หลายวันต่อมาข่าวเรื่องราวใหญ่โตก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งชุมเก้าสาย
เทพสวรรค์กู้หงนั้นก้มหัวลงฝากตัวเป็นศิษย์แก่จี้ฉิงหยุน!
เรื่องราวนี้มันเป็นดั่งระเบิดหนักหน่วงทำให้ชุมเก้าสายทั้งหมดทั้งสิ้นแตกตื่นไปตามๆ กัน
“ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่? ไม่ว่าจี้ฉิงหยุนผู้นั้นมันจะเก่งกาจปานใดสุดท้ายก็ยังเป็นแค่จอมเทพโอสถหกดาวมิใช่หรือ? ท่านกู้หงต้องทำถึงขั้นนี้เลย?”
“ช่างเหนือล้ำแท้! จอมเทพโอสถเจ็ดดาวกลับก้มกราบจอมเทพโอสถหกดาวเป็นอาจารย์ ข้าอยู่มานับหมื่นๆ ปีก็ไม่เคยจะได้ยินได้ฟังเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนเลย”
“จี้ฉิงหยุนผู้นี้เป็นเทพมาจากที่ใดกันถึงทำให้ท่านกู้หงต้องยอมก้มหัวลงให้เช่นนี้ได้?”
…
ตอนนี้ทั้งชุมเก้าสายต่างแตกตื่นผู้คนต่างพูดคุยเรื่องราวนี้อย่างไม่ขาดปาก
ทุกผู้คนนั้นต่างตื่นตกใจสงสัยว่าจี้ฉิงหยุนผู้นี้มันเป็นใครมาจากไหน
เทพสวรรค์กู้หงนั้นเป็นตัวตนผู้สูงส่งราวเทพเจ้าในชุมเก้าสายนี้
ต่อให้เป็นเทพสวรรค์คนอื่นๆ เองก็คงไม่อาจจะกล้ามาท้าทายลบหลู่ตัวเขาเช่นกัน
แต่ตอนนี้ตัวตนระดับเทพเจ้าผู้นี้กลับก้มหัวลงให้แก่เด็กหนุ่มอายุแค่พันกว่าปี นับเขาเป็นอาจารย์ มันย่อมจะทำให้ผู้คนทั้งหลายแทบจะต้องหมุนหัวกลับด้าน
แต่ไม่นานนักมันก็ได้มีข่าวอีกเรื่องกระจายออกมา เพราะเวลานี้ห้างยอดโอสถได้นำสุราชนิดใหม่ออกมาวางขาย มีนามว่าสุราสาดตะวันโอบ
ห้างยอดโอสถนั้นได้มอบสิทธิให้ตัวแทนขายเก้าเจ้า เมื่อของนั้นมันออกวางขาย สุรานี้ก็ได้ทำให้คนทั้งชุมเก้าสายแตกตื่นกันอีกครั้ง
ห้างยอดโอสถนั้นมันคือกองกำลังใต้การดูแลของเทพสวรรค์กู้หง
และเจ้าสุราสาดตะวันโอบนี้มันไม่เพียงแค่จะอร่อยเลิศ แต่มันยังช่วยขับไล่ความหนาวเย็นได้อย่างยาวนาน
หากนภาสวรรค์ดื่มมันลงไปหนึ่งจอกพวกเขาก็จะไม่ต้องกลัวความหนาวเย็นใดๆ ไปได้อีกนับครึ่งเดือน
เมื่อสุรานี้ถูกวางจำหน่ายแน่นอนว่าคนทั้งหลายในชุมเก้าสายย่อมจะแย่งชิงกันเข้าซื้ออย่างบ้าคลั่ง ทั้งร้านอาหาร โรงเตี๊ยม ร้านสุราใดๆ ต่างวิ่งเข้าหาห้างยอดโอสถเพื่อหวังจะได้สิทธิ์การขายสุราสาดตะวันโอบนี้
ได้ยินข่าวนั้นจางถูก็แทบจะบ้าตาย
คนอื่นไม่รู้ แต่ตัวเขานั้นมั่นใจว่านี่มันคือสุราสาดตะวันโอบของอาจารย์จี้!
ตอนนี้ท้องไส้ของเขามันปั่นป่วนไปด้วยความเศร้าเสียใจ
หากตอนนั้นเขาไม่ทำตัวอวดเก่งเหนือผู้คนไปลบหลู่อาจารย์จี้เช่นนั้น ด้วยสายสัมพันธ์ที่โรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งเขามีกับอาจารย์ซ่งเฉาแล้ว การจะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนขายสุราสาดตะวันโอบมันก็คงมิใช่เรื่องยากเย็น
แต่น่าเสียดายที่โลกใบนี้มันไม่มีโอสถใดแก้อาการเสียใจภายหลังนี้ได้!
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจางถูก็ยังได้แบกของขวัญใหญ่โตไปหาซ่งเฉา
“อาจารย์ซ่งเฉา ท่านเองก็ทราบดีว่าโรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งข้านั้นเป็นโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งแห่งชุมเก้าสาย มันมีสาขาย่อยอีกกว่าร้อย…”
“ดันดับหนึ่ง? หึๆ เรื่องมันผ่านไปหมดสิ้นแล้ว! ตอนนี้ด้วยสุราสาดตะวันโอบที่วางขายกันในตลาดมีหรือที่โรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งของเจ้าจะยังคิดหนึ่งในสิบได้? สหาย อย่างได้ว่าข้าเลย หากอยากโทษใครก็โทษตนเองที่มีตาแต่ไม่มีแววเถอะ ไปลบหลู่อาจารย์ปู่เช่นนั้น ของทั้งหลายนี้เอามันกลับไปเถอะ หากอาจารย์ปู่รู้เข้าเขาจะไม่หักขาข้าเอาหรือ?”
จางถูนั้นยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องถูกซ่งเฉาดักคอขึ้นมาก่อนและไล่เขากลับอย่างไม่มีเยื่อใย
เมื่อเดินออกมาจากบ้านตระกูลซ่ง ชางถูก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบมันมืดหม่นลง
พลาดก้าวเดียวนี้เขากลับต้องเสียใจไปตลอดกาล!
ในยุคก่อนๆ นั้นสุราเพลิงคลั่งของเขานั้นเป็นหนึ่งในชุมเก้าสาย ว่ากันว่ามันสามารถเรียกฟ้าเรียกฝนได้เสียด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้สุราเพลิงคลั่งของเขามันเป็นได้แค่น้ำเปล่าที่ไม่มีใครสนใจ
และไม่นานตัวแทนผู้รับสิทธิ์การค้าทั้งเก้าก็ถูกเลือกขึ้น เมื่อสุราสาดตะวันโอบออกวางขายในท้องตลาดมันก็หมดลงในเวลาไม่กี่นาที
หน้าร้านตัวแทนการค้าทั้งเก้านั้นมันมีคิวแถวต่อยาวอยู่ทุกวี่วัน
เหล่านักยุทธหลายต่อหลายคนต้องยืนต่อแถวอยู่หลายวันหลายคืน กว่าที่จะได้ลิ้มรสชาติของสุราสาดตะวันโอบในตำนานนี้
“ช่างอร่อยเสียจริงให้ตายเถอะ! ห้างยอดโอสถนี่วางพิษผู้คนแน่แล้ว! หลังดื่มสุรานี้ลงไปแล้วข้าจะยังดื่มสุราใดได้อร่อยอีกเล่า?”
“มีสุราไหนี้อยู่กับตัว ปีนี้ข้าก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องความหนาวเย็นอีกต่อไปแล้ว!”
“สุรานี้มันเป็นของจากสวรรค์ชัดๆ! สุราดี ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
…
หลังจากสุราสาดตะวันโอบถูกวางขายในท้องตลาดมันก็ได้กลายเป็นที่นิยมของทุกผู้คน ต่อให้ทางห้างยอดโอสถจะหลอมกลั่นมันอยู่ตลอดเวลา มันก็ไม่อาจจะตอบสนองความต้องการที่มากล้นนั้นได้พอเพียง
หลังจากนั้นมาเหล่าร้านอาหารทั้งหลายต่างเริ่มตั้งมาตรการจำกัดปริมาณการดื่ม
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นราคาของสุราสาดตะวันโอบแค่จอกเดียวมันก็ยังพุ่งสูงล้ำ
เพียงแค่ว่าแม้มันจะมีราคาสูงเท่าใด มันก็ไม่เคยมีใครคิดจะเอาสุราของตนออกมาขาย
เพราะผู้ที่ได้ซื้อไปทั้งไหในช่วงแรกๆ ต่างพยายามเก็บรักษาสุราของตนนั้นไว้อย่างดี ไม่ยอมให้ผู้คนได้รู้ว่าตนนั้นมีมันอยู่ในครอบครอง
จนในวันนี้ ในที่สุดจางถูก็ได้ซื้อสุราสาดตะวันโอบมาลองเป็นครั้งแรกหลังจากต้องรอคิวแถวยาวนานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน
เพราะฉะนั้นเวลานี้เขาจึงอยากจะลองดื่มมันจนสุดใจ
เมื่อสุรานั้นได้ลงไปถึงท้องของเขา เขาก็รู้สึกถึงความหอมหวานแผ่ซ่านไปทั่วกายราวกับสายฟ้าที่ไหลวน
ในเวลาเดียวกันนั้นเองความร้อนในจุดตันเถียนก็ปะทุขึ้นมาราวกับว่าตัวเขานั้นได้อาบอยู่ใต้แสงตะวันร้อนแรง ทำให้อบอุ่นทั้งกายใจ
“สุราดี! ช่างเป็นยอดสุราจริงๆ!” จางถูร้องชมออกมา
แต่หลังชมเสร็จ เขาก็ได้แต่นั่งเศร้าเสียใจ
สุราชั้นดีเช่นนี้ เขากลับปล่อยมันผ่านหน้าไป!
เดิมทีตัวเขาน่าจะเป็นผู้ที่เรียกลมฟ้าในวงการสุราของชุมเก้าสายนี้ได้
แต่ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันกลับผิดพลาดไปหมด!
…
ภายในห้างยอดโอสถ ตอนนี้เทพสวรรค์กู้หงกำลังจ้องมองดูเย่หยวนด้วยความเคารพ
เรื่องของเย่หยวนนั้นเขาได้ชื่นชมยอมรับเย่หยวนอย่างสุดหัวใจทุกทาง
หลังจากเย่หยวนเข้าห้างยอดโอสถมา เทพสวรรค์กู้หงก็ได้ถามสิ่งที่ติดค้างใจในวิชาโอสถอยู่ออกมา และสิ่งที่เย่หยวนอธิบายออกมานั้นมันทำให้เขาแทบลืมหายใจ
เพราะเดิมทีในส่วนที่เขาไม่เคยจะเข้าใจ จู่ๆ ทุกสิ่งอย่างมันก็กลับกระจ่างชัด
หลังจากวันนั้นเขาก็ได้มาถามคุยกับเย่หยวนในเรื่องเต๋าโอสถมากขึ้นเรื่องๆ และยิ่งได้รับรู้ถึงความเก่งกาจที่เหนือล้ำของเย่หยวน
จนถึงเวลาหนึ่งที่เขาเริ่มคิดสงสัยว่าแท้จริงเย่หยวนนั้นก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรบรรพกาลในตำนานนั้นแล้วหรือไม่
ไม่เช่นนั้นแล้วคนธรรมดาๆ จะเข้าใจเต๋าโอสถได้ลึกล้ำปานนี้หรือ?
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจหนักแน่นก้มกราบเย่หยวนเป็นอาจารย์
แรกๆ แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะลังเลใจ
แต่การที่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวผู้นี้กล้าก้มหัวลงกราบเขาเป็นอาจารย์ มันย่อมจะแสดงได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้รักในเต๋าโอสถมากมายปานใด
ที่สำคัญไปกว่านั้นเย่หยวนยังต้องใช้พลังของเทพสวรรค์กู้หงในการช่วยเหลือลู่เอ๋อด้วย
หลังจากรับเขาเข้าเป็นศิษย์แล้วเย่หยวนก็ได้มอบสุราสาดตะวันโอบให้แก่เทพสวรรค์กู้หงได้ดื่ม
หลังจากเทพสวรรค์กู้หงได้ดื่มแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกเคารพเย่หยวนอย่างสุดใจ
อย่างที่ว่า ไม่รู้ว่ายาก คนรู้ว่าง่าย การที่เย่หยวนจะหยิบเอาสูตรสุราระดับนี้ออกมาให้เขาได้ง่ายๆ มันย่อมจะหมายความว่าความเข้าใจในเต๋าโอสถของเขานั้นมันเหนือล้ำเกินจินตนาการ
และก็ตามคาด เมื่อสุราสาดตะวันโอบนี้ถูกวางขาย มันก็ได้สร้างแรงสะเทือนไปทั้งชุมเก้าสายจนทำรายได้ให้แก่ห้างยอดโอสถอย่างมหาศาล
“ได้ฟังท่านอาจารย์สั่งสอนมาหลายวันนี้ ศิษย์รู้สึกราวกับว่าเริ่มจะเห็นฐานของอาณาจักรเต๋าขั้นกลางแล้ว” เทพสวรรค์กู้หงกล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ
แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “เจ้านั้นยังห่างไกลไปมาก! แม้ว่าเจ้าจะขึ้นมาเป็นจอมเทพโอสถเจ็ดดาวและเทพสวรรค์ได้ แต่พื้นฐานของเจ้านั้นมันช่างกลวงโบ๋ เจ้าอาจจะรู้สึกเหมือนได้เห็นฐานของอาณาจักรเต๋าขั้นกลาง แต่แท้จริงแล้วเจ้ายังอยู่ห่างไกลมันลิบ ต่อให้มีเวลาอีกพัน อีกหมื่นปี เจ้าก็ไม่อาจจะก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นกลางได้แน่”
เมื่อเริ่มสั่งสอนเทพสวรรค์กู้หงหลายวันมานี้ เย่หยวนก็ถึงกับต้องตกตะลึง
เขาไม่เคยพบเจอจอมเทพโอสถเจ็ดดาวผู้ใดที่มีพื้นฐานวิชาอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน
การขึ้นมาถึงระดับเจ็ดดาวได้ ดูท่าเทพสวรรค์กู้หงคงต้องได้ไปเจอโชคดีอะไรสักอย่างแน่
หากเอาเขาคนนี้กลับไปยังแดนใต้แล้ว เทพสวรรค์กู้หงคงอ่อนแอยิ่งกว่าหยุนยี่เสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องไปพูดถึงเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายเลย
เมื่อได้ยินและเห็นสีหน้านั้นของเย่หยวน เทพสวรรค์กู้หงก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา “เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์ว่ามาจริง ในทุ่งราบสุดอุดรนี้มันขาดแคลนสมุนไพรใดๆ และไม่มีความรู้ที่สืบต่อ หากคิดอยากก้าวขึ้นให้ถึงเจ็ดดาวแล้วมันคงยากเสียยิ่งกว่าทะยานขึ้นสวรรค์เสียอีก!”
เย่หยวนพยักหน้าออกมา “เพราะฉะนั้นหากเจ้าอยากจะพัฒนาจริงๆ ก็จงอย่าเอาแต่เงยหน้ามองจุดสูงสุด จงก้มลงไปมองพื้นดินเสีย”
เทพสวรรค์กู้หงรีบรับคำทันที
ระหว่างที่เย่หยวนสั่งสอนพูดคุยไปเทพสวรรค์กู้หงก็ทำหน้าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้และกล่าวถามขึ้น “ท่านอาจารย์ ตอนนี้ยอดเทพสวรรค์คนอื่นทั้งแปดของชุมเก้าสายได้ยินเรื่องราวของท่านและคิดอยากจะมาเข้าพบ ท่าน… คิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
……………………
Related