“มารอคน? หึ! ข้าว่าเจ้านั้นมาสร้างเรื่องเสียมากกว่า! ที่แห่งนี้มันไม่ต้อนรับเจ้า! เชิญ!”
จางถูนั้นรู้สึกเกลียดชังและเกรงกลัวเย่หยวนไม่น้อย ตอนนี้เขาแค่อยากจะไล่เจ้าเด็กคนนี้ไปให้พ้นๆ
แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าจะไปยุ่มย่ามกับเย่หยวนมากมายนัก เพราะจิตใจของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งปานนั้น
สุดท้ายเขาจึงได้แต่พูดไล่ออกไป
เย่หยวนเทสุราลงดื่มอีกจอกก่อนจะตอบกลับไป “เจ้าวางใจเถอะ หากข้าเสร็จธุระแล้วต่อให้เจ้าจะไปเชิญ ข้าก็คงไม่มาอีก”
เย่หยวนยกสุราของตนขึ้นมาดื่มจนทำให้ทั้งโรงเตี๊ยมมันเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นหอมของสาดตะวันโอบ
เมื่อได้กลิ่นสุรานี้สุราเพลิงคลั่งใดๆ มันก็ไม่มีรสไม่มีชาติอีกต่อไป
ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาก็ต้องจงใจทำแน่
ภายในโรงเตี๊ยมน้อยๆ นี้ความเจ็บแค้นดวงใจจึงพุ่งทะยานขึ้น
มีหรือที่จางถูจะไม่เข้าใจว่าคนทั้งหลายนั้นคิดอย่างไร? เขานั้นคิดอยากจะเตะเย่หยวนออกไปจากร้านด้วยเท้าของตนเสียให้ได้ แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ยอมจะไป
ไม่นานนักก็มีชายแก่ชุดเทาเดินเข้ามายังโรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งนี้
เมื่อชายแก่คนนี้มาถึงเขาก็ตะโกนสั่งทันที “จางถู เฒ่าคนนี้ขอสุราเพลิงคลั่งสามไหพร้อมกับแกล้ม!”
เมื่อจางถูได้เห็นผู้ที่มาถึงนี้เขาก็รีบเข้าไปรับหน้าด้วยท่าทางสุภาพทันที “แหม! อาจารย์ซ่งเฉา ไม่ได้มาเสียหลายวันเลยนะ!”
ตอนนี้มันมิใช่แค่จางถู แต่คนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมเวลานี้เมื่อได้เห็นซ่งเฉาแล้วพวกเขาต่างก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพชายแก่ตามๆ กัน
ดูท่าแล้วตำแหน่งของซ่งเฉาในชุมเก้าสายนี้มันคงสูงส่งไม่น้อย ไม่มีใครไม่รู้จักตัวเขา
ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ข้ายุ่งกับการหลอมโอสถมาหลายวัน พอหลอมโอสถแล้วเสร็จท้องมันก็ร้องขึ้นมา ข้าเลยรีบมุ่งหน้ามาทันที อ่า นี่มันกลิ่นหอมนัก! เฒ่าถู ร้านเจ้ามีสุราใหม่หรือ? ทำไมมันถึงได้หอมหวนเช่นนี้?”
ซ่งเฉากล่าวถามขึ้นมาพร้อมจมูดที่พยายามสูดดมกลิ่นนั้น กลิ่นหอมของสุราชนิดนี้มันทำให้ตัวเขารู้สึกสดชื่นหัวใจอย่างมากมายมหาศาล
แต่เมื่อเขาถามขึ้นมาสีหน้าของจางถูก็เปลี่ยนไปทันที ไม่รู้จะต้องตอบมันว่าอย่างไร
แต่กลับเป็นคนชอบแส่เรื่องชาวบ้านผู้หนึ่งที่พูดขึ้นมาแทน “อาจารย์ซ่งเฉา สุรานั้นมันเป็นของที่เจ้าเด็กคนนั้นนำมาดื่มเอง”
ซ่งเฉาจึงได้หันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึงก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาทันที “เด็กน้อย สุรานี้กลิ่นดี ให้เฒ่าคนนี้ลองมันหน่อย”
คำพูดของเขานี้มันไม่มีการขอใดๆ แต่เป็นคำสั่ง
ความหมายของเขาก็คือ จะดื่มให้ได้ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่!
เมื่อจางถูได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
‘เจ้าชอบอวดตัวนักมิใช่หรือ?’
‘ตอนนี้อาจารย์ซ่งเฉาท่านมาขอสุราของเจ้าแล้ว ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะยังกล้าปฏิเสธหรือไม่!’
เย่หยวนนั้นไม่คิดเงยหน้ามองใดๆ รินสุราสาดตะวันโอบลงจอกตนเองก่อนจะเปิดปากขึ้นพูด “เจ้าคือซ่งเฉา?”
ซ่งเฉาที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที ดูท่าคงไม่ชอบน้ำเสียงของเย่หยวนนี้สักเท่าไหร่ “ใช่แล้ว เฒ่าคนนี้นี่แหละซ่งเฉา เด็กน้อย สุรานี้…”
คำพูดของเขายังกล่าวไม่ทันจบเย่หยวนก็หยิบเอาจดหมายน้อยออกมาวางต่อหน้าเขา
“สารท้าดวล?”
ซ่งเฉานั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา “เด็กน้อย เจ้าคิดจะท้าเฒ่าคนนี้? เจ้าคิดว่าเฒ่าคนนี้เป็นใครกัน?”
คนทั้งหลายที่ได้เห็นเองก็ต้องผงะไปตามๆ กัน เจ้าเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วหรือ?
“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกัน? หรือว่ามันจะเสียสติ? อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นถึงหนึ่งในสามจอมเทพโอสถหกดาวที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสายเรา แต่ตัวมันที่เป็นแค่เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกลับกล้าท้าทายอาจารย์ซ่งเฉา?”
“อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่ง มีหรือที่ใครก็จะสามารถท้าทายเขาได้?”
“เจ้าเด็กคนนี้มันคงบ้าอยากดังใช่ไหมล่ะเนี่ย? ถึงกับกล้าหาเรื่องสร้างจุดสนใจใหญ่โตขนาดนี้”
“อ่า! ข้ารู้แล้ว ที่แท้คนที่มันบอกว่ากำลังรออยู่ก็คืออาจารย์ซ่งเฉานี่เอง!”
…
ในเวลานี้เมื่อมีคนคิดขึ้นมาได้ คนทั้งหลายก็ถึงบางอ้อไปตามๆ กัน
หากแค่บอกว่าเจ้าเด็กคนนี้สังหารดาบสายฟ้าหวางเหิงลงด้วยกระบวนท่าเดียว คนทั้งหลายก็ย่อมจะพอเข้าใจได้
แต่ตอนนี้กลับคิดไปท้าทายซ่งเฉานั้น พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่อาจทำใจยอมรับ
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการฆ่าสังหารนั้นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทุ่งราบสุดอุดรนี้ การยกดาบทะเลาะกันมันเป็นสิ่งที่สุดแสนชินตาผู้คน
แต่ในทุ่งราบสุดอุดรนี้ตำแหน่งของจอมเทพโอสถนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่
เพราะด้วยสภาพอากาศของทุ่งราบสุดอุดรที่สุดแสนโหดร้าย พลังงานวิญญาณใดๆ ก็ต่ำตมไม่เหมาะกับการเลี้ยงดูนักหลอมโอสถเลย
เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งสำเร็จวิชาโอสถได้ในดินแดนนี้ พวกเขาก็จะกลายเป็นยอดคนที่ทุกผู้คนนับหน้าถือตา
เพราะว่าเหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นต้องพึ่งพาโอสถในการบ่มเพาะมากกว่าทางแดนใต้อย่างมหาศาล
เพราะการจะต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาทั้งหลายจึงต้องพึ่งพาโอสถอย่างไม่อาจขาดได้
ส่วนทางซ่งเฉาเองนั้นก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามยอดจอมเทพโอสถหกดาวแห่งชุมเก้าสายนี้
ตัวเขานั้นยืนอยู่สูงสุดเหนือชุมเก้าสายนี้ แต่ตอนนี้เด็กน้อยที่ไหนไม่รู้กลับเดินมาท้าดวลซ่งเฉา แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมต้องคิดว่าเด็กคนนี้เสียสติไปแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงร้องจากรอบด้านซ่งเฉาก็ยิ้มเย้ยขึ้นมา “ได้ยินไหมเจ้าเด็กน้อย? เฒ่าคนนี้มีฝีมือมากพอจะยืนติดหนึ่งในสามยอดคนแห่งชุมเก้าสายนี้ และอีกสองคนนั้นมันก็ไม่ได้เก่งกาจกว่าเฒ่าคนนี้ไปมากมาย เจ้าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานคิดจะท้าทายเฒ่าคนนี้หรือ? หึๆ!”
“นี่มิใช่สารท้าดวลแก่เจ้า แต่มันเป็นสารต่ออาจารย์ของเจ้าเทพสวรรค์กู้หง เจ้านั้นไม่มีค่าพอให้ข้าต้องไปท้าดวลหรอก” เย่หยวนยกสุราขึ้นจิบพร้อมกล่าว
คำพูดเดียวนี้มันทำให้ผู้คนทั้งหลายแทบสิ้นสติ!
เหล่าคนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ
ตอนนี้แม้แต่ตัวซ่งเฉาก็ยังได้แต่ยืนงง
อาจารย์ของเขานั้นเป็นเทพสวรรค์กู้หง นักหลอมโอสถที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสาย อยู่เหนือล้ำอันดับใดๆ
เพราะว่าเขานั้นคือจอมเทพโอสถเจ็ดดาวเพียงคนเดียวของที่แห่งนี้!
ต่อให้เป็นเหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ ของชุมเก้าสายนี้เองพวกเขาก็ได้แต่ต้องก้มหัวเรียกเทพสวรรค์กู้หงว่าพี่
“ห-หึๆ เด็กน้อย เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ท้าทายท่านอาจารย์กู้หง? ใครสั่งสอนให้เจ้ามาทำเรื่องเช่นนี้?” ซ่งเฉารู้สึกราวกับว่าได้ฟังเรื่องราวสุดบ้าบอ
ในสายตาของเขาแล้วเทพสวรรค์กู้หงนั้นคือเทพ เทพเจ้าที่ไม่อาจเทียบเคียงได้!
ตอนนี้มันกลับมีเด็กคนหนึ่งคิดท้าทายเทพเจ้า เรื่องนี้ใครจะไปยอมทนฟังได้กัน
เย่หยวนตอบกลับมา “ข้าก็รู้ว่ามันคงไม่ง่ายนัก เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะยิงไฟออกมา หากเจ้าดับมันลงได้ข้าจะนับว่าตนพ่ายแพ้และไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นอีกพร้อมยังจะมอบสุราสาดตะวันโอบหนึ่งไหให้เจ้าด้วย”
“ฮ่าๆๆ…” คนทั้งหลายหัวเราะขึ้นมา
พวกเขานั้นหัวเราะชอบใจในความโง่ของเย่หยวน หัวเราะที่เย่หยวนประเมินตนเองสูงส่งจนเกินไป
ทางซ่งเฉาที่ได้ยินก็อมยิ้มขึ้นมาเช่นเดียวกัน “เด็กน้อย นักหลอมโอสถทั้งหลายของแดนสุดอุดรเรานั้นอาจจะไม่ชนะเรื่องการหลอมโอสถกับคนจากแดนอื่น แต่เรื่องการควบคุมไฟแล้ว ดินแดนอื่นก็คงไม่อาจเทียบเคียงกับเราได้เช่นกัน เจ้าคิดจะเล่นไฟกับเฒ่าคนนี้?”
เย่หยวนตอบออกมา “เจ้าว่ามาเถอะว่าจะรับคำท้าหรือไม่”
ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ได้ เฒ่าคนนี้จะรับ! หากเฒ่าคนนี้แพ้ข้าจะช่วยเอาจดหมายนี้ไปส่งให้ในทันทีเลย! แต่หากเจ้าแพ้ สุรานี้…”
ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมันมิใช่ความพ่ายแพ้หรือชนะแต่เป็นตัวสาดตะวันโอบ
เพราะสุรานี้มันช่างหอมหวนเสียเหลือเกิน
เย่หยวนขยับมือส่งไหสุราหนึ่งลงวางบนโต๊ะ
เมื่อทุกผู้คนเห็นเช่นนั้นดวงตาของพวกเขาทั้งหลายก็แทบจะถลนออกจากเบ้า
ที่แท้เจ้าเด็กคนนี้มันยังมีสาดตะวันโอบอยู่กับตัวอีกมาก!
หรือว่า… แท้จริงแล้วสุรานี้มันจะเป็นคนหลอมกลั่นขึ้นเอง?
ฟุบ!
เย่หยวนดีดนิ้วเบาๆ ส่งเอาก้อนเพลิงบินเข้าไปหาซ่งเฉาเบาๆ
ซ่งเฉาที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าการควบคุมไฟ? เด็กน้อย เจ้าคงได้ทำให้ตัวเองขายหน้าเปล่าๆ แล้ว! แต่สุรานี้ของเจ้ามันเป็นของดีจริงๆ!”
ซ่งเฉาได้ขยับฝ่ามือของตนออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก้อนเพลิงรูปเสือตัวโตพุ่งทะยานเข้าหาก้อนไฟน้อยๆ ของเย่หยวนในทันที
คนทั้งหลายที่ได้เห็นต่างแสดงสีหน้าเสียดายออกมา พวกเขาบางคนนั้นนึกไปถึงขั้นว่าบางทีเย่หยวนอาจจะเก่งกาจแท้จริง แต่สุดท้ายกลับมีฝีมืออยู่เท่านี้
พูดจาเสียใหญ่โตจริงๆ!
ฟู่…
จากนั้นมันก็เกิดเสียงลมดังขึ้นพร้อมด้วยการที่เจ้าเสือเพลิงนั้นปะทะเข้ากับก้อนไฟน้อยของเย่หยวน แต่ตัวเสือเพลิงนั้นมันกลับจางหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย
นั่นทำให้ผู้คนทั้งหลายได้แต่อ้าปากค้างอย่างแทบลืมหายใจ!
………………………………….
“มารอคน? หึ! ข้าว่าเจ้านั้นมาสร้างเรื่องเสียมากกว่า! ที่แห่งนี้มันไม่ต้อนรับเจ้า! เชิญ!”
จางถูนั้นรู้สึกเกลียดชังและเกรงกลัวเย่หยวนไม่น้อย ตอนนี้เขาแค่อยากจะไล่เจ้าเด็กคนนี้ไปให้พ้นๆ
แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าจะไปยุ่มย่ามกับเย่หยวนมากมายนัก เพราะจิตใจของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งปานนั้น
สุดท้ายเขาจึงได้แต่พูดไล่ออกไป
เย่หยวนเทสุราลงดื่มอีกจอกก่อนจะตอบกลับไป “เจ้าวางใจเถอะ หากข้าเสร็จธุระแล้วต่อให้เจ้าจะไปเชิญ ข้าก็คงไม่มาอีก”
เย่หยวนยกสุราของตนขึ้นมาดื่มจนทำให้ทั้งโรงเตี๊ยมมันเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นหอมของสาดตะวันโอบ
เมื่อได้กลิ่นสุรานี้สุราเพลิงคลั่งใดๆ มันก็ไม่มีรสไม่มีชาติอีกต่อไป
ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาก็ต้องจงใจทำแน่
ภายในโรงเตี๊ยมน้อยๆ นี้ความเจ็บแค้นดวงใจจึงพุ่งทะยานขึ้น
มีหรือที่จางถูจะไม่เข้าใจว่าคนทั้งหลายนั้นคิดอย่างไร? เขานั้นคิดอยากจะเตะเย่หยวนออกไปจากร้านด้วยเท้าของตนเสียให้ได้ แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ยอมจะไป
ไม่นานนักก็มีชายแก่ชุดเทาเดินเข้ามายังโรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งนี้
เมื่อชายแก่คนนี้มาถึงเขาก็ตะโกนสั่งทันที “จางถู เฒ่าคนนี้ขอสุราเพลิงคลั่งสามไหพร้อมกับแกล้ม!”
เมื่อจางถูได้เห็นผู้ที่มาถึงนี้เขาก็รีบเข้าไปรับหน้าด้วยท่าทางสุภาพทันที “แหม! อาจารย์ซ่งเฉา ไม่ได้มาเสียหลายวันเลยนะ!”
ตอนนี้มันมิใช่แค่จางถู แต่คนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมเวลานี้เมื่อได้เห็นซ่งเฉาแล้วพวกเขาต่างก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพชายแก่ตามๆ กัน
ดูท่าแล้วตำแหน่งของซ่งเฉาในชุมเก้าสายนี้มันคงสูงส่งไม่น้อย ไม่มีใครไม่รู้จักตัวเขา
ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ข้ายุ่งกับการหลอมโอสถมาหลายวัน พอหลอมโอสถแล้วเสร็จท้องมันก็ร้องขึ้นมา ข้าเลยรีบมุ่งหน้ามาทันที อ่า นี่มันกลิ่นหอมนัก! เฒ่าถู ร้านเจ้ามีสุราใหม่หรือ? ทำไมมันถึงได้หอมหวนเช่นนี้?”
ซ่งเฉากล่าวถามขึ้นมาพร้อมจมูดที่พยายามสูดดมกลิ่นนั้น กลิ่นหอมของสุราชนิดนี้มันทำให้ตัวเขารู้สึกสดชื่นหัวใจอย่างมากมายมหาศาล
แต่เมื่อเขาถามขึ้นมาสีหน้าของจางถูก็เปลี่ยนไปทันที ไม่รู้จะต้องตอบมันว่าอย่างไร
แต่กลับเป็นคนชอบแส่เรื่องชาวบ้านผู้หนึ่งที่พูดขึ้นมาแทน “อาจารย์ซ่งเฉา สุรานั้นมันเป็นของที่เจ้าเด็กคนนั้นนำมาดื่มเอง”
ซ่งเฉาจึงได้หันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึงก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาทันที “เด็กน้อย สุรานี้กลิ่นดี ให้เฒ่าคนนี้ลองมันหน่อย”
คำพูดของเขานี้มันไม่มีการขอใดๆ แต่เป็นคำสั่ง
ความหมายของเขาก็คือ จะดื่มให้ได้ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่!
เมื่อจางถูได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
‘เจ้าชอบอวดตัวนักมิใช่หรือ?’
‘ตอนนี้อาจารย์ซ่งเฉาท่านมาขอสุราของเจ้าแล้ว ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะยังกล้าปฏิเสธหรือไม่!’
เย่หยวนนั้นไม่คิดเงยหน้ามองใดๆ รินสุราสาดตะวันโอบลงจอกตนเองก่อนจะเปิดปากขึ้นพูด “เจ้าคือซ่งเฉา?”
ซ่งเฉาที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที ดูท่าคงไม่ชอบน้ำเสียงของเย่หยวนนี้สักเท่าไหร่ “ใช่แล้ว เฒ่าคนนี้นี่แหละซ่งเฉา เด็กน้อย สุรานี้…”
คำพูดของเขายังกล่าวไม่ทันจบเย่หยวนก็หยิบเอาจดหมายน้อยออกมาวางต่อหน้าเขา
“สารท้าดวล?”
ซ่งเฉานั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา “เด็กน้อย เจ้าคิดจะท้าเฒ่าคนนี้? เจ้าคิดว่าเฒ่าคนนี้เป็นใครกัน?”
คนทั้งหลายที่ได้เห็นเองก็ต้องผงะไปตามๆ กัน เจ้าเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วหรือ?
“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกัน? หรือว่ามันจะเสียสติ? อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นถึงหนึ่งในสามจอมเทพโอสถหกดาวที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสายเรา แต่ตัวมันที่เป็นแค่เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกลับกล้าท้าทายอาจารย์ซ่งเฉา?”
“อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่ง มีหรือที่ใครก็จะสามารถท้าทายเขาได้?”
“เจ้าเด็กคนนี้มันคงบ้าอยากดังใช่ไหมล่ะเนี่ย? ถึงกับกล้าหาเรื่องสร้างจุดสนใจใหญ่โตขนาดนี้”
“อ่า! ข้ารู้แล้ว ที่แท้คนที่มันบอกว่ากำลังรออยู่ก็คืออาจารย์ซ่งเฉานี่เอง!”
…
ในเวลานี้เมื่อมีคนคิดขึ้นมาได้ คนทั้งหลายก็ถึงบางอ้อไปตามๆ กัน
หากแค่บอกว่าเจ้าเด็กคนนี้สังหารดาบสายฟ้าหวางเหิงลงด้วยกระบวนท่าเดียว คนทั้งหลายก็ย่อมจะพอเข้าใจได้
แต่ตอนนี้กลับคิดไปท้าทายซ่งเฉานั้น พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่อาจทำใจยอมรับ
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการฆ่าสังหารนั้นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทุ่งราบสุดอุดรนี้ การยกดาบทะเลาะกันมันเป็นสิ่งที่สุดแสนชินตาผู้คน
แต่ในทุ่งราบสุดอุดรนี้ตำแหน่งของจอมเทพโอสถนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่
เพราะด้วยสภาพอากาศของทุ่งราบสุดอุดรที่สุดแสนโหดร้าย พลังงานวิญญาณใดๆ ก็ต่ำตมไม่เหมาะกับการเลี้ยงดูนักหลอมโอสถเลย
เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งสำเร็จวิชาโอสถได้ในดินแดนนี้ พวกเขาก็จะกลายเป็นยอดคนที่ทุกผู้คนนับหน้าถือตา
เพราะว่าเหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นต้องพึ่งพาโอสถในการบ่มเพาะมากกว่าทางแดนใต้อย่างมหาศาล
เพราะการจะต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาทั้งหลายจึงต้องพึ่งพาโอสถอย่างไม่อาจขาดได้
ส่วนทางซ่งเฉาเองนั้นก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามยอดจอมเทพโอสถหกดาวแห่งชุมเก้าสายนี้
ตัวเขานั้นยืนอยู่สูงสุดเหนือชุมเก้าสายนี้ แต่ตอนนี้เด็กน้อยที่ไหนไม่รู้กลับเดินมาท้าดวลซ่งเฉา แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมต้องคิดว่าเด็กคนนี้เสียสติไปแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงร้องจากรอบด้านซ่งเฉาก็ยิ้มเย้ยขึ้นมา “ได้ยินไหมเจ้าเด็กน้อย? เฒ่าคนนี้มีฝีมือมากพอจะยืนติดหนึ่งในสามยอดคนแห่งชุมเก้าสายนี้ และอีกสองคนนั้นมันก็ไม่ได้เก่งกาจกว่าเฒ่าคนนี้ไปมากมาย เจ้าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานคิดจะท้าทายเฒ่าคนนี้หรือ? หึๆ!”
“นี่มิใช่สารท้าดวลแก่เจ้า แต่มันเป็นสารต่ออาจารย์ของเจ้าเทพสวรรค์กู้หง เจ้านั้นไม่มีค่าพอให้ข้าต้องไปท้าดวลหรอก” เย่หยวนยกสุราขึ้นจิบพร้อมกล่าว
คำพูดเดียวนี้มันทำให้ผู้คนทั้งหลายแทบสิ้นสติ!
เหล่าคนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ
ตอนนี้แม้แต่ตัวซ่งเฉาก็ยังได้แต่ยืนงง
อาจารย์ของเขานั้นเป็นเทพสวรรค์กู้หง นักหลอมโอสถที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสาย อยู่เหนือล้ำอันดับใดๆ
เพราะว่าเขานั้นคือจอมเทพโอสถเจ็ดดาวเพียงคนเดียวของที่แห่งนี้!
ต่อให้เป็นเหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ ของชุมเก้าสายนี้เองพวกเขาก็ได้แต่ต้องก้มหัวเรียกเทพสวรรค์กู้หงว่าพี่
“ห-หึๆ เด็กน้อย เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ท้าทายท่านอาจารย์กู้หง? ใครสั่งสอนให้เจ้ามาทำเรื่องเช่นนี้?” ซ่งเฉารู้สึกราวกับว่าได้ฟังเรื่องราวสุดบ้าบอ
ในสายตาของเขาแล้วเทพสวรรค์กู้หงนั้นคือเทพ เทพเจ้าที่ไม่อาจเทียบเคียงได้!
ตอนนี้มันกลับมีเด็กคนหนึ่งคิดท้าทายเทพเจ้า เรื่องนี้ใครจะไปยอมทนฟังได้กัน
เย่หยวนตอบกลับมา “ข้าก็รู้ว่ามันคงไม่ง่ายนัก เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะยิงไฟออกมา หากเจ้าดับมันลงได้ข้าจะนับว่าตนพ่ายแพ้และไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นอีกพร้อมยังจะมอบสุราสาดตะวันโอบหนึ่งไหให้เจ้าด้วย”
“ฮ่าๆๆ…” คนทั้งหลายหัวเราะขึ้นมา
พวกเขานั้นหัวเราะชอบใจในความโง่ของเย่หยวน หัวเราะที่เย่หยวนประเมินตนเองสูงส่งจนเกินไป
ทางซ่งเฉาที่ได้ยินก็อมยิ้มขึ้นมาเช่นเดียวกัน “เด็กน้อย นักหลอมโอสถทั้งหลายของแดนสุดอุดรเรานั้นอาจจะไม่ชนะเรื่องการหลอมโอสถกับคนจากแดนอื่น แต่เรื่องการควบคุมไฟแล้ว ดินแดนอื่นก็คงไม่อาจเทียบเคียงกับเราได้เช่นกัน เจ้าคิดจะเล่นไฟกับเฒ่าคนนี้?”
เย่หยวนตอบออกมา “เจ้าว่ามาเถอะว่าจะรับคำท้าหรือไม่”
ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ได้ เฒ่าคนนี้จะรับ! หากเฒ่าคนนี้แพ้ข้าจะช่วยเอาจดหมายนี้ไปส่งให้ในทันทีเลย! แต่หากเจ้าแพ้ สุรานี้…”
ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมันมิใช่ความพ่ายแพ้หรือชนะแต่เป็นตัวสาดตะวันโอบ
เพราะสุรานี้มันช่างหอมหวนเสียเหลือเกิน
เย่หยวนขยับมือส่งไหสุราหนึ่งลงวางบนโต๊ะ
เมื่อทุกผู้คนเห็นเช่นนั้นดวงตาของพวกเขาทั้งหลายก็แทบจะถลนออกจากเบ้า
ที่แท้เจ้าเด็กคนนี้มันยังมีสาดตะวันโอบอยู่กับตัวอีกมาก!
หรือว่า… แท้จริงแล้วสุรานี้มันจะเป็นคนหลอมกลั่นขึ้นเอง?
ฟุบ!
เย่หยวนดีดนิ้วเบาๆ ส่งเอาก้อนเพลิงบินเข้าไปหาซ่งเฉาเบาๆ
ซ่งเฉาที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าการควบคุมไฟ? เด็กน้อย เจ้าคงได้ทำให้ตัวเองขายหน้าเปล่าๆ แล้ว! แต่สุรานี้ของเจ้ามันเป็นของดีจริงๆ!”
ซ่งเฉาได้ขยับฝ่ามือของตนออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก้อนเพลิงรูปเสือตัวโตพุ่งทะยานเข้าหาก้อนไฟน้อยๆ ของเย่หยวนในทันที
คนทั้งหลายที่ได้เห็นต่างแสดงสีหน้าเสียดายออกมา พวกเขาบางคนนั้นนึกไปถึงขั้นว่าบางทีเย่หยวนอาจจะเก่งกาจแท้จริง แต่สุดท้ายกลับมีฝีมืออยู่เท่านี้
พูดจาเสียใหญ่โตจริงๆ!
ฟู่…
จากนั้นมันก็เกิดเสียงลมดังขึ้นพร้อมด้วยการที่เจ้าเสือเพลิงนั้นปะทะเข้ากับก้อนไฟน้อยของเย่หยวน แต่ตัวเสือเพลิงนั้นมันกลับจางหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย
นั่นทำให้ผู้คนทั้งหลายได้แต่อ้าปากค้างอย่างแทบลืมหายใจ!
………………………………….