“ได้เลยศิษย์พี่!”
ที่ด้านหลังศิษย์พี่ซุนนางนั้นมีหญิงสาวในชุดหรูหราเดินก้าวออกมา
หลังจากนางก้าวออกมาแล้วคลื่นพลังของนางก็พุ่งทะยานขึ้นมาจนถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ห้าดาวอย่างรวดเร็ว
เหลียนซินนั้นมีใบหน้ายิ่งยโสกวาดสายตามองทุกผู้คนรอบกายหวังว่าจะได้เห็นสายตาชื่นชมบูชาแฝงความหวาดกลัว
เพราะสำหรับเมืองจักรพรรดิแล้วเทพถ่องแท้นั้นมันคงเป็นดั่งเทพเจ้า!
แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวมันกลับไม่เป็นไปดั่งที่นางหวัง
เหล่าผู้คนที่นั่งกินข้าวกันอยู่นั้นแสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมาจริง เพราะพวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่นึกไม่ฝันว่าคนทั้งหลายนี้คิดจะมาทำร้ายเย่หยวน
แต่ไม่นานสีหน้าเหล่านั้นมันก็ได้จางหายไป สายตาของคนทั้งหลายที่มองมาในเวลานี้มันกลับแฝงความสมเพชอยู่
ทั้งๆ ที่ในหมู่คนเหล่านี้มันยังไม่มีใครทะลุผ่านอาณาจักรนภาสวรรค์ไปได้เลยด้วยซ้ำ
เรื่องราวที่นักยุทธของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้พบเจอนั้นมันสุดแสนอลังการ อย่าว่าแต่เทพถ่องแท้ตัวน้อยๆ แม้แต่เทพสวรรค์ก็ยังต้องมาก้มหัวขอโทษกลางเมืองมิใช่หรือ?
ศิษย์พี่ซุนนางนั้นได้กล่าวขึ้นตามหลังมา “แค่หักแขนขามันก็พอ อย่าได้ทำร้ายชีวิตมัน ไม่เช่นนั้นนางกะหรี่นั่นคงขู่จะฆ่าตัวตายตามมันแน่”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวสีหน้าของเย่หยวนก็ดำมืดลงทันที
เดิมทีเขาคิดว่านางทั้งหลายนี้อาจจะเป็นคนรู้จักเมื่อได้ยินถึงชื่อลู่เอ๋อจากปากของพวกนาง แต่ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายกลับคิดจะหักแขนขาเขาตั้งแต่แรกเจอเช่นนี้?
ตอนนี้จิตใจของเย่หยวนจึงรุ่มร้อนเป็นไฟขึ้นทันที!
“ศิษย์พี่วางใจเถอะ เหลียนซินรู้ดีว่าควรยั้งมือลงเมื่อไหร่ ขยะเช่นนี้ข้าอยากจะหักมันที่ไหนมันก็จะหักลงตรงนั้นแหละ”
ศิษย์พี่ซุนนางนั้นจึงได้พยักหน้าออกมา เพราะตัวนางก็เห็นด้วยว่าเย่หยวนคงไม่มีปัญญาต้านทานใดๆ
เพราะสภาพของเย่หยวนในเวลานี้เขามีพลังบ่มเพาะเพียงแค่อาณาจักรนภาสวรรค์ ในสายตาของพวกนางทั้งหลายนี้แล้วเขาย่อมไม่มีค่าใด
มันมิใช่ว่าเย่หยวนคาดเดาได้ว่าจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นใดๆ แต่มันเป็นเพราะว่าเย่หยวนไม่อยากให้ผู้คนบนถนนแตกตื่นเมื่อเห็นว่ามีเทพถ่องแท้มาเดินเล่นก็เท่านั้น
แต่ในสายตาของเหล่าคนทั้งหลายนี้ เขาคงได้กลายเป็นแค่สวะที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
พูดจบฝ่ามือของเหลียนซินก็ถูกซัดออกมายังกระดูกสะบักของเย่หยวน
คลื่นพลังจากแนวคิดแห่งน้ำแข็งพุ่งทะยานออกมาพร้อมๆ กับฝ่ามือนี้จนทำให้พื้นที่รอบๆ แทบจะกลายเป็นน้ำแข็งสิ้น
ฝ่ามือนี้มันรวดเร็วรุนแรง หากกระทบถูกแล้วกระดูกสะบักของผู้คนทั่วไปคงแตกสลายแน่
“หึ! ช่างโง่เง่าไม่ดูเรื่องราว!”
เย่หยวนหัวเราะออกมาพร้อมเกร็งฝ่ามือเป็นกรงเล็บพุ่งทะลุผ่านพลังของเหลียนซินไปอย่างง่ายดาย
แกรก!
เสียงกระดูกร้าวดังสะท้านพร้อมด้วยเสียงกรีดร้องของเหลียนซินที่ร่วงลงไปกองกับพื้น ตอนนี้กระดูกสะบักของนางนั้นได้ถูกบดขยี้จนแตกหักสิ้น
ศิษย์พี่ซุนนางนั้นได้แต่หรี่ตาลงมองด้วยความตื่นตกใจ “แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจคำพูดของศิษย์พี่ซุนนางนั้นและถามขึ้น “ลู่เอ๋ออยู่ที่ใด? พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”
เหล่าเด็กสาวทั้งหลายนี้ดูอย่างไรก็ไม่มีเจตนาดี ดูท่าแล้วสภาพของลู่เอ๋อเองก็คงไม่ได้ดีมากนักเย่หยวนจึงรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก
หลังจากตื่นตกใจอยู่พักใหญ่สุดท้ายศิษย์พี่ซุนนางนั้นก็กลับมาตั้งสติได้ก่อนจะยิ้มเย้ยขึ้น “ข้าล่ะประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ แต่เจ้าคิดว่าแค่รู้แนวคิดแห่งห้วงมิติก็จะเก่งเหนือฟ้าหรือ? เจ้าอย่าได้กังวลไป หลังจากหักแขนขาเจ้าแล้วข้าจะค่อยๆ เล่าเรื่องราวของนางกะหรี่นั่นให้เจ้าฟังระหว่างทางเอง ห้วนยี่ ไปสั่งสอนมารยาทให้มันหน่อย!”
“ได้ค่ะศิษย์พี่!”
สาวงามอีกนางหนึ่งเดินยิ้มออกมาหาเย่หยวน “ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดนางกะหรี่นั่นมันถึงได้เอาแต่คิดถึงเจ้า ไม่นึกเลยว่าที่แท้แล้วเจ้านั้นจะมีพรสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่านาง ใช้เวลาพันกว่าปีก็ขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ห้าดาวได้ แต่ทว่าอย่างไรเสียมันก็ไร้ค่า เจ้ากล้ามาทำร้ายคนหอเมฆาน้ำแข็งเรา อย่าได้หวังว่ามันจะจบแค่โดยหักแขนหักขาเลย!”
พูดไปห้วนยี่ก็ปลดปล่อยพลังที่ปิดซ่อนไว้ออกมา
เมื่อก้าวออกมาครบสามก้าวคลื่นพลังจากกายของนางนั้นก็พุ่งทะยานขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้หกดาว!
แต่เมื่อพนักงานบริกรเห็นเช่นนั้นเขาก็ได้แต่ส่ายหัวออกมา “ช่างเป็นสาวน้อยที่ไม่รู้จักโลกเสียจริงๆ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ!”
แขกทั้งหลายที่ได้ยินก็พยักหน้าออกมาตาม ดูท่าแล้วทุกผู้คนคงเห็นด้วยอย่างสุดใจ
หากเย่หยวนนั้นเป็นแค่นักยุทธธรรมดาทั่วไปแล้ว พวกเขาทั้งหลายอาจจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขา
แต่เขาคนนี้คือเย่หยวน แม้แต่ยอดอัจฉริยะผู้สำเร็จแนวคิดแห่งธาตุทั้งห้าอย่างหลู่ซือยีก็ยังต้องตายลงด้วยน้ำมือของเย่หยวน
เด็กสาวทั้งหลายนี้ย่อมจะมีพลังฝีมือที่ไม่น้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวนแล้วมันก็เป็นได้แค่มดปลวก
เสียงของพนักงานผู้นั้นมันไม่ได้มีการปกปิดกระซิบใดๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของห้วนยี่จึงเย็นเยือกลงก่อนชี้นิ้วออกไปยังร่างของพนักงานผู้นั้น
“เจ้ามดปลวกโอหัง ไปตายเสียเถอะ!”
เพราะไม่ว่าอย่างไรพนักงานผู้นี้ก็เป็นแค่ราชันพระเจ้าผู้หนึ่ง หากถูกนิ้วนี้จี้ใส่รับรองได้เลยว่าร่างของเขาจะต้องเปลี่ยนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งอย่างแน่นอน
แต่ทางพนักงานผู้นั้นก็ไม่ได้คิดจะหลบหลีกใดๆ เพราะเขารู้ว่าเย่หยวนนั้นคงไม่ยอมปล่อยให้คนในเมืองตายลงต่อหน้าเช่นนี้แน่
“หึ! เจ้าสิมดปลวกโอหัง!”
เย่หยวนนั้นหมดความอดทนกับคนกลุ่มนี้มาแสนนาน อีกฝ่ายนั้นเอาแต่เรียกกะหรี่อย่างนั้นอย่างนี้ มีหรือที่เขาจะไม่โกรธเคือง?
เย่หยวนขยับร่างหนึ่งครั้งมันก็พุ่งเข้าไปถึงเบื้องหน้าห้วนยี่อย่างรวดเร็วราวผีร้าย
ห้วนยี่นั้นรู้ว่าเย่หยวนมีแนวคิดแห่งห้วงมิติจึงได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว
แต่ถึงจะเตรียมการไว้ นางก็ยังต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเงาร่างราวผีร้ายของเย่หยวน
ห้วนยี่นั้นปล่อยกรงเล็บน้ำแข็งออกมาพุ่งทะยานใส่เย่หยวน
แต่น่าเสียดายที่เย่หยวนไม่เปิดโอกาสให้นางได้ทำการใดๆ
ผัวะ!
เสียงตบดังสนั่นส่งร่างของห้วนยี่ผู้นั้นลอยปลิวไป
ครั้งนี้เย่หยวนไม่คิดที่จะหยุดยั้งใดๆ พุ่งร่างออกไปหายังศิษย์พี่ซุนนางนั้นอีกครั้ง
ศิษย์พี่ซุนนางนั้นจึงหัวเราะขึ้นมาพร้อมปลดปล่อยพลังที่กักเก็บไว้จนกลายเป็นเทพถ่องแท้เจ็ดดาวไป!
“รนหาที่ตาย!”
ศิษย์พี่ซุนนางนั้นเองก็มีประสาทที่รวดเร็ว เมื่อร้องออกมาเสร็จสิ้นมันก็ปรากฏดาบขึ้นมาในมือนางในพริบตา
แต่เย่หยวนนั้นย่อมไม่คิดจะหลบหลีกใดๆ พุ่งตรงเข้าหาดาบของศิษย์พี่ซุนนางนั้นทันที
เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนนั้นคิดจะใช้ร่างกายรับดาบสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำนางตรงๆ ศิษย์พี่ซุนนางนั้นก็ได้แต่หัวเราะขึ้น
“ดาบลูกเห็บ!”
เมื่อปลายดาบของนางชี้ออกลูกเห็บก้อนน้ำแข็งจำนวนมากก็พุ่งทะยานออกมาจากห้วงมิติพุ่งตรงใส่ร่างเย่หยวน
เหล่าลูกเห็บน้ำแข็งทั้งหลายนี้ย่อมจะเกิดขึ้นมาด้วยแนวคิดของนาง มันมีพลังมหาศาลคมกริบราวคมดาบ ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้เจ็ดดาวด้วยกัน แต่หากโดนมันเข้าไปก็คงต้องถูกแทงทะลุจนพรุนเป็นรังผึ้ง
หากเย่หยวนนั้นคิดจะรับมันไว้ด้วยร่างกายของตนตรงๆ ในสายตาของนางแล้วมันย่อมเป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง
แต่ไม่นานนักสีหน้าของนางก็ต้องถอดสี
เพราะเย่หยวนยังพุ่งทะยานเข้ามา!
แกรก แกรก แกรก…
พร้อมด้วยแสงสีทองที่ส่องประกายออกมาจากร่างของเย่หยวน เมื่อเหล่าก้อนน้ำแข็งทั้งหลายสัมผัสโดยแสงนั้นมันก็แตกแยกออกเป็นสองส่วนไม่ต่างจากก้อนน้ำแข็งทั่วๆ ไปที่ถูกความร้อนเข้า
เจ้าลูกเห็บน้ำแข็งที่สามารถทำร้ายเทพถ่องแท้เจ็ดดาวได้นี้มันกลับไม่อาจจะหยุดยั้งเย่หยวนได้แม้แต่น้อย?
มีหรือที่นางจะรู้ได้ว่าเย่หยวนนั้นมีกายทองคำสัมบูรณ์ระดับหกขั้นปลายตั้งแต่ที่เขาบรรลุขึ้นที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆา?
ตอนนี้ต่อให้จะเป็นสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำขั้นสูงเขาก็ไม่คิดเกรงกลัวใดๆ ไม่ต้องมาพูดถึงแค่น้ำแข็งที่เกิดขึ้นจากพลังแนวคิดนี้เลย
ในเวลานี้วิชาของศิษย์พี่ซุนนี้ได้จบลงไปแล้วและนางก็ไม่มีเวลาที่จะตั้งท่าโจมตีหรือตั้งรับใดๆ อีก
เมื่อได้เห็นหมัดของเย่หยวนที่ต่อยออกนางก็ไม่มีเวลาจะคิดใดๆ รีบใช้พลังแนวคิดของตนครอบร่างไว้ ทำให้ตอนนี้ร่างกายของนางนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเกราะน้ำแข็งอันหนาแน่น
แต่เย่หยวนไม่คิดสนใจและยังคงต่อยหมัดเข้ามาตรงๆ
“อ่อก!”
ศิษย์พี่ซุนนางนั้นกระอักเลือดคำโตร่างปลิวลอยออกไปนอกโรงเตี๊ยมอย่างไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“เทียนปิง เอาตัวนางไปที่จวนเจ้าเมือง!” เย่หยวนสั่ง
“ขอรับนายท่าน!”
หนิงเทียนปิงนั้นติดตามเย่หยวนมานานและย่อมรู้ว่าเวลานี้เย่หยวนเดือดดาลปานใด เขาจึงไม่คิดรอช้ารีบพุ่งตัวออกไปจับนางทันที
เหล่าศิษย์หอเมฆาน้ำแข็งทั้งหลายที่ยังยืนอยู่ได้นั้นได้แต่หันมามองเย่หยวนอย่างตกตะลึง
ห้วนยี่ที่ถูกตบจนหน้าหันไปนั้นได้แต่ร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึง “ศิษย์พี่ซุนนั้นมีแนวคิดแห่งน้ำแข็งที่บ่มเพาะไปถึงระดับหกขั้นปลายนะ แต่นางกลับ… ถูกซัดจนปลิวด้วยหมัดเดียว?”
ตอนนี้นางไม่อาจจะอธิบายความตกตะลึงของตนออกมาได้
ศิษย์พี่ซุนของนางและเย่หยวนนั้นมีพลังบ่มเพาะห่างกันถึงหนึ่งขั้น ทั้งแนวคิดแห่งน้ำแข็งของนางยังบ่มเพาะขึ้นไปถึงระดับหกขั้นปลาย ฝีมือของนางนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในห้ายอดคนรุ่นใหม่แห่งหอเมฆาน้ำแข็ง แต่นางนั้นกลับพ่ายแพ้ลงด้วยหมัดเดียวเช่นนี้?
เจ้าหมอนี่มันยังเป็นคนอยู่หรือไม่?
“หึๆ ข้าก็บอกแล้วว่าพวกเจ้านั่นแหละที่ไม่รู้จักโลกกว้าง มีหรือที่พลังฝีมือของนายท่านนั้นจะเป็นอะไรที่พวกเจ้าทั้งหลายเอาตัวไปเทียบเคียงได้?”
พนักงานบริกรผู้นั้นพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มราวกับว่าผู้ที่ชนะคนทั้งหลายนี้มันคือตัวเขาเอาก็ไม่ปาน
……………………