทรัพยากรใดๆ ที่เราสั่งสมมานานปีคงได้แห้งหายไปหมดสิ้นแน่!” เทพสวรรค์อีกคนหนึ่งร้องขึ้นตาม
………………